ทำไมความจำในวัยเด็กมันถึงฝังใจ เราเป็นโรคจิตรึป่าว?
มันไม่เคยลืมเลย ตอนนี้เรามีชีวิตที่ดี มีสามีที่ดี และลูกที่น่ารัก แต่มันก็ไม่ลืม...แค่อยากระบาย
ตอนเด็กเราอยู่บ้านกับพ่อแม่ แม่เรามีลูกยาก พยายามทำหลายวิธี ทำกิฟ และหลอดแก้ว
จนสุดท้ายเรา เกิดมา.. ตอนนั้นอายุประมาณ อนุบาล2-3 วันนั้น ยุงกัดขาเรา เราเกา เราแพ้ยุง เกาจนขาเป็นแผล เรารู้ว่าแม่รักเรา อยากให้ขาเราสวย พ่อเรานอนอยู่บนเตียงหวายดูทีวี แม่เราเรียกเรามาที่ห้องนั่งเล่น แม่เราด่าเรา อี..ขาลายหมดแล้วเห็นไหม ไปเลยนะ ไปเลย ขนเสื้อผ้าไปอยู่กับอาเลย เราหนีไปขด กอดเข่า อยู่ใต้เตียงหวาย ร้องไห้ เรามองหน้าพ่ออยากให้พ่อช่วย แต่พ่อเงียบแล้วดูทีวี เรายิ่งร้องไห้หนัก ความรู้สึกนั้นยังจำได้จนวันนี้ว่า เราไม่มีใครเลย เราอยู่คนเดียว
บ้านเก่าตอนนั้นเป็น ทาวน์เฮ้าส์ สองชั้น มีพ่อแม่ เรา และพี่เลี้ยง เวลาพ่อเราไม่อยู่ เราจะได้นอนในห้องกับแม่บนเตียง แต่พ่อพ่อกลับมา แม่จะให้เราไปนอนกับพี่เลี้ยงอีกห้องหนึ่ง เราร้องไม่อยากไป รู้แค่ว่าอยากนอนด้วย เพราะตอนนั้นเด็ก พ่อแม่คือโลกทั้งใบของเรา เราโดนไล่ไปนอนกับพี่เลี้ยง สุดท้ายก็นอนไม่เคยหลับ ดึกๆแอบย่องกลับมาห้องแม่ แล้วก็พยายามแทรกตัวที่ปลายเตียง เพราะกลัวแม่ตื่นมาว่า...
เราย้ายบ้าน ตอนป.1 ที่เราจำได้ พ่อแม่ชอบใช้เราหยิบของแล้วเราบ่น เราเลยโดนว่า แต่แม่ชอบด่าเราด้วยคำหยาบมาก เราร้องไห้แล้ววิ่งขึ้นห้องนอนปิดประตู นอนร้องไห้ แล้วจินตนาการว่ามีนางฟ้ามาปลอบเรา มาพูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน เช่น ไม่เป็นไรนะลูก แม่รักหนูนะ มันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราไม่เคยพูด เวลาเราร้องไห้ ไม่เคยมีใครอยากจะเปิดห้องเรา เพื่อมาดูว่าเราเป็นยังไง ไม่เคยเลย
จนผ่านไป เราอายุ 10 ขวบ แม่เราท้องน้อง เราดีใจ จะมีเพื่อนแล้ว เราอยากมีน้อง ตอนนั้น
ช่วงนั้นเราโดนด่ามากที่สุดเราเข้าในว่าแม่เป็นคนท้องอารมณ์แปรปรวน แต่ทำไมเราไม่ได้ทำอะไรเลย มาถึงก็ด่ารุนแรงทุกครั้ง เพราะพ่อไม่กลับบ้าน แต่แม่ลงที่เรา เราเสียใจมาก จนน้องเกิดมา ตอนนั้นจากที่เราบางทีอาจจะมีแม่มารับจากรร กลับบ้านครึ่งทางบ้างบางที แต่ตอนนี้เราต้องกลับเอง ตอนนั้นป .4 จากบ้านไปรรไกลบ้านมาก เรานั่งรถเมล์ต่อ รถกระป๋อง แล้วนั่งวิน เคยยืนตลอดทาง 2 ชม. เราอยากเรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียน อะไรที่อยากเรียนก็ไม่เคยเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกต่อไป