
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call option ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET Index ได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง ภายหลังจากงบบริษัทจดทะเบียน
ประจำไตรมาส 3/2560 รายงานออกมาแย่กว่าคาดการณ์ อีกทั้งยังมีข่าว NPL ของกลุ่มธนาคารประจำไตรมาส 4/2560 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นเป็นปัจจัยกดดันดัชนี SET Index ปรับตัวร่วงลงไปปิดที่ระดับ 1689 จุด -13.75 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัว
ขึ้นมาได้หรือไม่
Fundamental
"เอเชียเช้านี้" ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดลบ 62.69 จุด หรือ -0.22% แตะที่ 29,058.23 จุดในวันนี้ สอดคล้องทิศทางการปรับตัวลง
ของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้า
ในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการแข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีช่วยลดช่วงลบ และดันดัชนี Nasdaq
ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดจนปิดแดนบวกสวนทางอีกสองดัชนี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,422.21 จุด ลดลง 39.73 จุด, -0.17%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,582.30 จุด ลดลง 2.32 จุด, -0.09%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, +0.01%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5% ส่วนดัชนี S&P และ Nasdaq ลดลง 0.2% โดยนับเป็นสัปดาห์แรกที่ดาวโจนส์และ S&P
ปรับตัวลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 8 สัปดาห์ติดต่อกันก่อนหน้านี้ ขณะที่ Nasdaq ปรับตัวขึ้นมา 6 สัปดาห์
โดยภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันศุกร์นั้น นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35%
สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา ซึ่งเนื้อหาหลัก
ในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลให้เกิดความไม่แน่แนอนว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะสามารถ
ประสานความแตกต่างในเนื้อหาเหล่านี้ให้ลงตัวได้หรือไม่
การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษี
มีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐาน
กลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ
97.8 ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวแตะระดับ 100.7 ในช่วงสิ้นเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.นายริชาร์ด
เคอร์ติน หัวหน้านักวิเคราะห์สำหรับการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองในเชิงลบ
ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
บริษัทนิวส์ คอร์ป รายงานกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยนิวส์ คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 7 เซนต์ต่อหุ้น
สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ระดับ 2.06 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.97
พันล้านดอลลาร์
บริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิป รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ดีเกินคาดเช่นกัน โดยมีกำไร 1.33 ดอลลาร์ต่อหุ้น พุ่งขึ้นถึง 60% จากปีที่แล้ว
และรายได้แตะ 2.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32%
ด้านนอร์ดสตรอมรายงานผลประกอบการหลังปิดตลาดในวันพฤหัสบดี เผยกำไรแตะ 0.67 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.63 ดอลลาร์ และรายได้แตะ 3.63 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดการณ์ไว้ที่ 3.58 พันล้านดอลลาร์
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย. ) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่
ประกอบกับเงินยูโรแข็งค่าขึ้นกดดันตลาด นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฏิรูปภาษีในสหรัฐยังได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการ
ซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปด้วยเช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.38 จุด หรือ -0.35% ปิดที่ 388.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,380.72 จุด ลดลง 27.03 จุด, -0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,127.47 จุด ลดลง 55.09 จุด, -0.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,432.99 จุด ลดลง 51.11 จุด, -0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยริชมอนด์ บริษัทแม่ของแบรนด์สินค้าหรู
ระดับไฮเอนด์อย่าง คาร์เทียร์ และ มงต์บลอง ร่วงลง หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ขณะที่บริษัท
คู่แข่งอย่างเบอร์เบอร์รีก็ยังคงร่วงลงต่อเนื่อง หลังจากที่ถูกเทขายจนหุ้นดิ่งลงไปถึง 10% เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุด
ในรอบ 5 ปี ภายหลังบริษัทออกรายงานเตือนว่า ยอดขายของบริษัทอาจจะไม่เติบโตจนกว่าจะถึงปีงบการเงิน 2564
นอกจากนี้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษี
ของสหรัฐอาจล่าช้าออกไป ซึ่งสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันที
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันก่อนว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการ
ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น
0.6% ในเดือนก.ย. มากกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษเดือนก.ย. ขยายตัว 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สูงกว่าการคาดการณ์ที่ 1.8%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์นั้นได้หนุนเงินยูโรและเงินปอนด์ให้ปรับตัวขึ้น
ยูโรปรับตัวขึ้นแตะ 1.1656 ดอลลาร์ จาก 1.1643 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ตลอดสัปดาห์ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นราว 0.4% เมื่อเทียบกับ
ดอลลาร์สหรัฐขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.32090 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับยูโร สู่ระดับ
