การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 1

การเดินทางของความรู้สึก
ตอนที่ 1




2 ธันวาคม 2005

          ท้องฟ้าที่มืดมิดเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงและหิมะที่ตกบางคราในช่วงฤดูหนาว เป็นสิ่งไร้ความอภิรมย์หากต้องยืนอยู่หน้าในสถานีสต็อกโฮล์ม เซ็นทรัลในยามหกโมงครึ่ง ธเนศซึ่งสวมใส่เสื้อสเว็ตเตอร์สองชั้น สวมทับด้วยเสื้อโค๊ทสีดำอีกหนึ่งชั้น เขาเพิ่งกลับจากการสัมมนาวิชาการเป็นระยะเวลาสองวันหนึ่งคืนที่มัลโม  และรู้ตัวว่าเขานัดพบกับเธอ เขานัดเธอไว้ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในละแวกโบสถ์สโตร์ซีร์กัน ย่านกัมลา สตัน ซึ่งถือเป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดในสวีเดนในเวลาหนึ่งทุ่มตรง เขาโบกแท็กซี่ รถแล่นสู่ถนนเซ็นทรัลบลอน ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าไปถนนมิทกาตันหรือถนนเหรียญ เขากดแป้นโทรศัพท์ถึงเธอ  

          “ต้องขอโทษจริงๆ ผมเพิ่งกลับจากมัลโม ผมอาจจะไปช้าสักหน่อย คงไม่เกินสิบนาทีจากนี้” เขาตรวจดูข้อความโดยถี่ถ้วนอีกครั้ง ก่อนที่จะส่งข้อความทางโทรศัพท์

          สองนาทีถัดมา เธอตอบกลับข้อความของเขาอย่างสั้นๆว่า

          “ไม่เป็นไร ฉันเองก็เพิ่งมาถึง

          แน่นอนว่าเขาดูกังวลเป็นพิเศษกับการนัดในครั้งนี้ เมื่อดูจากสีหน้าของธเนศ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาประหม่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือขวาของเขาร้อนผ่าวและมีเหงื่อซึมตรงข้อมือที่เขาสวมนาฬิกา เขานึกถึงใบหน้าของรินะ ไอซาวะ แฟนสาวอายุยี่สิบเจ็ดปีจากจังหวัดโทยามะ หลังจากใช้เวลาด้วยกันเพื่อที่จะค้นหาความหมายของกันและกันเป็นเวลาสองปีตั้งแต่ตอนรู้จักกันครั้งแรกที่กรุงเทพฯในปี2003

          เขาตัดสินใจที่จะขอเธอแต่งงานในวันนี้ หลังจากที่เขารับงานสอนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในสต็อกโฮล์มได้มากกว่าปีครึ่งแล้ว เขาจึงคิดว่าเขาพร้อมสำหรับการเดินทางในฐานะชีวิตคู่ ทั้งเขาและเธอ ต่างก็เป็นคู่ที่ลงตัวกันพอดิบพอดี สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเหมือนหยดน้ำที่เติมเต็มความบกพร่องในชีวิต อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่เหลือใครอื่นนอกจากรินะ เขาเดินทางมาถึงในวันที่เขา ซึ่งอายุครบสามสิบสองปีพอดีในปีนี้ เขาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วยแล้วว่านี่อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับตัวของเขา แต่สำหรับตัวของเธอนั้น เขาไม่แน่ใจนัก เธอยังอ่อนกว่าเขาห้าปี และเขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะอยากใช้ชีวิต โดยเฉพาะพิธีแต่งงานที่เธอจะต้องพบเจอ เขาไม่แน่ใจเช่นกันว่าพิธีแต่งงานจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนเรื่องมากในความต้องการของตนเอง เพียงแค่เขาได้ใช้ชีวิตกับเธอด้วยกันก็เป็นสิ่งที่อิ่มเอมพอใจที่สุดสำหรับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งงาน หรือแหวนหมั้นใด ๆ ด้วยก็ยิ่งดี การเก็บเงินไว้เที่ยวที่ใดสักแห่งคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าสิ่งเหล่านี้

          เขาไม่ได้ตระเตรียมอะไรให้ดูมากเรื่อง สิ่งที่เขามีในตอนนี้คือเงินจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ในบัญชีธนาคารที่ไทยและสวีเดน เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในโลกปัจจุบัน เขาอาจต้องซื้อขาด อพาร์ทเมนท์ในย่านชานเมืองสต็อกโฮล์มเพื่อเป็นบ้านสำหรับพวกเขาทั้งคู่ หรือบางที เขาอาจจะต้องกลับไปกรุงเทพฯ หรือญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของใครสักคน เพราะหนึ่งในสองที่นี้ พวกเขาล้วนมีบ้านเป็นหลักแหล่ง บางทีการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในเมืองหลวงของสวีเดนถือว่าเป็นเรื่องที่ยาวไกลพอสมควร

