
สำหรับใครที่พลาดวันแรกแล้วสามารถกลับไปอ่านได้นะครับ
DAY 1 :
https://pantip.com/topic/36705169/comment1
หลังจากเมื่อวานเราได้ไปเที่ยวในโลเคชั่นสำคัญๆของเมืองโฮจินมินห์เกือบหมดแล้ว วันนี้เหลือแค่อีกไม่กี่ที่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัดหมดเลย พวกเราก็ตื่นเช้าเพื่อลงมากินข้าวและรีบอาบน้ำรีบออก ข้าวเช้าที่โรงแรมก็ธรรมดามาก ขนมปัง(แข็งโป๊ก)ก้อนนึงกับไข่(นกกระทา)ดาวแฝด แน่นอนอาหารเช้าของที่โรงแรมไม่ได้ทำให้เราอิ่ม แต่โชคดีที่ในบริเวณฟาร์มงูเห่านั้นมีตลาดสดอยู่ เราจึงเดินออกมาข้างหน้าซอยโรงแรมก็จะเจอบรรยากาศตลาดยามเช้า สบายๆ จากนั้นพวกผมก็เห็นร้านขายหมูกรอบ ได้ทีต้องลิ้มลองรสชาติหมูกรอบของที่นี่ซักหน่อย รสชาติไม่เลวเลยครับคล้ายๆ กับบ้านเรามีกลิ่นที่แตกต่างเล็กน้อย ราคาเพียง 50,000 ดองเท่านั้น เราก็เดินกันต่อไปตามทางดูบรรยากาศยามเช้า




พวกเราเดินมาเรื่อยๆ ก็ได้เจอกับตลาดนัดวันหยุดเข้าอีก เป็นตลาดขายอาหารของเวียดนามและอาหารกินเล่นแนวสตรีทฟู๊ด ที่เห็นๆแล้วมันทำให้น้ำลายสอก็มีปลาหมึกย่าง กับ แพนเค้กเวียดนาม เนี่ยแหละครับ ปลาหมึกที่นี่เขาขายเป็นโลกัน แต่รู้สึกจะได้น้อยกว่าไทยนิดหน่อย แหม่เอาไปชั่งทีนี่มีแต่น้ำหมักเนื้อปลาหมึกแทบไม่มีเลยครับ 5555




น้ำจิ้มซีฟู้ดที่เวียดนามแตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง โดยที่นี่จะเอามะนาวมาบีบลงบนพริกไทยซึ่งยังไงก็สู้ที่บ้านเราไม่ได้อยู่ดี

หลังจากที่บอกกันเมื่อวานคงยังไม่ลืมกันนะครับว่า โรงแรมที่พวกเรานอนอยู่ใกล้ๆ ท่าปล่อยรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 2 เพื่อไปวัดQuan Am Pagoda กัน ซึ่งเป็นวัดเจ้าแม่กวนอิมอายุประมาณ 100 ปี เป็นวัดของศาสนาพุทธที่มีอิทธิพลมาจากชาวจีนโดยสร้างขึ้นเพื่อบูชาเจ้าแม่กวนอิม
วัดของเมืองนี้ทุกวัดลักษณะภายในจะประมาณวัด เน่งเล่ยยี่ บ้านเราเลยครับแต่จะไม่แออัด ไม่มีใครบ้าไปแก้ชง ไม่ควันขโมง ดูได้บุญได้ศรัทธามากกว่ามะเร็งเยอะเลย ที่เวียดนามก็จะมีธูปที่เป็นก้นหอย ส่วนใหญ่เขาจะเน้นแขวนไว้ข้างบนหลังคา





หลังจากทำบุญขอพระคุ้มครอง ขอพรโชคลาภแล้ว เราก็จะเดินเท้าไปเยาวราาช ของโฮจิมินห์กันครับ แต่ระหว่างทางก็เจอวัดอีกวัด Ha Chuong Hoi Quan Pagoda และ Thien Hau Pagoda ซี่งที่นี่บรรยากาศน่าถ่ายรูปมากๆ


