๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 24

กระทู้สนทนา
เรื่องราวจากตอนที่ผ่านมา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

24

** ด้วยสัญชาตญาณ **


เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว  นายพลกิตติราชจึงต้องเดินเข้าไปคุยโทรศัพท์ในส่วนบริเวณของห้องนอน เสียงสนทนาฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่ใช่สิ่งที่เจนจิราให้ความสำคัญ สิ่งสำคัญ วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าชุดโซฟาต่างหาก

                ไอ้คนหลงใหลได้ปลื้มกับเคาน์เตอร์ยังคงก้มหน้าอยู่แต่ตรงนั้น สายตาของมันคงมองเห็นลายไม้เป็นลายแทงอะไรสักอย่าง มันจึงเพ่งและลูบไล้เคาน์เตอร์เหมือนจะลอกคราบลายแทงออกมาให้ได้

                มีวิธีเดียวที่จะย้ายมันไปรวมกับนายพลนั่นได้ เธอต้องเป็นคนพามันไป ...  เจนจิราสรุปกับตัวเองในใจ

                แล้วบทบาทความอ่อนแอของ‘ขนิษฐา’ก็เริ่มต้น

                หญิงสาวทิ้งตัวลงกับผืนพรมที่พื้น และส่งเสียงโอดโอยในทันที ร่างผอมเพรียวงอตัวกุมท้องสั่นสะท้าน  มองเห็นสถานการณ์ทางหางตาแล้วว่า ไอ้หัวเกรียนวางลายแทงของมันลงแล้ว โอเค ออกมาจากตรงนั้นซะไอ้บึ้ก!

                ร่างกำยำของมันก้าวมาคุกเข่าลงข้างๆ  สายตาเคร่งขรึมยังไม่ส่อแววความรู้สึกใดให้เห็น  เจนจิราจัดการเติมเครื่องปรุงในบทบาทเพิ่ม สองขางอพับเข่าแนบหน้าอก สองมือกุมท้องทุรนทุรายพร้อมกับส่งเสียงชวนเวทนา

                “โอยยย... ปวด...

                เสียงคุยโทรศัพท์ในห้องนอนยังคงดำเนินไปตามปกติ แน่นอนว่าคนสนทนาไม่ได้ยินเสียง ณ ที่จุดนี้  เจนจิราเพิ่มระดับสีหน้าเจ็บปวด  ขยายวอลลุ่มเสียง ขบกรามจนทำให้ไอ้คนข้างตัวเริ่มส่งเสียงในที่สุด

                “ปวดท้องงั้นเหรอเธอ ไหวมั๊ย” ดอกพิกุลดอกแรกร่วงจากปากมันแล้ว คำถามคล้ายกับใส่ใจ แต่แห้งแล้งในสุ้มเสียงสิ้นดี  มันคุกเข่ามองสถานการณ์เฉยเมย จริงสินะ จะให้มันทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ ในเมื่อมันก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร

                บทบาทพะอืดพะอมคล้ายคนจะอ้วกจึงต้องตามมาในฉากที่สอง เจนจิราพลิกตัวขึ้นทำท่าจะอาเจียน พอม้วนตัวคุกเข่าได้ สองมือแสร้งป่ายไปค้ำกับขอบโต๊ะกระจกเสมือนคนสิ้นเรี่ยวแรง นั่นจึงถึงคิวของสุภาพบุรุษร่วมฉาก

                ไอ้บึ๊กนามสันติปราดเข้าประคองเธอ ราวกับคนคุมบาร์ผู้มีหน้าที่ลากคนเมาออกไปทิ้ง  สองแขนของมันโอบเข้าทางด้านหลังเพื่อช่วยพยุงให้เจนจิราลุกสะดวก สัมผัสทื่อๆแสนกระด้าง ส่งสัญญาณบอกหญิงสาวว่า ... มันแข็งแรงและแกร่ง สมกับเป็นรั้วคอนกรีตของชาติจริงๆ

                ต้องเหนื่อยกว่าธรรมดาเสียแล้ว หากจะล้มมันลงด้วยกำลังที่มี ...

