วันนี้ผมจะมาเล่าเหตุการณ์จริงๆที่ผมเจอเองนะครับ ยังไงก็พยายามจะเล่าให้กระชับที่สุดนะครับ และบอกก่อนเลยว่าก่อนจะจะเหตุการณ์นี้ผมไม่เคยสัมผัสถึงเรืองลี้ลับได้เลยครับ
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องของคุณย่าผมครับ ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ผมขอข้ามเรื่องประวัติความเป็นมาไปเลยนะครับ ว่าท่านนิสัยเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง เพราะไม่ได้อยู่ในสาระสำคัญที่จะเล่าครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ สมัยที่มีชีวิตคุณย่าของผมแกมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวครับ เพราะเคยผ่าตัดสะโพกและขาหัก ต้องใส่กระดูกเหล็ก จนแกต้องใช้เครื่องช่วยพยุงเดิน (ไม่รุ้เรียกว่าอะไรนะครับ) อยู่หลายปี แต่นอกนั้นสุขภาพของแกก็ปกติดีครับ มีไปหาหมอตามวันที่หมอนัดบ้างเดือนละ 2 ครั้ง อ้อ แล้วทางพ่อและอาของผมก็จ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาคอยดูแลแก มานอนอยู่กับแกคอยดูแลแกที่บ้านของแกด้วยครับ ซึ่งก็อยู่ปกติไม่มีอะไร (บ้านย่ากับบ้านผมอยู่ในที่ดินเดียวกันครับ แต่แยกหลัง แต่ก็ใกล้ๆกันครับ)
กิจวัตรประจำวันของแกก็เรียบง่ายครับ นอนดูหนัง ออกมาเดินเล่น เช้า เย็น มาคุยกับเพื่อนบ้าน กลางวันฟังเพลงอยู่ในห้อง บางวันไปหาหมอ โดยคนที่พาไปคือผม ซึ่งผมจะสนิทกับย่ามาก เพราะผมจะเป็นคนพาแกไปโรงพยาบาลและอยู่เฝ้าแกที่โรงพยาบาลตลอด และบางวันก็มีลูกๆมาเยี่ยมครับ
กิจวัตรของย่าผมก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดครับ จนวันหนึ่งแกก็เขียนพินัยกรรมเสร็จ ณ ตอนนั้นแกก็ยังแข็งแรงดีอยู่นะครับ ถ้าไม่นับเรื่องการเดิน
จนเวลาผ่านไป จำไม่ได้ว่ากี่วัน อยู่ดีๆแกก็โวยวายมาจากบ้านของแกตอนกลางคืนครับ
แกโวยวายว่าพี่เลี้ยงที่ดูแลแกแอบมาผู้ชายมานอนที่ห้องแกหลายคนเลย พ่อ แม่และผม ก็รีบไปดูครับ ก็ไม่เจออะไร แกก็โวยวายด่าพี่เลี้ยงตลอดว่า กล้าดียังไงพาผู้ชายมานอนด้วยที่บ้านแก แล้วชอบมาป้วนเปี้ยนแถวเตียงแก
พ่อผมเลยถามพี่เลี้ยงว่าได้พาใครมานอนมั้ย พี้เลี้ยงบอก ก็นอนอยู่กับแกในห้องตลอด กุญแจบ้านก็ไม่มีจะพาใครเข้ามาได้
พ่อผมเลยถามย่าว่าเห็นเป็นแบบไหน ย่าแกบอกว่า เป็นคนดำๆผู้ชายมาเดิน มานั่ง มานอนอยู่ในห้องแก หลายคนเลย ณ ตอนนั้นที่พ่อ แม่ ผมและพี่เลี้ยงอยู่ในห้องแกก็ยังเห็นอยู่ครับ แต่คนอื่นๆในห้องไม่มีใครเห็นเลย จนพวกผมไม่รุ้จะทำยังไง พี่เลี้ยงก็รุ้สึกว่าจะมีอาการกลัวครับ แต่ตอนนั้นพ่อ แม่ ผม เฉยๆครับ คิดว่าแกคงตาฝาดไปเอง
แกเห็นของแกเองแบบนี้ทุกวัน เป็นเวลาหลายวันเลยครับ และทุกวันตอนเช้าแกก็จะมาฟ้องให้ไล่พี่เลี้ยงออกโทษฐานแอบพาผู้ชายมานอนที่ห้องแก (ย่าของผมไม่เชื่อเรื่องลึกลับครับ แกเลยไม่กลัว และแกคงคิดว่านั่นคือคนจริงๆ)
จนวันนึงแกเรื่มเงียบเรื่องนี้แล้วครับ และแล้วเช้าวันนึง พี่เลี้ยงก็รีบมาปลุกพ่อ แม่ ผม ตอนเช้ามืดเลยครับ ว่าปลุกย่าเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น พวกผมเข้าไปดูแกจนแน่ใจว่า แกเสียแล้วจริงๆ ถือว่าเป็นการจากไปที่สงบมาก ซึ่งพวกผมยังงงว่าแกไปง่ายจัง ก็เห็นยังแข็งแรงดีอยู่