          แม้เขาจะไม่ชอบแหวนหมั้น แต่เขาก็เพิ่งซื้อแหวนพลอยเม็ดงามราคาแพงจากเพื่อนของเขาคนหนึ่ง เขาตั้งใจจะมอบให้เธอเมื่อเธอตอบตกลง

          รินะ ไอซาวะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะขอเธอแต่งงาน การออกนอกห้องพักไปทานอาหารเย็นด้วยกันถือว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเนืองๆ ประมาณสองอาทิตย์ครั้ง เธอเคยชินกับอาหารของที่นี่ โดยเฉพาะอาหารที่เป็นทั้งของว่างและมื้อหลักอย่างสเมอร์กอสบอร์ด เมื่อเธอแจ้งแก่พนักงานต้อนรับและเข้ามานั่งในร้านอาหารแห่งนี้ เธอเห็นเหล้ายินซึ่งถือเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับชาวสวีดิขตั้งอยู่กลางโต๊ะ ภายในร้านมีโต๊ะประมาณสิบตัว เธอได้กลิ่นหอมของเนื้อเอลค์ย่าง เมื่อบริกรเสิร์ฟสเมอร์กอสบอร์ด เธอปฏิเสธมันเพราะต้องการจะรอธเนศมาถึง กระนั้นเธอดื่มน้ำแร่ไปพลางก่อนเพราะเธอก็เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาเช่นกัน  
    
          เขาขอให้คนขับรถจอดบริเวณหัวมุมก่อนที่จะถึงถนนสลอทสกาเจน เขาเดินข้ามถนนเพื่อตัดเข้าไปย่านโบสถ์สโตร์ซีร์กัน เขายกแขนเพื่อดูนาฬิกาอีกครั้ง เลยเวลานัดมาสองนาทีแล้ว เขาประหม่ากว่าเดิม เนื่องด้วยเข้าใจดีว่าทั้งคนสวีดิช และญี่ปุ่นต่างเข้มงวดกับสิ่งที่เรียกว่า “เวลา” ซึ่งคนที่เกิดในจังหวัดเชียงใหม่ และเติบโตที่กรุงเทพนั้นไม่มีทางเข้าใจเลย เขาอาจล้มเหลวกับการแต่งงานเพียงเพราะเขาไปสาย สีหน้าของเขาดูซีดเผือก ขาของเขายิ่งเดินก็ยิ่งแข็ง เพราะอากาศนั้นหนาวเกินกว่าที่กล้ามเนื้อจะเกร็งไหว
    
          ร้านอาหารนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามโบสถ์ติดกระจกใสรอบร้าน อีกทั้งระยะห่างระหว่างเขาและเธออาจห่างไม่เกินสิบเมตรทำให้เขาที่ยืนอยู่ตรงโบสถ์มองเธอสวมโค๊ทสีชมพูอ่อน รองเท้าบู๊ทหนังหนาและยาวพอควร เธอกำลังนั่งรอเขาอยู่ตรงกลางร้าน เขาตั้งใจจะให้เธอดูเด่นเป็นพิเศษเมื่อถึงคราวที่เขาขอเธอแต่งงาน พนักงานในร้านจะดับไฟและจุดเทียนสีขาว และเขาจะคุกเข่าขอเธอตรงนั้น
    
          แต่แล้วไฟในร้านอาหารก็ดับลงก่อนที่เขาจะไปถึง
    
          ปัง!

          และเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด

          เสียงกระสุนดังอื้ออึงอยู่ในหูของเขาพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องโวยวายของผู้คนที่อยู่ในร้านและนอกร้าน ทุกสิ่งหยุดชะงักลงราวสิบวินาที ก่อนที่เขาจะเห็นชายผู้หนึ่งวิ่งออกจากร้าน ธเนศเมื่อรู้สึกตัวจึงรุดเข้าไปในร้านอาหารซึ่งยังมืดมิด เขามองไม่เห็นอะไรนอกจากเงาของคนที่เคลื่อนคล้อยไปมา เมื่อม่านตาของเขาปรับตัวให้เข้ากับความมืด เขาพบว่ามีใครคนหนึ่งนอนกองอยู่ตรงพื้น
    
          เขาไม่คิดว่าคนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นรินะ ไอซาวะ แต่เมื่อไฟดวงหนึ่งในร้านเปิดติด เขาเห็นเธอในร่างที่จมกองเลือด นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ในวินาทีนั้น เขาคุกเข่าทรุดตัวลงช้าๆ แขนขาของเขาเกร็งและชาไปหมด ในหัวของเขาตอนนั้นแน่นิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
                 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



<จบตอนที่ 1>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่