ข้างๆวัดก็จะมีบันไดขึ้นไปหอพักของคนแถวนั้นผมเลยขอแอบขึ้นไปแชะภาพมาซักหน่อย



วัดนี้ก็ตามสไตล์ครับ ขอพร ขอโชคลาภ และให้อาหารปลา เพราะคืนนี้เรามีศึกหนัก(ขอติดไว้ก่อนนะแล้วจะมาเล่าศึกหนักตอนเย็น) ไหว้พระเสร็จก็เดินหน้าไปเยาวราชกันเลย บรรยากาศเยาวราชของที่นี่จะไม่เหมือนบ้านเรา จากที่สังเกตส่วนใหญ่เขาจะขายกันแต่ยาสมุนไพรจีนทั้งนั้น ถือว่ามาเดินสูดกลิ่นยาเพลินๆ ไม่เห็นขายพวกกระเพาะปลา หูฉลาม เหมือนเยาวราช

ไหว้พระทำบุญหาพลังใจกันแล้วเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆหาอะไรมาเติมพลังกายให้มีพลังงานกันหน่อยเราไม่ได้ตั้งใจเดินไปที่ร้าน Lotteria ของเวียดนามแต่พอดีมันมีอนุเสาวรีย์ที่เด่นๆมากๆตั้งอยู่แค่ตั้งใจจะไปรูปแต่ได้ร้านFast Food ท้องถิ่นแถมมาด้วย



หลังจากนั้นเราก็เดินกันไปที่ร้าน Uncle Tea ร้านชานมไข่มุก เอกลักษณ์ของร้านนี้อยู่ที่กระบอกใส่น้ำของเขาล่ะครับ

นั่งไปนั่งมาก็ใช้มือถือถ่ายรูปรวมกล้องทุกตัวที่เอามาในทริปนี้กันหน่อยดีกว่า

1. Canon 80d + 18-135 3.5-5.6 IS NanoUSM
2. Canon 60d + tamron 18-200 3.5-6.3 VC
3. Canon 60d +18-135
4. Nikon Life Touch 130 ED
กล้องตัวสุดท้ายคือกล้องฟิล์มลูกรักผมเลยแหละครับ มันสามารถถ่ายโหมด Panorama ที่สุดยอดได้
นั่งดูดชาจนเลี่ยนจะอ้วก นี่ก็เป็นมื้อกลางวันของพวกเราไปเลยโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ!!!!! ขนาดมานั่งกินชายังทรมานเลยชีวิต สถานที่ที่กำลังจะไปต่อคือ Opera House ไปง่ายๆมากโดยการนั่งรถเมล์ บังเอิญผ่านมีหน้าร้าน Uncle Tea พอดีเลยครับ นั่งรถรอบนี้จะไกลหน่อยเพราะเราออกมาถึง District 11 เข้าสู่ District 1 นั่งรถเมล์มาถึงสุดป้ายก็คือหลังตึก Avenger ซึ่งถือเป็นความโชคดีเพราะมันใกล้กับ Opera House มากๆ ครับเดินไปอีก 2 บล็อคก็ถึงแล้ว! Opera House ปัจจุบัน Opera House ยังคงเปิดให้บริการตามปกติครับแต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และด้วยคอนเซปการเซฟบัดเจ็ทของเราแล้ว ทำให้พวกเราได้แค่ถ่ายรูปแค่ตัวอาคารภายนอก 55555


เรามีแผนไว้ว่าจะมาเสพศิลป์ที่เวียดนามซักหน่อย เลยวางแผนว่าหลังจาก Opera House เราจะไป Art Gallery ของที่นี่ แต่ด้วยความโชคร้ายบวกกับความปวดขี้ของไอต้นทำให้เราหา Art Gallery ไม่เจอซักที เราเลยช่างมันแล้วเปลี่ยนมาเดินตลาด Ben Than ซึ่งเป็นที่ที่เรานั่งรถจากสนามบินมาเข้าตัวเมืองในวันแรกของการเดินทางนั่นเอง ตลาด Ben Than อารมณ์เหมือนจัตุจักรของบ้านเราเลยครับ มีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ ต้นอยากได้หมวกใบใหม่เลยไปหาซื้อที่นี่พอดี แต่ราคาค่อนข้างโหด เราพยายามต่อลองแต่ก็แพ้แม่ค้าที่นี่ตลอดทุกร้านจนเราถอนใจออกจากที่นี่ แต่พอมาเดินบริเวณริมทางออกเราเห็นร้านหมวกอีกร้านหนึ่งซึ่งดูดีกว่าทุกๆร้านที่ผ่านมา แล้วต้นก็เจอหมวกที่มันชอบพอดีเลยถามราคา พบว่าราคาหมวกร้านนี้ถูกกว่าทุกร้านที่ผ่านมา แต่ต้นอยากต่ออีกเลยลองคุยกับแม่ค้า มาพบตอนหลังว่าไอบริเวณซอยริมทางออกเนี่ยมันเป็นร้านที่ถูก upgrade มาอีกขั้นคือสินค้าส่วนใหญ่มีคุณภาพดีกว่าจึงทำให้ต่อลองราคาไม่ได้//เลยอันนี้มีป้ายเขียนเอาไว้


