
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ และ ตลอดสัปดาห์ผ่านมา ดัชนี SET index เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แม้ว่าตลอดทั้งสัปดาห์จะมีปัจจัยต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ยังคงดำเนินนโยบาย QE ต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ได้เพิ่มปริมาณการซื้อ ETF เพิ่มขึ้น
และคุมให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10ปี ไกล้ 0 ถัดมาคืนวันพุธ การประชุม FOMC ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตามที่คาดการณ์ แต่ก็มีกระแส
คาดการณ์กันว่า Mr.Powell จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน ถัดมาวันพฤหัส นับเป็นครั้งแรกของปีนี้ ที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.75% แต่ก็มีคอมเม้นด้วยว่า ในระยะสั้นถัดจากนี้ จะยังไม่มีทีท่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกปัจจัยที่ยังคงคลุมเครือต่อตลาดหุ้นไทย และ ต่างประเทศนั่นก็คือ Trade War โดยล่าสุดประธนาธบดี ทรัมป์ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน เพิ่มขึ้นอีก 25% ด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ได้กดดันต่อดัชนี SET index ไม่ให้พุ่งทะยานหวือหวา เฉกเช่นสัปดาห์ก่อน และทำให้วันศุกร์ปิดตัวไปที่ระดับ 1712 จุด +3.81 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างหวือหวา อีกหรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวขึ้นวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งเปิดบวก 209.19 จุด หรือ +0.76% แตะที่ 27,885.51 จุด
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (3 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆที่มีการรายงานตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยจำกัดช่วงบวกในตลาด อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า
ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,462.58 จุด เพิ่มขึ้น 136.42 จุด หรือ +0.54%
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,840.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.46%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,812.01 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.12%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดใ
นรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจาก
สินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียก
เก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ฝั่งยุโรป ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ
โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า
1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 389.16 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,615.76 จุด เพิ่มขึ้น 69.43 จุด หรือ 0.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.98 จุด เพิ่มขึ้น 18.00 จุด หรือ 0.33%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,659.10 จุด เพิ่มขึ้น 83.17 จุด หรือ 1.10%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.56%
หุ้นเอเอ็มเอส ผู้ผลิตเซนเซอร์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.94% ส่วนหุ้นซิลทรอนิก ผู้ผลิตซิลิคอนเวเฟอร์
ซึ่งจดทะเบียนในตลาดเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.18%
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ
และจีนกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิด
อัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวง
เงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้พุ่งทะยานขึ้นมาทดสอบเส้นแนวต้านสำคัญ ณ บริเวณ 1720 จุด แม้จะมีบางวันที่สามารถทะลุผ่านขึ้นไป แต่ท้ายที่สุดก็ไหลร่วงกลับลงมา ซึ่งเป็นการร่วงลงมาทดสอบ EMA75 200 วัน อีกครั้ง และเกิดรูปแบบแท่งเทียน
“Bull Fortress” ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ หากสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ก็จะเป็นการเคลียร์ “รูปแบบขาลง” พร้อมทะยานกลับไปทดสอบ 1800 จุด //แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และหลุดเส้น EMA75 200 วัน ลงมา ก็จะทำให้ภาพของ False Break ชัดเจนยิ่งขึ้น และยืนยัน Pullback พร้อมจะพักฐานลงมาอีกครั้ง
S50U18 TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีได้พุ่งทะยานขึ้นมาทดสอบเส้นแนวต้านสำคัญ ณ บริเวณ 1136 จุด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไหล
ร่วงกลับลงมา ซึ่งเป็นการร่วงลงมาทดสอบ EMA200 วัน อีกครั้ง และเกิดรูปแบบแท่งเทียน “Bull Fortress” ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรีอไม่ หากสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ก็จะไถลขึ้นไปทดสอบกรอบแนวต้านสำคัญ ณ ระดับ 1150 จุด หากสามารถทะลุ
ผ่านขึ้นไปได้ ก็จะเป็นการเคลียร์ “รูปแบบขาลง” พร้อมทะยานกลับไปทดสอบ 1200 จุด //แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และหลุดเส้น EMA75 200 วัน ลงมา มีโอกาสที่จะพักตัวลงไปทดสอบ EMA25 75 วัน อีกครั้งก็เป็นได้
S50U18 TF60 Min : หลายวันที่ผ่านมาดัชนียังคงพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง จนมาถึงระดับ 1136 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ พร้อมกับมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมานานหลายวัน จึงทำให้เมื่อกลางสัปดาห์ เริ่มเห็นการย่อตัวของดัชนี ลงมา
ทดสอบ EMA25 วัน ซึ่งต้องมาดูกันว่า ณ บริเวณนี้ ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเคลียร์แนวต้านสำคัญได้หรือไม่ หากสามารถทะลุ
ผ่านแนวต้านสำคัญได้ ก็มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบระดับ 1200 จุด อีกครั้ง //แต่ถ้าหากหลุดเส้น EMA25 วัน ลงมา มีโอกาสที่จะพักตัว
ลงไปทดสอบ EMA75 200 วัน อีกครั้งก็เป็นได้
Resistance : 1136 1140 1144 1150 / 1717 1725 1730
Support : 1122 1116 1111 1105 / 1707 1700 1696
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (6 Aug 18)
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option ทุกๆท่าน