เพราะมีน้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จนอีกสามปี แม่เรามีน้องอีกคน สรุปเรามีน้องสองคน คนแรกห่างกับเรา 10ปี อีกคน 13 ปี น้องคนรองโชคดีมากที่จะได้มีพี่น้องวัยเดียวกัน แล้วทุกวันนี้ก็เป็นแบบนั้นเพราะเขาสองคนสนิทกัน พอน้องเริ่มโต ประมาณอนุบาล น้องเริ่มซนทำลายข้าวของเรา ทำลายการบ้านเรา โขมยขนมเรากิน เราโกรธและเกลียด เราไม่อยากมีน้องอีกแล้ว พ่อแม่ไม่เคยห้ามหรือว่าน้อง น้องมีความสุขในขณะที่รายงานเราพัง จนเรากลายเป็นคนชอบอยู่คนเดียวในห้องนอน เพราะไม่มีใครรเข้าใจเรา เราเหมือนเด็กมีปัญหา ทุกครั้งที่เราปิดประตูเข้าห้อง ไม่มีใครอยากมาคุยกับเรา มีแต่พ่อที่ชอบบอกให้เราลงไปข้างล่าง มีปฏิสัมพันธ์กับคนในบ้านบ้าง แต่เราเหมือนคนที่ไม่มีใครต้องใส่ใจอีกแล้ว เพียงเพราะว่าเราโตแล้ว ต้องรู้จักว่าอะไรเป็นอะไรสิ...... เราเขียนไดอารี่ด่าแม่ตัวเอง ขอให้อย่าได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก...
แม่เรามาเจอ แม่เสียใจ พ่อเอาไปเผา เราร้องไห้ และกราบเท้าแม่
เราอยากเรียนพิเศษ เราไม่ได้เรียนเพราะมันไปยาก มันไกล พ่อแม่ไม่ว่างต้องดูน้อง
ร.ร.มีงาน มีประชุมผู้ปกครอง แต่ไม่มีใครมา เพราะพ่อแม่ไม่ว่าง จนคุณครูถามเราตลอด เพราะเค้าต้องดูน้อง จนสุดท้ายพ่อเราส่งเราไปอยู่ประจำ มีช่วงนึงเราไม่อยากกลับบ้านอีกแล้ว อย่างน้อยเราไม่ต้องเห็น ไม่ต้องน้อยใจ อีกต่อไป....
เราเรียนจบเราอยากเรียนที่ดีๆ แต่ได้แค่นี้เพราะเราต้องคิดถึงน้องด้วย เราต้องเสียสละ ตอนนั้นเราคิดว่าเราอยากมีเงินเป็นของตัวเอง เราทำงาน เราอยากมีเงินให้พ่อแม่ ให้ตัวเอง แล้วเราก็ควรจะแต่งงานซะ จะได้ไม่เป็นภาระพวกเค้าอีกต่อไป สุดท้าย
น้องได้เรียนดี ได้มีโอกาศที่ดีกว่าเรา น้องเราได้เรียนหมอ พ่อแม่ภูมิใจมาก เสียค่าเรียนพิเศษ เป็นหมื่นเป็นแสน พวกเค้าก็ยอม น้องคนเล็กได้ไปเรียนต่างประเทศ เสียเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า
เพราะเราต้องเสียสละ.....
เราต้องเข้าใจให้ได้ ว่าน้องได้ดีกว่า มันคือดีแล้ว ต้องดีใจที่สุด ถ้าเราคิดไม่ได้ เราจะเลว
เป็นพี่ที่เลว เป็นลูกที่เลว
เราเคยพูดกับแม่ว่า....น้องโชคดี ตอนเราต้องทำเองหมด อกทนนั่งรถไปทุกที เคยทั้งโดนลวนลาม
แต่น้องไม่เคยนั่งไปไหนเองเลย แม่ไปรับส่งตลอด... แม่ด่าเราเป็นชุด คิดได้แค่นี้หรอ โตป่านนี้คิดไรแบบนี้ ก็ตอนนั้นพ่อแม่ลำบาก..... เพราะต้องดูน้อง.......