ในที่สุด พ่อ แม่ ผม ก็คิดไปในทางเดียวกันว่า พวกนั้นเค้าคงมารอรับย่า
จากนั้นเราก็จัดงานศพแกตามปกติครับ แต่ไม่เผาเพราะแกบริจาคร่างให้โรงพยาบาลไว้ศึกษา
เมื่อทำพิธีเสร็จก็มีพิธีเชิญวิญญานของแกกลับบ้าน ซึ่งผมก็ไม่เคยฝันหรือเจอแกเลยสักครั้งเดียว
จนเวลาผ่านไปหลายเดือน น่าจะ 2 3 เดือน อาที่อยู่อุบลก็จัดพิธีทำบุญให้แกและเชิญแกไปอยู่ที่อุบลครับ
จู่ๆคืนหนึงผมก็เจอเหตุการณ์ที่จำได้ไม่ลืมครับ คือ
พอผมล้มตัวลงนอนตะแคงกอดหมอนข้างสักพัก อยู่ดีๆรู้สึกว่าใจมันสั่นๆ ร่างกายมันหวิวๆ อุ่นๆ เหมือนมีใครมาอยู่บนเตียงด้วย ผมรุ้สึกได้ว่าเป็นย่าครับ แต่เห็นหน้าไม่ชัด และได้ยินเสียงชัดเจนว่า ย่าไปแล้วนะลูก ผมก็ตอบแกไปว่า ผมขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปหาย่าเลยก่อนแกไป(ผมทำงานกลับมาแกก็อยู่ในห้องครับ และไม่ได้ไปหาแกเลยประมาณ 3 วันก่อนแกตาย) จากนั้นผมก็หลุดจากภวังค์และรู้สึกตัวโดยที่ไม่เห็นใครในห้องแล้วครับ
สำหรับอาการที่เรียกว่าผีอำ ซึ่งเป็นอาการทางการแพทย์นี่ผมก็เจอมาหลายครั้งก่อนย่าแกจะไปซะอีกนะครับ มีทั้งแบบนอนทับท้อง มานอนกอดหลัง มาจับแขน มาจับหัว มาลูบผม ซึ่งผมชินแล้ว
แต่เหตการณ์ที่เจอย่านั้น ผมไม่รุ้สึกว่ามีอะไรมาสัมผัสตัวเลยครับ แค่ได้ยิน คุยได้ หัวใจเต้นแรง แค่นั้นเอง และเป็นเวลาน่าจะไม่ถึง 30 วินาทีด้วย ถ้าคิดในแง่เรื่องลึกลับ ก็คงเป็นเพราะแกคงมาหาผมได้แค่เท่านี้
จากนั้นมาจนปัจจุบันผมก็ไม่เคยเห็นย่าอีกเลยครับ
มาเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอมาจริงๆครับ
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องของคุณย่าผมครับ ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ผมขอข้ามเรื่องประวัติความเป็นมาไปเลยนะครับ ว่าท่านนิสัยเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง เพราะไม่ได้อยู่ในสาระสำคัญที่จะเล่าครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ สมัยที่มีชีวิตคุณย่าของผมแกมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวครับ เพราะเคยผ่าตัดสะโพกและขาหัก ต้องใส่กระดูกเหล็ก จนแกต้องใช้เครื่องช่วยพยุงเดิน (ไม่รุ้เรียกว่าอะไรนะครับ) อยู่หลายปี แต่นอกนั้นสุขภาพของแกก็ปกติดีครับ มีไปหาหมอตามวันที่หมอนัดบ้างเดือนละ 2 ครั้ง อ้อ แล้วทางพ่อและอาของผมก็จ้างคนดูแลผู้สูงอายุมาคอยดูแลแก มานอนอยู่กับแกคอยดูแลแกที่บ้านของแกด้วยครับ ซึ่งก็อยู่ปกติไม่มีอะไร (บ้านย่ากับบ้านผมอยู่ในที่ดินเดียวกันครับ แต่แยกหลัง แต่ก็ใกล้ๆกันครับ)
กิจวัตรประจำวันของแกก็เรียบง่ายครับ นอนดูหนัง ออกมาเดินเล่น เช้า เย็น มาคุยกับเพื่อนบ้าน กลางวันฟังเพลงอยู่ในห้อง บางวันไปหาหมอ โดยคนที่พาไปคือผม ซึ่งผมจะสนิทกับย่ามาก เพราะผมจะเป็นคนพาแกไปโรงพยาบาลและอยู่เฝ้าแกที่โรงพยาบาลตลอด และบางวันก็มีลูกๆมาเยี่ยมครับ