1.13330 ยูโร
ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นนั้นไม่เป็นผลดีต่อบรรดาบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทส่งออก เพราะทำให้สินค้าของตนมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ
นอกจากนี้ รายได้หรือกำไรในต่างประเทศจะลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินยูโรและปอนด์
หุ้นริชมอนด์ร่วง 3.8% หุ้นเบอร์เบอร์รีลบ 2.29%
หุ้นบริษัทค้าปลีกอังกฤษ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ลดลง 1.9% และไพรมาร์ก ห้างขายสินค้าราถูก ลดลง 1.5%
หุ้นบริษัทยา แกล็กโซสมิทไคล์น ร่วง 2.1% แอสตร้าเซนเนก้า ลบ 1.9% เมอร์ค ลบ 2.26%
หุ้นกลุ่มพลังงาน บีพีร่วง 1.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลบ 1.3% หุ้นอาร์ดับเบิ้ลยูอี กลุ่มพลังงาน ลบ 1.88%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET Index TF Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง และได้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป
พร้อมกับปิดแท่งเทียนไปแบบ Two Crows ก่อนหน้าที่ดัชนีจะปรับตัวร่วงลงแรง ได้เกิดสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมดัชนี
ไว้ระยะหนึ่ง พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย ไม่ได้สัมพันธ์ กับการพุ่งทะยานของดัชนี “Bearish Volume on Top” ซึ่งสัญญาณเหล่านั้น
ณ ขณะนี้ได้เริ่มทำงานแล้ว แนวโน้มถัดจากนี้ คาดว่าดัชนีน่าจะพักฐานลงไปทดสอบแนวรับเส้น EMA75, 200 วัน ตามลำดับ
S50Z17 Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง และปิดแท่งเทียนไปแบบ Marubozu สีแดงยาวๆ
ซึ่งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของดัชนี อยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Descending Triangle พร้อมกับมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมเอาไว้
แนวโน้มถัดจากนี้ คาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดการพักฐาน ลงไปทดสอบแนวรับ EMA75 200 วัน ตามลำดับ
S50Z17 60Min หลายวันที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวแกว่งตัวของดัชนี อยู่ในกรอบแคบๆ ดัชยีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ ทำให้เกิดรูปแบบ
สามเหลี่ยม Descending Triangle และเมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา จนทำให้ปรับตัวร่วงลงมาอย่างรุนแรง
และมาเฉียดๆบริเวณ Low เดิม ที่เคยทำไว้ อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีร่วงลงมาอย่างแรง ทำให้ Indicator บางตัวเข้าสู่สภาวะ Over sold
ซึ่งคาดว่า ระยะสั้น น่าจะมี Rebound หรือ Pull back เกิดขึ้นได้ แต่ระยะกลาง-ยาว ดัชนีน่าจะพักฐานของไปอีกครั้ง เนื่องจากได้สร้างไหล่ขวา
ของรูปแบบกลับตัว Head & Shoulder ไว้อย่างสวยงาม
Resistance 1695 1699 1705 / 1075 1080 1085
Support 1685 1680 1676 / 1066 1060 1055
*EOD end of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (13 Nov 17)
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call option ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET Index ได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง ภายหลังจากงบบริษัทจดทะเบียน
ประจำไตรมาส 3/2560 รายงานออกมาแย่กว่าคาดการณ์ อีกทั้งยังมีข่าว NPL ของกลุ่มธนาคารประจำไตรมาส 4/2560 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นเป็นปัจจัยกดดันดัชนี SET Index ปรับตัวร่วงลงไปปิดที่ระดับ 1689 จุด -13.75 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัว
ขึ้นมาได้หรือไม่
Fundamental
"เอเชียเช้านี้" ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดลบ 62.69 จุด หรือ -0.22% แตะที่ 29,058.23 จุดในวันนี้ สอดคล้องทิศทางการปรับตัวลง
ของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้า
ในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการแข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีช่วยลดช่วงลบ และดันดัชนี Nasdaq
ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดจนปิดแดนบวกสวนทางอีกสองดัชนี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,422.21 จุด ลดลง 39.73 จุด, -0.17%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,582.30 จุด ลดลง 2.32 จุด, -0.09%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,750.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, +0.01%
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5% ส่วนดัชนี S&P และ Nasdaq ลดลง 0.2% โดยนับเป็นสัปดาห์แรกที่ดาวโจนส์และ S&P
ปรับตัวลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 8 สัปดาห์ติดต่อกันก่อนหน้านี้ ขณะที่ Nasdaq ปรับตัวขึ้นมา 6 สัปดาห์
โดยภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันศุกร์นั้น นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ
หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35%
สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา ซึ่งเนื้อหาหลัก
ในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลให้เกิดความไม่แน่แนอนว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะสามารถ
ประสานความแตกต่างในเนื้อหาเหล่านี้ให้ลงตัวได้หรือไม่
การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษี
มีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐาน
กลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ
97.8 ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวแตะระดับ 100.7 ในช่วงสิ้นเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.นายริชาร์ด
เคอร์ติน หัวหน้านักวิเคราะห์สำหรับการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองในเชิงลบ
ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
บริษัทนิวส์ คอร์ป รายงานกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยนิวส์ คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 7 เซนต์ต่อหุ้น
สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ระดับ 2.06 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.97
พันล้านดอลลาร์
บริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิป รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ดีเกินคาดเช่นกัน โดยมีกำไร 1.33 ดอลลาร์ต่อหุ้น พุ่งขึ้นถึง 60% จากปีที่แล้ว
และรายได้แตะ 2.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32%
ด้านนอร์ดสตรอมรายงานผลประกอบการหลังปิดตลาดในวันพฤหัสบดี เผยกำไรแตะ 0.67 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.63 ดอลลาร์ และรายได้แตะ 3.63 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดการณ์ไว้ที่ 3.58 พันล้านดอลลาร์
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย. ) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่
ประกอบกับเงินยูโรแข็งค่าขึ้นกดดันตลาด นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฏิรูปภาษีในสหรัฐยังได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการ
ซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปด้วยเช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.38 จุด หรือ -0.35% ปิดที่ 388.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,380.72 จุด ลดลง 27.03 จุด, -0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,127.47 จุด ลดลง 55.09 จุด, -0.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,432.99 จุด ลดลง 51.11 จุด, -0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยริชมอนด์ บริษัทแม่ของแบรนด์สินค้าหรู
ระดับไฮเอนด์อย่าง คาร์เทียร์ และ มงต์บลอง ร่วงลง หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ขณะที่บริษัท
คู่แข่งอย่างเบอร์เบอร์รีก็ยังคงร่วงลงต่อเนื่อง หลังจากที่ถูกเทขายจนหุ้นดิ่งลงไปถึง 10% เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุด
ในรอบ 5 ปี ภายหลังบริษัทออกรายงานเตือนว่า ยอดขายของบริษัทอาจจะไม่เติบโตจนกว่าจะถึงปีงบการเงิน 2564
นอกจากนี้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษี
ของสหรัฐอาจล่าช้าออกไป ซึ่งสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันที
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันก่อนว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการ
ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น
0.6% ในเดือนก.ย. มากกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษเดือนก.ย. ขยายตัว 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สูงกว่าการคาดการณ์ที่ 1.8%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์นั้นได้หนุนเงินยูโรและเงินปอนด์ให้ปรับตัวขึ้น
ยูโรปรับตัวขึ้นแตะ 1.1656 ดอลลาร์ จาก 1.1643 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ตลอดสัปดาห์ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นราว 0.4% เมื่อเทียบกับ
ดอลลาร์สหรัฐขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.32090 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับยูโร สู่ระดับ
1.13330 ยูโร
ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นนั้นไม่เป็นผลดีต่อบรรดาบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทส่งออก เพราะทำให้สินค้าของตนมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ
นอกจากนี้ รายได้หรือกำไรในต่างประเทศจะลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินยูโรและปอนด์
หุ้นริชมอนด์ร่วง 3.8% หุ้นเบอร์เบอร์รีลบ 2.29%
หุ้นบริษัทค้าปลีกอังกฤษ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ลดลง 1.9% และไพรมาร์ก ห้างขายสินค้าราถูก ลดลง 1.5%
หุ้นบริษัทยา แกล็กโซสมิทไคล์น ร่วง 2.1% แอสตร้าเซนเนก้า ลบ 1.9% เมอร์ค ลบ 2.26%
หุ้นกลุ่มพลังงาน บีพีร่วง 1.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลบ 1.3% หุ้นอาร์ดับเบิ้ลยูอี กลุ่มพลังงาน ลบ 1.88%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET Index TF Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง และได้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป
พร้อมกับปิดแท่งเทียนไปแบบ Two Crows ก่อนหน้าที่ดัชนีจะปรับตัวร่วงลงแรง ได้เกิดสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมดัชนี
ไว้ระยะหนึ่ง พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย ไม่ได้สัมพันธ์ กับการพุ่งทะยานของดัชนี “Bearish Volume on Top” ซึ่งสัญญาณเหล่านั้น
ณ ขณะนี้ได้เริ่มทำงานแล้ว แนวโน้มถัดจากนี้ คาดว่าดัชนีน่าจะพักฐานลงไปทดสอบแนวรับเส้น EMA75, 200 วัน ตามลำดับ
S50Z17 Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง และปิดแท่งเทียนไปแบบ Marubozu สีแดงยาวๆ
ซึ่งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของดัชนี อยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Descending Triangle พร้อมกับมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมเอาไว้
แนวโน้มถัดจากนี้ คาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดการพักฐาน ลงไปทดสอบแนวรับ EMA75 200 วัน ตามลำดับ
S50Z17 60Min หลายวันที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวแกว่งตัวของดัชนี อยู่ในกรอบแคบๆ ดัชยีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ ทำให้เกิดรูปแบบ
สามเหลี่ยม Descending Triangle และเมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา จนทำให้ปรับตัวร่วงลงมาอย่างรุนแรง
และมาเฉียดๆบริเวณ Low เดิม ที่เคยทำไว้ อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีร่วงลงมาอย่างแรง ทำให้ Indicator บางตัวเข้าสู่สภาวะ Over sold
ซึ่งคาดว่า ระยะสั้น น่าจะมี Rebound หรือ Pull back เกิดขึ้นได้ แต่ระยะกลาง-ยาว ดัชนีน่าจะพักฐานของไปอีกครั้ง เนื่องจากได้สร้างไหล่ขวา
ของรูปแบบกลับตัว Head & Shoulder ไว้อย่างสวยงาม
Resistance 1695 1699 1705 / 1075 1080 1085
Support 1685 1680 1676 / 1066 1060 1055
*EOD end of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