คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
กรณีเช่นนี้ มีเรื่องต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
1. หากข้อมูลไม่คลาดเคลื่อน คุณเป็นพนักงานของบริษัท A แต่ถูกส่งไปทำงานในบริษัท B เรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาว่าเป็นการส่งตัวไปทำงานอย่างไร บริษัท A เป็นธุรกิจจัดหาแรงงานหรือไม่ หรือเป็นเพียงการยืมตัวไปทำงาน เรื่องดังกล่าวผมให้ความเห็นยุติไม่ได้เนื่องจากต้องทราบข้อเท็จจริง
2. การที่บริษัท B ยุบแผนกลง จะเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาในข้อที่ 1 ซึ่งยังไม่ทราบความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นลูกจ้างของ A บริษัท A ต้องรับผิดชอบลูกจ้างในฐานะนายจ้างเสียก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่หน้าที่ของ B
3. การที่ B ยุบแผนก ถึงแม้ว่า A เป็นนายจ้าง แต่หากทั้ง Aและ B ไม่ต้องการให้ลูกจ้างทำงานอีกต่อไป ถือเป็นการเลิกจ้าง ดังนั้น เมื่อเป็นการเลิกจ้าง สิ่งที่นายจ้างต้งอคำนึงถึงคือ
3.1 การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา 17 พรบ.คุ้มครองแรงงาน
3.2 เงินชดเชยการเลิกจ้าง เนื่องจากการยุบแผนก มิใช่การที่ลูกจ้างทำผิดตามมาตรา 119 ดังนั้นการเลิกจ้าง ต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายในมาตรา 118 พรบ.คุ้มครองแรงงาน
3.3 เหตุแห่งการเลิกจ้าง เรื่องดังกล่าวนี้ต้องไปพิจารณาข้อเท็จจริงต่อว่า การที่นายจ้างอ้างเหตุยุบหน่วยงานนั้น เท็จจริงอย่างไร กลั่นแกล้งลูกจ้างหรือเป็นการกระทำที่เป็นธรรมหรือไม่ ตามมาตรา 49 พรบ.จัดตั้งศาลฯ ซึ่งมีเรื่องต้องให้พิจารณาอีกมากครับ
4. อย่างไรก็ตาม การที่นายจ้างจะเลิกจ้างเนื่องจากยุบหน่วยงาน เป็นความประสงค์ยุติสัญญาจ้างจากนายจ้าง ดังนั้นนายจ้างต้องออกหนังสือเลิกจ้างมาครับ *คำเตือน ห้ามเขียนหนังสือลาออกโดยเด็ดขาด เพราะการเขียนหนังสือลาออกเป็นการสละสิทธิเรียกร้องเงินชดเชยและสิทธิประโยชน์อื่นตามกฎหมาย
5. การที่ B อ้างว่าหาบริษัทใหม่ให้ ก็ต้องไปทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงในข้อ 1 เสียก่อนว่าใครเป็นนายจ้างที่แท้จริง หากคุณเป็นลูกจ้างของ A ก็ไม่มีความจำเป็นที่ B จะต้องหาบริษัทใหม่ให้
กรณีดังกล่าว ผมเตือนไว้จากประสบการณ์ว่า ระวังจะกลายเป็นการยกเลิกสัญญาจ้างโดยบริษัทต้นสังกัด แล้วโยกพนักงานไปยังบริษัทจ้างเหมาแห่งใหม่โดยการออกอุบายให้เขียนหนังสือลาออกแล้วสมัครเข้าบริษัทแห่งใหม่ หากทำเช่นนี้ อายุงานที่ท่านเจ้าของกระทู้ทำมาทั้งสิ้น 7 ปีจะไร้ความหมายโดยทันที ทุกอย่างเริ่มนับ 1 ใหม่ทั้งหมดครับ
อย่างไรก็ตาม ผมให้ความเห็นว่า ทั้งบริษัท A , B และบริษัทที่กล่าวอ้างว่าเป็นบริษัทใหม่นั้น มีบางอย่างไม่ตรงไปตรงมาและค่อนข้างหมกเม็ด จึงเป็นการเสี่ยงที่ลูกจ้างซึ่งไม่รู้ข้อกฎหมายจะเสียเปรียบได้ ผมแนะนำให้ท่านเจ้าของกระทู้และเพื่อนพนักงานที่ประสบเหตุการณ์เดียวกัน เข้าพบเจ้าพนักงานตรวจแรงงานเพื่อให้เจ้าพนักงานตรวจแรงงานเข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าว จะเป็นการดีที่สุดครับ
1. หากข้อมูลไม่คลาดเคลื่อน คุณเป็นพนักงานของบริษัท A แต่ถูกส่งไปทำงานในบริษัท B เรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาว่าเป็นการส่งตัวไปทำงานอย่างไร บริษัท A เป็นธุรกิจจัดหาแรงงานหรือไม่ หรือเป็นเพียงการยืมตัวไปทำงาน เรื่องดังกล่าวผมให้ความเห็นยุติไม่ได้เนื่องจากต้องทราบข้อเท็จจริง
