กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (18 Jun 18)

กระทู้สนทนา



สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put, Call ทุกๆท่าน

เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา ภายหลังจากผลการประชุม 2 ธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็น
ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มาอยู่ที่ 1.75 – 2.00% และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ส่งสัญญาณยุตินโยบายซื้อพันธบัตร
(QE) ภายในสิ้นปีนี้ และ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายในกลางปี 2019 และด้วยปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) เผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออก จากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ และ ประเทศไทย ก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน นอกจากนั้นแล้ว
ยังมีปัจจัยราคาน้ำมัน ที่ยังคงปรับตัวร่วงลงมาอย่างต่อนเนื่อง จากกระแสข่าว ซาอุดิอาราเบีย กับ รัสเซีย จะเพิ่มกำลังการผลิต ด้วยเหตุนี้
ได้กดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และทุบให้ดัชนี SET index ร่วงลงไปปิดตัวที่ระดับ 1704 จุด -5.04 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัว
ได้หรือไม่


Fundamental

เอเชียเช้านี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงคราม
การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษี 25% ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ออก
มาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเปิดลบ 45.18 จุด หรือ -0.20% แตะที่ 22,806.57 จุด
หุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงเช้านี้นำโดยหุ้นกลุ่มขนส่งทางทะเล กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน และกลุ่มเหมืองแร่


ฝั่งสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (15 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษี 25% ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,090.48 จุด ลดลง 84.83 จุด หรือ -0.34%
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,779.66 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือ -0.10%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,746.38 จุด ลดลง 14.66 จุด หรือ -0.19%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทำเนียบขาวประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษี 25% เพื่อตอบโต้การที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ
ทั้งนี้ สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีน โดยสินค้าล็อตแรก
จำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่สินค้าล็อตที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

หลังจากทางการสหรัฐออกแถลงการณ์ดังกล่าวได้ไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์

รัฐสภาจีน และคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการศุลกากรแห่งรัฐสภาจีน แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรกจำนวน 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้
เป็นต้นไป ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนที่เหลือนั้น จะมีการประกาศหลังจากนั้น

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกอาจจะปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.5% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 1.2% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.9%

หุ้นอะโดบี ซิสเต็มส์ ร่วงลง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายงานผลประกอบการที่ซบเซา
ส่วนหุ้นบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2%
และหุ้นดาว เคมิคอล ปรับตัวลง 0.9%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์นั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐลดลง 0.1% ใน
เดือนพ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนของรถบรรทุกในรัฐมิชิแกน ขณะที่ผลสำรวจของมหาวิทยาลัย
มิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 99.3 ในเดือนมิ.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ที่ระดับ 98.3 หลังจาก
แตะระดับ 98.0 ในเดือนพ.ค.

ฝั่งยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจาก
รัฐบาลสหรัฐประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษี 25% ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตรการตอบโต้โดยใช้มาตรการใน
ลักษณะเดียวกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 389.13 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,010.55 จุด ลดลง 96.55 จุด หรือ -0.74%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,501.88 จุด ลดลง 26.58 จุด หรือ -0.48%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,633.91 จุด ลดลง 131.88 จุด หรือ -1.70%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจาก
ทำเนียบขาวประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษี 25% เพื่อตอบโต้การที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ทั้งนี้ สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีน
โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่สินค้าล็อตที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

หลังจากทางการสหรัฐออกแถลงการณ์ดังกล่าวได้ไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ
จำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์

รัฐสภาจีน และคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการศุลกากรแห่งรัฐสภาจีน แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรกจำนวน 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้
เป็นต้นไป ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนที่เหลือนั้น จะมีการประกาศหลังจากนั้น

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 2.4%
หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล ดิ่งลง 1.5% และหุ้นดอยซ์ แบงก์ ปรับตัวลง 1.7%

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.1% หุ้นแรนโกลด์
รีซอสเซส ดิ่งลง 3.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 1.8% และหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 1.5%

ส่วนหุ้นโรลส์รอยซ์ ทะยานขึ้น 8.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับลดจำนวนพนักงาน 4,600 รายในช่วง 2 ปีข้างหน้า ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่


Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์


Technical Analysis

SET Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงเมื่อวันศุกร์ ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง และ ได้ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่
(New Low) เรื่อยๆ พร้อมกับหลุดเส้น EMA200 วัน อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการยืนยันสัญญาณที่จะเข้าสู่ “ขาลงอ่อนๆ” และแนวโน้มวันนี้คาดว่า
ดัชนีน่าจะร่วงลงไปได้ต่อ โดยที่มีจุดเฝ้าระวัง นั้นก็คือ บริเวณ Neck line 1673 -1680 จุด หากสามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้ อาจจะได้เห็น Pullback แรงๆ
อีกครั้ง // แต่ก็หากไม่สามารถรับอยู่ ก็จะทำให้ภาพรูปแบบกลับตัว Complex Head & Shoulder ชัดเจน ยิ่งขึ้น

S50M18 Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงเมื่อวันศุกร์ ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง และ ได้ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ (New Low) เรื่อยๆ พร้อมกับหลุดเส้น EMA200 วันลงไปเล็กน้อย พรัอมกับปิดแท่งเทียนไปแบบ “Bearish Identical Three Crows” แม้จะสามารถ
ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือได้อีกครั้งก็ตาม ซึ่งวันนี้ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้หรือไม่ ถ้าฟื้นตัวขึ้นไปได้ ก็จะทำให้เกิดรูปแบบแท่งเทียน
Three Line Strike ทำให้เห็น Pullback แรงๆ อีกครั้ง // แต่ถ้าหากไม่สามารถรับอยู่ และหลุด 1100 จุด ลงไป จะทำให้ภาพขาลงชัดเจนยิ่งขึ้น

S50M18 TF60 Min: ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวแบบ “Sideways Down” ค่อยๆร่วงไถลทำ New Low ลงมาเรื่อยๆ จนหลุดแนวรับ 1123 จุด ซึ่งทำให้ภาพของ “Descending Triangle” ชัดเจนขึ้น และแนวโน้ววันนี้คาดว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะร่วงลงไปต่อ โดยมองแนวรับไว้บริเวณ กรอบล่างของ Downtrend Channel ที่ระดับ 1090-1100 จุด หากตรงนี้ไม่สามารถรับอยู่ ก็จะทำให้ภาพขาลง ชัดเจนยิ่งขึ้น

Resistance : 1120 1123 1125 1130 / 1710 1715 1720
Support : 1110 1105 1100 1196 / 1700 1696 1690

*EOD End of day

ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ

สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ  ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ  เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่