                ความคิดในตอนแรก เธอตั้งใจจะจัดการกับมันให้เงียบเสียงที่สุด แล้วจึงจะเข้าเล่นงานนายพลอีกที จากนั้นค่อยหนีก่อนโดนพาตัวเข้ากรุงเทพในวันพรุ่งนี้

                แต่พอประเมินคู่ต่อสู้ มันไม่ง่ายเหมือนที่เธอคิดเสียแล้ว

                เจนจิราตัดสินใจเปลี่ยนแผน ห้องน้ำคือจุดหมายที่เธอต้องไปให้ถึง ค่อยๆลุกเหยียดตัวตรงขึ้น  เธอฉวยไปป์งามติดมือมา เมื่อแน่ใจว่ายืนบังเหลี่ยมสายตาคนข้างๆแล้ว  จัดการเสียบวัตถุไม้ชิงชันลงกระเป๋ากางเกง แสร้งส่งเสียงโอ้กอ้ากอีกรอบ นั่นล่ะ สุภาพบุรุษผู้แข็งกระด้างจึงปล่อยดอกพิกุลร่วงอีกครา

                “อย่าอ้วกตรงนี้นะ เดี๋ยวจะพาไปที่ห้องน้ำ ทนอีกหน่อย” มันพยุงเธอมุ่งสู่ห้องน้ำซึ่งต้องผ่านเขตห้องนอน และพอผ่านเข้ามาก็เห็นนายพลกิตติราชครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่หัวเตียง นายพลใหญ่ยังคงง่วนอยู่กับการสนทนา เจนจิราส่งเสียงฟืดฟาดอีกหน

                เจ้าของห้องลดโทรศัพท์ลงมองเหตุการณ์ “เธอเป็นไรวะ สันติ”

                “ไม่ทราบครับผม ดูเหมือนคลื่นไส้และจะอาเจียนครับ”

                “งั้นโน่นเลย! พาเธอไปห้องน้ำโน่น ดูแลเธอด้วย” นายพลใหญ่โบกไม้โบกมือ

                ภายในห้องน้ำกว้างขวางสะอาดสะอ้าน มองเห็นชามแก้วซึ่งเป็นอ่างล้างหน้าใบใหญ่วางบนเคาน์เตอร์หินอ่อน มีชามเล็กใส่ดอกลีลาวดีลอยน้ำวางข้างอีกใบ เจนจิราโซเซออกจากการพยุงมุ่งเข้าหาตำแหน่งนั้น เธอเงยหน้าขึ้นมองกระจกเงา ใบหน้าทื่อๆไร้อารมณ์กำลังมองสะท้อนสบตา เจนจิราทำท่ารั้งชายเสื้อยึดขึ้นคล้ายจะถอด นั่นเองถึงทำให้มันโฉบแว่บหายไปจากกรอบกระจกเงา เธอหันไปปิดบานประตู กดล็อค

                ห้องน้ำแขกวีไอพีห้องนี้มันต้องมีมีดโกนสิ... เจนจิรามองเห็นสิ่งที่ต้องการแล้วข้างๆชามใบเล็ก เธอล้วงไปป์งามออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการดึงส่วนต่อด้ามปากคาบ(mouthpiece)ออก และแกะ‘แผ่นชิปอ่อน’ขนาดแสตมป์ร้านเซเว่นออกมาจากใต้ผมท้ายทอย ลองทาบกับลิ้นปากคาบไปป์และสวมประกบเข้าที่ดู ปรากฎว่าติด! ไม่สามารถประกอบเข้าที่ได้เหมือนที่สังหรณ์ใจเอาไว้ไม่มีผิด ถ้าอย่างนั้นต้องเหลาลิ้นเชื่อมต่อให้คอดลง มีดโกนหนวดแบบมีด้ามเตรียมพร้อมในมือแล้ว สำหรับการแก้ไขสถานการณ์