2. การที่บริษัท B ยุบแผนกลง จะเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาในข้อที่ 1 ซึ่งยังไม่ทราบความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นลูกจ้างของ A บริษัท A ต้องรับผิดชอบลูกจ้างในฐานะนายจ้างเสียก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่หน้าที่ของ B
3. การที่ B ยุบแผนก ถึงแม้ว่า A เป็นนายจ้าง แต่หากทั้ง Aและ B ไม่ต้องการให้ลูกจ้างทำงานอีกต่อไป ถือเป็นการเลิกจ้าง ดังนั้น เมื่อเป็นการเลิกจ้าง สิ่งที่นายจ้างต้งอคำนึงถึงคือ
3.1 การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา 17 พรบ.คุ้มครองแรงงาน
3.2 เงินชดเชยการเลิกจ้าง เนื่องจากการยุบแผนก มิใช่การที่ลูกจ้างทำผิดตามมาตรา 119 ดังนั้นการเลิกจ้าง ต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายในมาตรา 118 พรบ.คุ้มครองแรงงาน
3.3 เหตุแห่งการเลิกจ้าง เรื่องดังกล่าวนี้ต้องไปพิจารณาข้อเท็จจริงต่อว่า การที่นายจ้างอ้างเหตุยุบหน่วยงานนั้น เท็จจริงอย่างไร กลั่นแกล้งลูกจ้างหรือเป็นการกระทำที่เป็นธรรมหรือไม่ ตามมาตรา 49 พรบ.จัดตั้งศาลฯ ซึ่งมีเรื่องต้องให้พิจารณาอีกมากครับ
4. อย่างไรก็ตาม การที่นายจ้างจะเลิกจ้างเนื่องจากยุบหน่วยงาน เป็นความประสงค์ยุติสัญญาจ้างจากนายจ้าง ดังนั้นนายจ้างต้องออกหนังสือเลิกจ้างมาครับ *คำเตือน ห้ามเขียนหนังสือลาออกโดยเด็ดขาด เพราะการเขียนหนังสือลาออกเป็นการสละสิทธิเรียกร้องเงินชดเชยและสิทธิประโยชน์อื่นตามกฎหมาย
5. การที่ B อ้างว่าหาบริษัทใหม่ให้ ก็ต้องไปทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงในข้อ 1 เสียก่อนว่าใครเป็นนายจ้างที่แท้จริง หากคุณเป็นลูกจ้างของ A ก็ไม่มีความจำเป็นที่ B จะต้องหาบริษัทใหม่ให้
กรณีดังกล่าว ผมเตือนไว้จากประสบการณ์ว่า ระวังจะกลายเป็นการยกเลิกสัญญาจ้างโดยบริษัทต้นสังกัด แล้วโยกพนักงานไปยังบริษัทจ้างเหมาแห่งใหม่โดยการออกอุบายให้เขียนหนังสือลาออกแล้วสมัครเข้าบริษัทแห่งใหม่ หากทำเช่นนี้ อายุงานที่ท่านเจ้าของกระทู้ทำมาทั้งสิ้น 7 ปีจะไร้ความหมายโดยทันที ทุกอย่างเริ่มนับ 1 ใหม่ทั้งหมดครับ
อย่างไรก็ตาม ผมให้ความเห็นว่า ทั้งบริษัท A , B และบริษัทที่กล่าวอ้างว่าเป็นบริษัทใหม่นั้น มีบางอย่างไม่ตรงไปตรงมาและค่อนข้างหมกเม็ด จึงเป็นการเสี่ยงที่ลูกจ้างซึ่งไม่รู้ข้อกฎหมายจะเสียเปรียบได้ ผมแนะนำให้ท่านเจ้าของกระทู้และเพื่อนพนักงานที่ประสบเหตุการณ์เดียวกัน เข้าพบเจ้าพนักงานตรวจแรงงานเพื่อให้เจ้าพนักงานตรวจแรงงานเข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าว จะเป็นการดีที่สุดครับ
แสดงความคิดเห็น
โดนบริษัทยุบแผนก ยื่นใบลาออกให้เซ็นต์ มีข้อความว่า "ข้าพเจ้าจะไม่ขอเรียกร้องสิ่งอื่นใดกับทางบริษัท"
จนวันนี้ทางองค์กรB คนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ที่ดูแลพนักงานในแผนก ได้เรียกประชุมด่วนและชี้แจงว่า บริษัทA ยังไม่ได้ปิดบริษัทในปีนี้ แต่ทำการยุบแผนกที่เราอยุ่ โดยองค์กรB ได้หาบริษัทใหม่เข้ามาให้พนักงานแล้ว โดยที่บริษัท A และบริษัทใหม่ที่จะเข้ามา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
มีคำถามว่า
1. แบบนี้เราควรจะทำอย่างไรดี เซ็นใบลาออกหรือไม่เซ็น
2. ศึกษาข้อมูลมาบ้าง หลายคนบอกว่า เราจะได้ค่าชดเชย แต่ต้องมีหนังสือเลิกจ้างจากทางบริษัท แต่นี่บริษัทไม่มีให้เพราะดูแล้วบริษัทหาทางดักทุกทางเพื่อให้พนักงานเซ็นใบลาออกอย่างเดียว แบบนี้เราจะได้ค่าชดเชยหรือไม่ค่ะ (บริษัทAมีการบอกกับเราว่าถ้าไม่เซ็นภายในวันนี้พรุ่งนี้ บริษัทใหม่จะเข้ามาให้พนักงานเขียนใบสมัครไม่ได้ ทั้งที่พูดกับเราว่า บริษัทA กับบริษัทใหม่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน งงใจ)
3. การยุบแผนก ถือ เป็นการเลิกจ้างหรือไม่
ข้อคำแนะนำด้วยนะค่ะ ขาดตกบกพร่องประการใดขออภัยด้วยคะ
ขอบคุณคะ