ทุกครั้งที่เราพูดกับแม่ ถึงความในใจเรา ไม่เคยมีคำตอบที่ดีไปกว่านี้ นอกจากโดนด่าซ้ำ และยิ่งโดนเกลียด
เรารู้สึกได้เลยว่า พ่อแม่รักลูกเหมือนกัน แต่คงไม่เท่ากัน
เราทำงานมีเงินเดือน ให้พ่อแม่ตลอด งานแรกที่เราหาเงินได้เราให้เค้าหมด เดือนแรกเราให้หมด จนเราทำงาน เราให้ตามกำลังที่เราจะให้ได้ เราให้พ่อ กับ แม่ คนละ หนึ่งหมื่น แต่สิ่งที่แม่ตอบกลับมาคือ หมื่นนึงทำไรไม่ได้หรอก ตอนนั้นเราท้องอยู่เสียใจมาก เราอยากฆ่าตัวตาย
แม่เราจะพูดเสมอ เดี๋ยวน้องเรียนจบหมอ ให้มา ซื้อนู่นนี่ให้แม่ แต่เรามันคงให้เค้าได้ไม่มากขนาดนั้น แม่ไม่เคยพูดจะให้อะไรเรา เราพยายามทำตัวให้มีตัวตนในสายตาพ่อแม่ เท่าที่เราจะทำได้ เราไปซื้อคอนโดให้น้องอยู่ตอนเรียน เพราะก็อยากช่วยเค้าแบ่งเบาภาระที่ต้องจ่ายค่าหอน้อง
พาน้องไปเที่ยวอเมริกา ซท้อของสารพัด แต่มันไม่เคยสะกิดอะไรใจพ่อแม่เราเลย
จนเราแต่งงาน สามีเรามีสินสอดให้ แต่บ้านเราคืนหมดไว้ให้เรากับสามี แต่สุดท้ายแม่ก็พูดตลอดว่า เพราะสามีเราไม่ได้มาจุนเจืออะไรพ่อแม่ และไม่ได้ให้ค่าน้ำนมเหมือนที่ผช รวยๆบางคนเค้าทำ
แต่เดี๋ยวน้องเราคงทำให้เค้าภูมิใจได้ เพราะต้นทุนน้องสูงกว่าเรา
วันแต่งงานเราพ่อแม่เรามาช้าสุด
แต่อะไรที่เป็นเรื่องของน้อง เค้าทำได้
เราทะเลาะกับแม่บ่อย ตั้งแต่เด็ก แม่เราชอบไล่เราออกจากบ้าน เพราะเราชอบเถียงแม่ เราก็ไม่ใช่คนดีนะ เราก็จะไปนอนบ้านย่า
ที่บ้านย่าเราไม่มีใครชอบแม่ จนย่าเราพูดมาคำนึง...พ่อเอ็งเค้าไม่เคยช่วยเอ็งเพราะเค้ากับแม่นอนคุยกัน ไม่ได้เหมือนเราที่นั่งคุยกัน
ล่าสุดทะเลาะกับแม่ เพราะเราพูดถึงเรื่องตอนเด็ก เรื่องน้อยใจของเรา เราโดนไล่ออกมา พร้อมกับให้ย้ายทะเบียนบ้านออกไป น้องเราก็เป็นร่างทรงแม่ ส่งข้อความหาเราผ่านคำพูดแม่
ตอนนั้นร้องไห้ เสียมากที่น้องไม่เคยข่วยอะไรเราได้เลย จนถึงตอนเรามีปัญหาน้องก็ไม่เป็นที่ปรึกษาหรือแม้แต่จะช่วยอะไรเรา เพราะ แม่เราทำแบบนี้ แม่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเรามีน้อง เป็นครอบครัว เป็นที่พึ่ง หลายครั้งเราเห็นน้องสองคนคุยกันสนิทสนม แต่เราไม่ เราเป็นแต่ผู้ให้ ผู้เสียสละ ทั้งๆที่เราไม่อยาก เราอยากได้ความรัก อยากได้เวลาจากพ่อแม่ ที่มันผ่านมาไม่มีทางย้อนกลับอีกแล้ว เราผิดที่เกิดก่อน เราอยากได้ต้นทุนที่เท่าน้อง เราเลว เราเห็นแก่ตัวใช่ไหม
เรามันเป็นพี่ที่เลว อิจฉาน้อง
ก็เพราะเรามันอยู่คนเดียวตัวคนเดียวไง.....