                นอกห้องน้ำ เสียงแว่วจากการคุยโทรศัพท์ยังดังมาให้ได้ยินอยู่ตลอด เจนจิรามองลอดช่องบานเกล็ดประตู ไอ้หัวเกรียนยังยืนคุมอยู่หน้าห้องน้ำ เธอเปิดก๊อกที่อ่างสุดมือหมุนพร้อมทั้งส่งเสียงคล้ายอาเจียนเป็นระยะ สองมือจัดการกับลิ้นด้ามไปป์ด้วยความบรรจง

                ชามแก้วใส่ดอกไม้ที่มองเห็นทางหางตา ทำให้เจนจิราคิดอะไรออกด้วยสัญชาตญาณซึ่งถูกฝึกมา เธอจัดการเทน้ำและปัดดอกไม้ทิ้งก่อนนำไปวางกับพื้นข้างอ่างอาบน้ำ ปลดฝักบัวลงมาเปิดน้ำใส่ด้วยแรงเบา ในหัวเริ่มนับตัวเลขในใจ  หนึ่ง   สอง   สาม ...

                ในเมื่อไอ้บึ้กเปรียบเสมือนด่านกำแพงคอนกรีด พวกสมุนเฝ้าหน้าห้องซึ่งเห็นเหลือแค่สามคนน่าจะเป็นด่านง่ายกว่า ถึงพวกมันจะมีอาวุธใดติดตัว ก็เปรียบได้แค่ด่านรั้วลวดหนาม ที่สำคัญ มันรวมกลุ่มอยู่ใกล้กันทั้งสามคน ไม่เหมือนไอ้บึ้กกับนายพลที่อยู่แยกส่วน ยุ่งยากต่อการลงมือใดๆ อย่างเห็นได้ชัด

                ในที่สุด แผ่นชิปอ่อนก็ถูกประกบลิ้นต่อด้าม ลองเสียบดูอีกที  โอเค ใช้ได้แล้ว ... เจนจิราบอกกับตัวเอง

                หันไปมองชามแก้วที่เปิดน้ำใส่ไว้ ในหัวยังนับตัวเลขด้วยระยะเทียบเคียงวินาทีอยู่ตลอดเวลา ยี่สิบห้า  ยี่สิบหก  ยี่สิบเจ็ด ...   พอถึงยี่สิบแปด เธอก็รู้แล้วว่าน้ำล้น จัดการเทน้ำทิ้ง คราวนี้เธอวางชามดอกไม้กับขอบอ่างจากุซซี่ ปล่อยให้ฐานชามแก้วเหลื่อมพ้นออกขอบอ่างครึ่งหนึ่ง หยิบฝักบัวที่ยังเปิดทิ้งอยู่เติมน้ำใหม่  และเริ่มนับใหม่  หนึ่ง  สอง  สาม ...

                ร่างเพรียวระหงโผล่ออกจากห้องน้ำ ไปป์ไม้ชิงชันถูกกุมมาใต้ชายเสื้อเปียก ก่อนปิดก๊อกอ่างล้างหน้า เจนจิราวักน้ำให้เสื้อยืดชุ่มบ้างหมาดบ้าง ล้างใบหน้าเนียนหลายรอบจนดูซีดขาว ฉีดทับด้วยอาฟเตอร์เชฟติดโลโก้โรงแรม เพื่อแสร้งทําเป็นดับกลิ่นเป็นลำดับสุดท้าย ขณะนี้ สภาพเธอจึงอยู่ในคราบของคนคออ่อนเพิ่งสร่างเมา โซเซ ไร้เรี่ยวแรง

                สิบสอง  สิบสาม  สิบสี่ ...