หลังจากได้หมวกใบใหม่เราก็เดินออกมาซึ่งพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินพอดี ด้วยความเมื่อยเท้าของพวกเราที่เดินมาตลอดวันบวกกับเมื่อวานเราเลยเดินกลับไปพักที่โรงแรมก่อนไปทำศึกหนักที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ เรากลับมาที่พักของเราในห้องมีชายหนุ่มชาวจีนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว พวกผมจึงได้ทักทายพูดคุยกับเขาพอสมควร เรียกได้ว่าซี้ปึ้ก พี่แกบอกว่าเมื่อว่าแกไปนวดมาแกเอารูปมาอวดพวกเราด้วย เราบอกพี่แกว่าที่เวียดนามงั้นๆแหละ สู้ที่ไทยไม่ได้หรอก "Thai massage is the best, you know" คุยกันซักพักก็ไม่อยากปล่อยแกเหงาอยู่คนเดียวเราเลยชวนพี่แกไปทำศึกหนักกับเรา แต่แกปฏิเสธ แกบอกว่าไม่ใช่ทาง
พอเริ่มหายเมื่อย ก็ได้เวลาทำศึกหนักแล้ว ไอศึกหนักที่ว่าคือการไปเล่น casino นี่เองครับ 55555 ก่อนมาที่นี่นอกจากที่พัก ร้านอาหารแล้ว casino ก็เป็นอีกอย่างหน่ึงที่เราลงหมุดเอาไว้ว่าต้องมาเล่นให้ได้ ซึ่งคนที่อยากเล่นที่สุดคงไม่ใช่ใครทั้งนั้นนอกจากไอต้น ...เล่าหน่อยดิ ไหนๆก็ได้ออกมานอกประเทศทั้งทีผมก็อยากลองเล่นCasino ที่ถูกกฎหมายบ้างเล่นให้รู้นะครับไม่ได้เล่นให้ติด ก่อนจะเข้าไปข้างในก็โม้อย่างดีเลยครับ ถ้ากูได้กูจะเลี้ยงข้ามพวกทั้งหมด สรุปออกมาก็ตามสภาพครับ เสียไป 2 ล้านครับ…. 2 ล้านดองนะครับ 555555 นี่ก็เป็นไปจ่าย Cash out ของคาสิโน

จบข้ามคืนนี้ด้วยการไปหาของกินบริเวณ walking street ย่านฟาร์มงูเห่า แต่ละร้านน่ากินไปหมด แต่เราดันมาติดกับร้านอาหารไทย 55555 เราจึงอยากลองกินอาหารไทยในเวียดนามดู ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ รสชาติก็ไม่ได้เรื่อง ราคาก็แพง น้อยก็น้อย
จบข้ามคืนนี้ด้วยการไปหาของกินบริเวณ walking street ย่านฟาร์มงูเห่า แต่ละร้านน่ากินไปหมด แต่เราดันมาติดกับร้านอาหารไทย 55555 เราจึงอยากลองกินอาหารไทยในเวียดนามดู ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์รสชาติก็ไม่ได้เรื่อง ราคาก็แพง น้อยก็น้อย
เมื่อเดินกลับมาถึงที่พัก ตรงโต๊ะพูลไม่มีคนเล่น เช่นเคยครับเราเลยซื้อเบียร์มาคนละขวดพร้อมกับเล่นพูล ระหว่างเล่นก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น จำคู่หูสาวเวียดนามได้ไหมครับ ถ้าจำไม่ได้ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกนะครับ คือว่ามีพี่ฝรั่งตัวใหญ่เค้าพยายามจะจีบหนึ่งในคู่หูสาวเวียดนามคู่นี้ พวกเราก็แทงพูลไปแอบ