อยากลบปมในใจ...อยากระบาย
มันไม่เคยลืมเลย ตอนนี้เรามีชีวิตที่ดี มีสามีที่ดี และลูกที่น่ารัก แต่มันก็ไม่ลืม...แค่อยากระบาย
ตอนเด็กเราอยู่บ้านกับพ่อแม่ แม่เรามีลูกยาก พยายามทำหลายวิธี ทำกิฟ และหลอดแก้ว
จนสุดท้ายเรา เกิดมา.. ตอนนั้นอายุประมาณ อนุบาล2-3 วันนั้น ยุงกัดขาเรา เราเกา เราแพ้ยุง เกาจนขาเป็นแผล เรารู้ว่าแม่รักเรา อยากให้ขาเราสวย พ่อเรานอนอยู่บนเตียงหวายดูทีวี แม่เราเรียกเรามาที่ห้องนั่งเล่น แม่เราด่าเรา อี..ขาลายหมดแล้วเห็นไหม ไปเลยนะ ไปเลย ขนเสื้อผ้าไปอยู่กับอาเลย เราหนีไปขด กอดเข่า อยู่ใต้เตียงหวาย ร้องไห้ เรามองหน้าพ่ออยากให้พ่อช่วย แต่พ่อเงียบแล้วดูทีวี เรายิ่งร้องไห้หนัก ความรู้สึกนั้นยังจำได้จนวันนี้ว่า เราไม่มีใครเลย เราอยู่คนเดียว
บ้านเก่าตอนนั้นเป็น ทาวน์เฮ้าส์ สองชั้น มีพ่อแม่ เรา และพี่เลี้ยง เวลาพ่อเราไม่อยู่ เราจะได้นอนในห้องกับแม่บนเตียง แต่พ่อพ่อกลับมา แม่จะให้เราไปนอนกับพี่เลี้ยงอีกห้องหนึ่ง เราร้องไม่อยากไป รู้แค่ว่าอยากนอนด้วย เพราะตอนนั้นเด็ก พ่อแม่คือโลกทั้งใบของเรา เราโดนไล่ไปนอนกับพี่เลี้ยง สุดท้ายก็นอนไม่เคยหลับ ดึกๆแอบย่องกลับมาห้องแม่ แล้วก็พยายามแทรกตัวที่ปลายเตียง เพราะกลัวแม่ตื่นมาว่า...
เราย้ายบ้าน ตอนป.1 ที่เราจำได้ พ่อแม่ชอบใช้เราหยิบของแล้วเราบ่น เราเลยโดนว่า แต่แม่ชอบด่าเราด้วยคำหยาบมาก เราร้องไห้แล้ววิ่งขึ้นห้องนอนปิดประตู นอนร้องไห้ แล้วจินตนาการว่ามีนางฟ้ามาปลอบเรา มาพูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน เช่น ไม่เป็นไรนะลูก แม่รักหนูนะ มันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราไม่เคยพูด เวลาเราร้องไห้ ไม่เคยมีใครอยากจะเปิดห้องเรา เพื่อมาดูว่าเราเป็นยังไง ไม่เคยเลย
จนผ่านไป เราอายุ 10 ขวบ แม่เราท้องน้อง เราดีใจ จะมีเพื่อนแล้ว เราอยากมีน้อง ตอนนั้น
ช่วงนั้นเราโดนด่ามากที่สุดเราเข้าในว่าแม่เป็นคนท้องอารมณ์แปรปรวน แต่ทำไมเราไม่ได้ทำอะไรเลย มาถึงก็ด่ารุนแรงทุกครั้ง เพราะพ่อไม่กลับบ้าน แต่แม่ลงที่เรา เราเสียใจมาก จนน้องเกิดมา ตอนนั้นจากที่เราบางทีอาจจะมีแม่มารับจากรร กลับบ้านครึ่งทางบ้างบางที แต่ตอนนี้เราต้องกลับเอง ตอนนั้นป .4 จากบ้านไปรรไกลบ้านมาก เรานั่งรถเมล์ต่อ รถกระป๋อง แล้วนั่งวิน เคยยืนตลอดทาง 2 ชม. เราอยากเรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียน อะไรที่อยากเรียนก็ไม่เคยเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกต่อไป