กิจวัตรของย่าผมก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดครับ จนวันหนึ่งแกก็เขียนพินัยกรรมเสร็จ ณ ตอนนั้นแกก็ยังแข็งแรงดีอยู่นะครับ ถ้าไม่นับเรื่องการเดิน
จนเวลาผ่านไป จำไม่ได้ว่ากี่วัน อยู่ดีๆแกก็โวยวายมาจากบ้านของแกตอนกลางคืนครับ
แกโวยวายว่าพี่เลี้ยงที่ดูแลแกแอบมาผู้ชายมานอนที่ห้องแกหลายคนเลย พ่อ แม่และผม ก็รีบไปดูครับ ก็ไม่เจออะไร แกก็โวยวายด่าพี่เลี้ยงตลอดว่า กล้าดียังไงพาผู้ชายมานอนด้วยที่บ้านแก แล้วชอบมาป้วนเปี้ยนแถวเตียงแก
พ่อผมเลยถามพี่เลี้ยงว่าได้พาใครมานอนมั้ย พี้เลี้ยงบอก ก็นอนอยู่กับแกในห้องตลอด กุญแจบ้านก็ไม่มีจะพาใครเข้ามาได้
พ่อผมเลยถามย่าว่าเห็นเป็นแบบไหน ย่าแกบอกว่า เป็นคนดำๆผู้ชายมาเดิน มานั่ง มานอนอยู่ในห้องแก หลายคนเลย ณ ตอนนั้นที่พ่อ แม่ ผมและพี่เลี้ยงอยู่ในห้องแกก็ยังเห็นอยู่ครับ แต่คนอื่นๆในห้องไม่มีใครเห็นเลย จนพวกผมไม่รุ้จะทำยังไง พี่เลี้ยงก็รุ้สึกว่าจะมีอาการกลัวครับ แต่ตอนนั้นพ่อ แม่ ผม เฉยๆครับ คิดว่าแกคงตาฝาดไปเอง
แกเห็นของแกเองแบบนี้ทุกวัน เป็นเวลาหลายวันเลยครับ และทุกวันตอนเช้าแกก็จะมาฟ้องให้ไล่พี่เลี้ยงออกโทษฐานแอบพาผู้ชายมานอนที่ห้องแก (ย่าของผมไม่เชื่อเรื่องลึกลับครับ แกเลยไม่กลัว และแกคงคิดว่านั่นคือคนจริงๆ)
จนวันนึงแกเรื่มเงียบเรื่องนี้แล้วครับ และแล้วเช้าวันนึง พี่เลี้ยงก็รีบมาปลุกพ่อ แม่ ผม ตอนเช้ามืดเลยครับ ว่าปลุกย่าเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น พวกผมเข้าไปดูแกจนแน่ใจว่า แกเสียแล้วจริงๆ ถือว่าเป็นการจากไปที่สงบมาก ซึ่งพวกผมยังงงว่าแกไปง่ายจัง ก็เห็นยังแข็งแรงดีอยู่
ในที่สุด พ่อ แม่ ผม ก็คิดไปในทางเดียวกันว่า พวกนั้นเค้าคงมารอรับย่า
จากนั้นเราก็จัดงานศพแกตามปกติครับ แต่ไม่เผาเพราะแกบริจาคร่างให้โรงพยาบาลไว้ศึกษา
เมื่อทำพิธีเสร็จก็มีพิธีเชิญวิญญานของแกกลับบ้าน ซึ่งผมก็ไม่เคยฝันหรือเจอแกเลยสักครั้งเดียว
จนเวลาผ่านไปหลายเดือน น่าจะ 2 3 เดือน อาที่อยู่อุบลก็จัดพิธีทำบุญให้แกและเชิญแกไปอยู่ที่อุบลครับ
จู่ๆคืนหนึงผมก็เจอเหตุการณ์ที่จำได้ไม่ลืมครับ คือ
พอผมล้มตัวลงนอนตะแคงกอดหมอนข้างสักพัก อยู่ดีๆรู้สึกว่าใจมันสั่นๆ ร่างกายมันหวิวๆ อุ่นๆ เหมือนมีใครมาอยู่บนเตียงด้วย ผมรุ้สึกได้ว่าเป็นย่าครับ แต่เห็นหน้าไม่ชัด และได้ยินเสียงชัดเจนว่า ย่าไปแล้วนะลูก ผมก็ตอบแกไปว่า ผมขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปหาย่าเลยก่อนแกไป(ผมทำงานกลับมาแกก็อยู่ในห้องครับ และไม่ได้ไปหาแกเลยประมาณ 3 วันก่อนแกตาย) จากนั้นผมก็หลุดจากภวังค์และรู้สึกตัวโดยที่ไม่เห็นใครในห้องแล้วครับ
สำหรับอาการที่เรียกว่าผีอำ ซึ่งเป็นอาการทางการแพทย์นี่ผมก็เจอมาหลายครั้งก่อนย่าแกจะไปซะอีกนะครับ มีทั้งแบบนอนทับท้อง มานอนกอดหลัง มาจับแขน มาจับหัว มาลูบผม ซึ่งผมชินแล้ว
แต่เหตการณ์ที่เจอย่านั้น ผมไม่รุ้สึกว่ามีอะไรมาสัมผัสตัวเลยครับ แค่ได้ยิน คุยได้ หัวใจเต้นแรง แค่นั้นเอง และเป็นเวลาน่าจะไม่ถึง 30 วินาทีด้วย ถ้าคิดในแง่เรื่องลึกลับ ก็คงเป็นเพราะแกคงมาหาผมได้แค่เท่านี้
จากนั้นมาจนปัจจุบันผมก็ไม่เคยเห็นย่าอีกเลยครับ