เค้าไป 55555 แล้วที่ฮาคือพี่ฝรั่งแกพยายามจะชวนสาวไปกินกาแฟ แต่คือผมก็ไม่รู้ว่าตอนสุดท้ายทั้งคู่ลงเอยกันยังไง แต่ดูเหมือนว่าฝรั่งจะเป็นฝ่ายผิดหวังเพราะผมเห็นเค้าอีกทีก็เมาเละเป็นขี้ 555555
จบแล้วสำหรับวันนี้โดยสรุปคือเราก็เก็บที่เที่ยวที่สำคัญๆ วันนี้ชิวๆ เพราะวันแรกเนี่ยเราค่อนข้างกลัวว่าจะเที่ยวไม่ครบที่ไหนได้โคตรชิวเลย 55555 สำหรับวันพรุ่งนี้เราจะย้ายเมืองจาก Ho Chi Minh ไปที่ Mui Ne ดินแดนทะเลทรายข้างทะเลกัน จะเป็นอย่างไรติดตามได้เร็วๆ นี้ครับ
อ่านตอนอื่นๆ
DAY 1:
https://pantip.com/topic/36705169
DAY 2:
https://pantip.com/topic/36982039
DAY 3:
https://pantip.com/topic/36982721
DAY 4:
https://pantip.com/topic/37014220
DAY 5:
https://pantip.com/topic/37014562
DAY 6:
https://pantip.com/topic/37039062
DAY 7:
https://pantip.com/topic/37065746
###Hornamese### Backpack in Vietnam DAY 2
สำหรับใครที่พลาดวันแรกแล้วสามารถกลับไปอ่านได้นะครับ
DAY 1 : https://pantip.com/topic/36705169/comment1
หลังจากเมื่อวานเราได้ไปเที่ยวในโลเคชั่นสำคัญๆของเมืองโฮจินมินห์เกือบหมดแล้ว วันนี้เหลือแค่อีกไม่กี่ที่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัดหมดเลย พวกเราก็ตื่นเช้าเพื่อลงมากินข้าวและรีบอาบน้ำรีบออก ข้าวเช้าที่โรงแรมก็ธรรมดามาก ขนมปัง(แข็งโป๊ก)ก้อนนึงกับไข่(นกกระทา)ดาวแฝด แน่นอนอาหารเช้าของที่โรงแรมไม่ได้ทำให้เราอิ่ม แต่โชคดีที่ในบริเวณฟาร์มงูเห่านั้นมีตลาดสดอยู่ เราจึงเดินออกมาข้างหน้าซอยโรงแรมก็จะเจอบรรยากาศตลาดยามเช้า สบายๆ จากนั้นพวกผมก็เห็นร้านขายหมูกรอบ ได้ทีต้องลิ้มลองรสชาติหมูกรอบของที่นี่ซักหน่อย รสชาติไม่เลวเลยครับคล้ายๆ กับบ้านเรามีกลิ่นที่แตกต่างเล็กน้อย ราคาเพียง 50,000 ดองเท่านั้น เราก็เดินกันต่อไปตามทางดูบรรยากาศยามเช้า
พวกเราเดินมาเรื่อยๆ ก็ได้เจอกับตลาดนัดวันหยุดเข้าอีก เป็นตลาดขายอาหารของเวียดนามและอาหารกินเล่นแนวสตรีทฟู๊ด ที่เห็นๆแล้วมันทำให้น้ำลายสอก็มีปลาหมึกย่าง กับ แพนเค้กเวียดนาม เนี่ยแหละครับ ปลาหมึกที่นี่เขาขายเป็นโลกัน แต่รู้สึกจะได้น้อยกว่าไทยนิดหน่อย แหม่เอาไปชั่งทีนี่มีแต่น้ำหมักเนื้อปลาหมึกแทบไม่มีเลยครับ 5555
น้ำจิ้มซีฟู้ดที่เวียดนามแตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง โดยที่นี่จะเอามะนาวมาบีบลงบนพริกไทยซึ่งยังไงก็สู้ที่บ้านเราไม่ได้อยู่ดี
หลังจากที่บอกกันเมื่อวานคงยังไม่ลืมกันนะครับว่า โรงแรมที่พวกเรานอนอยู่ใกล้ๆ ท่าปล่อยรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 2 เพื่อไปวัดQuan Am Pagoda กัน ซึ่งเป็นวัดเจ้าแม่กวนอิมอายุประมาณ 100 ปี เป็นวัดของศาสนาพุทธที่มีอิทธิพลมาจากชาวจีนโดยสร้างขึ้นเพื่อบูชาเจ้าแม่กวนอิม