เพราะมีน้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จนอีกสามปี แม่เรามีน้องอีกคน สรุปเรามีน้องสองคน คนแรกห่างกับเรา 10ปี อีกคน 13 ปี น้องคนรองโชคดีมากที่จะได้มีพี่น้องวัยเดียวกัน แล้วทุกวันนี้ก็เป็นแบบนั้นเพราะเขาสองคนสนิทกัน พอน้องเริ่มโต ประมาณอนุบาล น้องเริ่มซนทำลายข้าวของเรา ทำลายการบ้านเรา โขมยขนมเรากิน เราโกรธและเกลียด เราไม่อยากมีน้องอีกแล้ว พ่อแม่ไม่เคยห้ามหรือว่าน้อง น้องมีความสุขในขณะที่รายงานเราพัง จนเรากลายเป็นคนชอบอยู่คนเดียวในห้องนอน เพราะไม่มีใครรเข้าใจเรา เราเหมือนเด็กมีปัญหา ทุกครั้งที่เราปิดประตูเข้าห้อง ไม่มีใครอยากมาคุยกับเรา มีแต่พ่อที่ชอบบอกให้เราลงไปข้างล่าง มีปฏิสัมพันธ์กับคนในบ้านบ้าง แต่เราเหมือนคนที่ไม่มีใครต้องใส่ใจอีกแล้ว เพียงเพราะว่าเราโตแล้ว ต้องรู้จักว่าอะไรเป็นอะไรสิ...... เราเขียนไดอารี่ด่าแม่ตัวเอง ขอให้อย่าได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก...
แม่เรามาเจอ แม่เสียใจ พ่อเอาไปเผา เราร้องไห้ และกราบเท้าแม่
เราอยากเรียนพิเศษ เราไม่ได้เรียนเพราะมันไปยาก มันไกล พ่อแม่ไม่ว่างต้องดูน้อง
ร.ร.มีงาน มีประชุมผู้ปกครอง แต่ไม่มีใครมา เพราะพ่อแม่ไม่ว่าง จนคุณครูถามเราตลอด เพราะเค้าต้องดูน้อง จนสุดท้ายพ่อเราส่งเราไปอยู่ประจำ มีช่วงนึงเราไม่อยากกลับบ้านอีกแล้ว อย่างน้อยเราไม่ต้องเห็น ไม่ต้องน้อยใจ อีกต่อไป....
เราเรียนจบเราอยากเรียนที่ดีๆ แต่ได้แค่นี้เพราะเราต้องคิดถึงน้องด้วย เราต้องเสียสละ ตอนนั้นเราคิดว่าเราอยากมีเงินเป็นของตัวเอง เราทำงาน เราอยากมีเงินให้พ่อแม่ ให้ตัวเอง แล้วเราก็ควรจะแต่งงานซะ จะได้ไม่เป็นภาระพวกเค้าอีกต่อไป สุดท้าย
น้องได้เรียนดี ได้มีโอกาศที่ดีกว่าเรา น้องเราได้เรียนหมอ พ่อแม่ภูมิใจมาก เสียค่าเรียนพิเศษ เป็นหมื่นเป็นแสน พวกเค้าก็ยอม น้องคนเล็กได้ไปเรียนต่างประเทศ เสียเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า
เพราะเราต้องเสียสละ.....
เราต้องเข้าใจให้ได้ ว่าน้องได้ดีกว่า มันคือดีแล้ว ต้องดีใจที่สุด ถ้าเราคิดไม่ได้ เราจะเลว
เป็นพี่ที่เลว เป็นลูกที่เลว
เราเคยพูดกับแม่ว่า....น้องโชคดี ตอนเราต้องทำเองหมด อกทนนั่งรถไปทุกที เคยทั้งโดนลวนลาม
แต่น้องไม่เคยนั่งไปไหนเองเลย แม่ไปรับส่งตลอด... แม่ด่าเราเป็นชุด คิดได้แค่นี้หรอ โตป่านนี้คิดไรแบบนี้ ก็ตอนนั้นพ่อแม่ลำบาก..... เพราะต้องดูน้อง.......