                ไอ้หน้าทื่อกลับไปนั่งดูลายแทงใหม่ เจนจิรากลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม เสียงสนทนาโทรศัพท์จากนายพลกิตติราชยังไม่มีวี่แววจะจบง่ายๆ ดีแล้ว ... ภารกิจของเธอเรียบร้อยแล้วนี่นา แม้แผ่นชิปจะเปลี่ยนเป้ามาอยู่กับอีกคน มันกลับส่งผลดีมิใช่หรือ มันตรงเป้าเต็มๆเสียด้วยซ้ำ  สิบเก้า  ยี่สิบ  ยี่สิบเอ็ด ...

                เจนจิราเบี่ยงบังมุมมองของคนหน้าเคาน์เตอร์ ไปป์งามถูกวางลงกับขอบโต๊ะกระจกเสมือนกับไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายไปไหน เธอทำท่าหลุกหลิกครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปขออนุญาตคนร่วมห้อง

                “ฉันคงลืมยาแก้ปวดกระเพาะที่ห้องโน้น ขอออกไปดูได้ไหม เพราะถ้าไม่ได้กินยา คืนนี้คงปวดท้องร้องไห้ทั้งคืนแน่”

                ไอ้หัวเกรียนมองสบตา “ห้องท่านรัฐมนตรีงั้นเหรอ”

                “ใช่”

                “งั้นเดี๋ยวจะพาไป” คนพูดเหยียดตัวลงจากเก้าอี้ขาสูงเดินสู่ประตู  เจนจิราลุกตามพร้อมทั้งนับในใจไปด้วย

                ยี่สิบแปด...  ยี่สิบเก้า!  ชามดอกลีลาวดีน่าจะเริ่มตะแคงแล้วนี่นา ... พอคิดได้แค่นั้น

                โพล๊ะ ‼

                เสียงชามแก้วตกแตกดังมาจากห้องน้ำชัดเจน ไอ้บึ้กชะงักมือกับลูกบิดประตู ในขณะที่เสียงเอะอะตกใจของท่านนายพลดังขึ้น มันมองสบตากับหญิงสาวก่อนตัดสินใจ

                “เธอออกไปก่อน เดี๋ยวฉันจะไปดูห้องน้ำ” ว่าพลางเปิดประตูออกไปส่งเสียง “หมี! พาเธอเข้าไปเอายาที่ห้องท่านประกรศักดิ์ด้วย”

                เจนจิราเบี่ยงตัวออกนอกห้องทันที รู้สึกราวกับหลุดออกมาจากถ้ำเสือสมิงไม่มีผิด เสียงออกคำสั่งฟังไม่ได้ศัพท์จากนายพลกิตติราชค่อยๆเงียบไปพร้อมกับบานประตูปิดงับ

                สองชายชุดซาฟารีกับอีกคนในชุดเสื้อแจ็คเก็ตดำเบื้องหน้า ทำให้เจนจิรารีบประเมินสถานะพวกมันด้วยความเตรียมพร้อม

                ชุดซาฟารีคู่กันทางซ้ายแม้จะดูบึกบึนก็จริง แต่น่าจะเป็นสรีระซึ่งถูกทับด้วยเสื้อผ้าเนื้อแข็งจนทำให้ดูตัวใหญ่หลอกตามากกว่า ไอ้คนชื่อ‘หมี’ทางขวาต่างหาก ที่ดูจะบึกบึนของจริง ช่วงขาของมัน มองเห็นความครัดเคร่งของกล้ามเนื้อในกางเกงขาเดฟชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังตัดผมสั้นทรงรั้วของชาติเหมือนไอ้หน้าทื่อไม่มีผิด แสดงว่ามันมาจากหน่วยเดียวกันแน่นอน มันจะถูกฝึกเข้มมาระดับไหน ไม่อยากจะรับรู้ด้วย  รู้แต่เพียงว่า

                ฉันเองก็ถูกฝึกหนักมา เช่นเดียวกับแกเหมือนกัน!  เจ้าของร่างเพรียวระหงขบกรามแน่น


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่