เมื่อวานศุกร์ และ ตลอดสัปดาห์ผ่านมา ดัชนี SET index เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แม้ว่าตลอดทั้งสัปดาห์จะมีปัจจัยต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ยังคงดำเนินนโยบาย QE ต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ได้เพิ่มปริมาณการซื้อ ETF เพิ่มขึ้น
และคุมให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10ปี ไกล้ 0 ถัดมาคืนวันพุธ การประชุม FOMC ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตามที่คาดการณ์ แต่ก็มีกระแส
คาดการณ์กันว่า Mr.Powell จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน ถัดมาวันพฤหัส นับเป็นครั้งแรกของปีนี้ ที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.75% แต่ก็มีคอมเม้นด้วยว่า ในระยะสั้นถัดจากนี้ จะยังไม่มีทีท่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกปัจจัยที่ยังคงคลุมเครือต่อตลาดหุ้นไทย และ ต่างประเทศนั่นก็คือ Trade War โดยล่าสุดประธนาธบดี ทรัมป์ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน เพิ่มขึ้นอีก 25% ด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ได้กดดันต่อดัชนี SET index ไม่ให้พุ่งทะยานหวือหวา เฉกเช่นสัปดาห์ก่อน และทำให้วันศุกร์ปิดตัวไปที่ระดับ 1712 จุด +3.81 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างหวือหวา อีกหรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวขึ้นวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งเปิดบวก 209.19 จุด หรือ +0.76% แตะที่ 27,885.51 จุด
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (3 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆที่มีการรายงานตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยจำกัดช่วงบวกในตลาด อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า
ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,462.58 จุด เพิ่มขึ้น 136.42 จุด หรือ +0.54%
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,840.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.46%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,812.01 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.12%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดใ
นรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจาก
สินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียก
เก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ฝั่งยุโรป ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ
โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า
1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 389.16 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,615.76 จุด เพิ่มขึ้น 69.43 จุด หรือ 0.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.98 จุด เพิ่มขึ้น 18.00 จุด หรือ 0.33%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,659.10 จุด เพิ่มขึ้น 83.17 จุด หรือ 1.10%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.56%
หุ้นเอเอ็มเอส ผู้ผลิตเซนเซอร์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.94% ส่วนหุ้นซิลทรอนิก ผู้ผลิตซิลิคอนเวเฟอร์
ซึ่งจดทะเบียนในตลาดเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.18%
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ
และจีนกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อคืนนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิด
อัตราภาษีในช่วง 5-25%
จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวง
เงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้พุ่งทะยานขึ้นมาทดสอบเส้นแนวต้านสำคัญ ณ บริเวณ 1720 จุด แม้จะมีบางวันที่สามารถทะลุผ่านขึ้นไป แต่ท้ายที่สุดก็ไหลร่วงกลับลงมา ซึ่งเป็นการร่วงลงมาทดสอบ EMA75 200 วัน อีกครั้ง และเกิดรูปแบบแท่งเทียน
“Bull Fortress” ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ หากสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ก็จะเป็นการเคลียร์ “รูปแบบขาลง” พร้อมทะยานกลับไปทดสอบ 1800 จุด //แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และหลุดเส้น EMA75 200 วัน ลงมา ก็จะทำให้ภาพของ False Break ชัดเจนยิ่งขึ้น และยืนยัน Pullback พร้อมจะพักฐานลงมาอีกครั้ง
S50U18 TF Day: ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน ดัชนีได้พุ่งทะยานขึ้นมาทดสอบเส้นแนวต้านสำคัญ ณ บริเวณ 1136 จุด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไหล
ร่วงกลับลงมา ซึ่งเป็นการร่วงลงมาทดสอบ EMA200 วัน อีกครั้ง และเกิดรูปแบบแท่งเทียน “Bull Fortress” ต้องมาดูกันว่า ดัชนีจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรีอไม่ หากสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ก็จะไถลขึ้นไปทดสอบกรอบแนวต้านสำคัญ ณ ระดับ 1150 จุด หากสามารถทะลุ
ผ่านขึ้นไปได้ ก็จะเป็นการเคลียร์ “รูปแบบขาลง” พร้อมทะยานกลับไปทดสอบ 1200 จุด //แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และหลุดเส้น EMA75 200 วัน ลงมา มีโอกาสที่จะพักตัวลงไปทดสอบ EMA25 75 วัน อีกครั้งก็เป็นได้
S50U18 TF60 Min : หลายวันที่ผ่านมาดัชนียังคงพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และ ไม่หยุดยั้ง จนมาถึงระดับ 1136 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ พร้อมกับมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมมานานหลายวัน จึงทำให้เมื่อกลางสัปดาห์ เริ่มเห็นการย่อตัวของดัชนี ลงมา
ทดสอบ EMA25 วัน ซึ่งต้องมาดูกันว่า ณ บริเวณนี้ ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเคลียร์แนวต้านสำคัญได้หรือไม่ หากสามารถทะลุ
ผ่านแนวต้านสำคัญได้ ก็มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบระดับ 1200 จุด อีกครั้ง //แต่ถ้าหากหลุดเส้น EMA25 วัน ลงมา มีโอกาสที่จะพักตัว
ลงไปทดสอบ EMA75 200 วัน อีกครั้งก็เป็นได้
Resistance : 1136 1140 1144 1150 / 1717 1725 1730
Support : 1122 1116 1111 1105 / 1707 1700 1696
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