ทุกครั้งที่เราพูดกับแม่ ถึงความในใจเรา ไม่เคยมีคำตอบที่ดีไปกว่านี้ นอกจากโดนด่าซ้ำ และยิ่งโดนเกลียด
เรารู้สึกได้เลยว่า พ่อแม่รักลูกเหมือนกัน แต่คงไม่เท่ากัน
เราทำงานมีเงินเดือน ให้พ่อแม่ตลอด งานแรกที่เราหาเงินได้เราให้เค้าหมด เดือนแรกเราให้หมด จนเราทำงาน เราให้ตามกำลังที่เราจะให้ได้ เราให้พ่อ กับ แม่ คนละ หนึ่งหมื่น แต่สิ่งที่แม่ตอบกลับมาคือ หมื่นนึงทำไรไม่ได้หรอก ตอนนั้นเราท้องอยู่เสียใจมาก เราอยากฆ่าตัวตาย
แม่เราจะพูดเสมอ เดี๋ยวน้องเรียนจบหมอ ให้มา ซื้อนู่นนี่ให้แม่ แต่เรามันคงให้เค้าได้ไม่มากขนาดนั้น แม่ไม่เคยพูดจะให้อะไรเรา เราพยายามทำตัวให้มีตัวตนในสายตาพ่อแม่ เท่าที่เราจะทำได้ เราไปซื้อคอนโดให้น้องอยู่ตอนเรียน เพราะก็อยากช่วยเค้าแบ่งเบาภาระที่ต้องจ่ายค่าหอน้อง
พาน้องไปเที่ยวอเมริกา ซท้อของสารพัด แต่มันไม่เคยสะกิดอะไรใจพ่อแม่เราเลย
จนเราแต่งงาน สามีเรามีสินสอดให้ แต่บ้านเราคืนหมดไว้ให้เรากับสามี แต่สุดท้ายแม่ก็พูดตลอดว่า เพราะสามีเราไม่ได้มาจุนเจืออะไรพ่อแม่ และไม่ได้ให้ค่าน้ำนมเหมือนที่ผช รวยๆบางคนเค้าทำ
แต่เดี๋ยวน้องเราคงทำให้เค้าภูมิใจได้ เพราะต้นทุนน้องสูงกว่าเรา
วันแต่งงานเราพ่อแม่เรามาช้าสุด
แต่อะไรที่เป็นเรื่องของน้อง เค้าทำได้
เราทะเลาะกับแม่บ่อย ตั้งแต่เด็ก แม่เราชอบไล่เราออกจากบ้าน เพราะเราชอบเถียงแม่ เราก็ไม่ใช่คนดีนะ เราก็จะไปนอนบ้านย่า
ที่บ้านย่าเราไม่มีใครชอบแม่ จนย่าเราพูดมาคำนึง...พ่อเอ็งเค้าไม่เคยช่วยเอ็งเพราะเค้ากับแม่นอนคุยกัน ไม่ได้เหมือนเราที่นั่งคุยกัน
ล่าสุดทะเลาะกับแม่ เพราะเราพูดถึงเรื่องตอนเด็ก เรื่องน้อยใจของเรา เราโดนไล่ออกมา พร้อมกับให้ย้ายทะเบียนบ้านออกไป น้องเราก็เป็นร่างทรงแม่ ส่งข้อความหาเราผ่านคำพูดแม่
ตอนนั้นร้องไห้ เสียมากที่น้องไม่เคยข่วยอะไรเราได้เลย จนถึงตอนเรามีปัญหาน้องก็ไม่เป็นที่ปรึกษาหรือแม้แต่จะช่วยอะไรเรา เพราะ แม่เราทำแบบนี้ แม่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเรามีน้อง เป็นครอบครัว เป็นที่พึ่ง หลายครั้งเราเห็นน้องสองคนคุยกันสนิทสนม แต่เราไม่ เราเป็นแต่ผู้ให้ ผู้เสียสละ ทั้งๆที่เราไม่อยาก เราอยากได้ความรัก อยากได้เวลาจากพ่อแม่ ที่มันผ่านมาไม่มีทางย้อนกลับอีกแล้ว เราผิดที่เกิดก่อน เราอยากได้ต้นทุนที่เท่าน้อง เราเลว เราเห็นแก่ตัวใช่ไหม
เรามันเป็นพี่ที่เลว อิจฉาน้อง
ก็เพราะเรามันอยู่คนเดียวตัวคนเดียวไง.....