วัดของเมืองนี้ทุกวัดลักษณะภายในจะประมาณวัด เน่งเล่ยยี่ บ้านเราเลยครับแต่จะไม่แออัด ไม่มีใครบ้าไปแก้ชง ไม่ควันขโมง ดูได้บุญได้ศรัทธามากกว่ามะเร็งเยอะเลย ที่เวียดนามก็จะมีธูปที่เป็นก้นหอย ส่วนใหญ่เขาจะเน้นแขวนไว้ข้างบนหลังคา
ข้างๆวัดก็จะมีบันไดขึ้นไปหอพักของคนแถวนั้นผมเลยขอแอบขึ้นไปแชะภาพมาซักหน่อย
2. Canon 60d + tamron 18-200 3.5-6.3 VC
3. Canon 60d +18-135
4. Nikon Life Touch 130 ED
กล้องตัวสุดท้ายคือกล้องฟิล์มลูกรักผมเลยแหละครับ มันสามารถถ่ายโหมด Panorama ที่สุดยอดได้
นั่งดูดชาจนเลี่ยนจะอ้วก นี่ก็เป็นมื้อกลางวันของพวกเราไปเลยโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ!!!!! ขนาดมานั่งกินชายังทรมานเลยชีวิต สถานที่ที่กำลังจะไปต่อคือ Opera House ไปง่ายๆมากโดยการนั่งรถเมล์ บังเอิญผ่านมีหน้าร้าน Uncle Tea พอดีเลยครับ นั่งรถรอบนี้จะไกลหน่อยเพราะเราออกมาถึง District 11 เข้าสู่ District 1 นั่งรถเมล์มาถึงสุดป้ายก็คือหลังตึก Avenger ซึ่งถือเป็นความโชคดีเพราะมันใกล้กับ Opera House มากๆ ครับเดินไปอีก 2 บล็อคก็ถึงแล้ว! Opera House ปัจจุบัน Opera House ยังคงเปิดให้บริการตามปกติครับแต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และด้วยคอนเซปการเซฟบัดเจ็ทของเราแล้ว ทำให้พวกเราได้แค่ถ่ายรูปแค่ตัวอาคารภายนอก 55555
หลังจากได้หมวกใบใหม่เราก็เดินออกมาซึ่งพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินพอดี ด้วยความเมื่อยเท้าของพวกเราที่เดินมาตลอดวันบวกกับเมื่อวานเราเลยเดินกลับไปพักที่โรงแรมก่อนไปทำศึกหนักที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ เรากลับมาที่พักของเราในห้องมีชายหนุ่มชาวจีนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว พวกผมจึงได้ทักทายพูดคุยกับเขาพอสมควร เรียกได้ว่าซี้ปึ้ก พี่แกบอกว่าเมื่อว่าแกไปนวดมาแกเอารูปมาอวดพวกเราด้วย เราบอกพี่แกว่าที่เวียดนามงั้นๆแหละ สู้ที่ไทยไม่ได้หรอก "Thai massage is the best, you know" คุยกันซักพักก็ไม่อยากปล่อยแกเหงาอยู่คนเดียวเราเลยชวนพี่แกไปทำศึกหนักกับเรา แต่แกปฏิเสธ แกบอกว่าไม่ใช่ทาง
พอเริ่มหายเมื่อย ก็ได้เวลาทำศึกหนักแล้ว ไอศึกหนักที่ว่าคือการไปเล่น casino นี่เองครับ 55555 ก่อนมาที่นี่นอกจากที่พัก ร้านอาหารแล้ว casino ก็เป็นอีกอย่างหน่ึงที่เราลงหมุดเอาไว้ว่าต้องมาเล่นให้ได้ ซึ่งคนที่อยากเล่นที่สุดคงไม่ใช่ใครทั้งนั้นนอกจากไอต้น ...เล่าหน่อยดิ ไหนๆก็ได้ออกมานอกประเทศทั้งทีผมก็อยากลองเล่นCasino ที่ถูกกฎหมายบ้างเล่นให้รู้นะครับไม่ได้เล่นให้ติด ก่อนจะเข้าไปข้างในก็โม้อย่างดีเลยครับ ถ้ากูได้กูจะเลี้ยงข้ามพวกทั้งหมด สรุปออกมาก็ตามสภาพครับ เสียไป 2 ล้านครับ…. 2 ล้านดองนะครับ 555555 นี่ก็เป็นไปจ่าย Cash out ของคาสิโน
จบข้ามคืนนี้ด้วยการไปหาของกินบริเวณ walking street ย่านฟาร์มงูเห่า แต่ละร้านน่ากินไปหมด แต่เราดันมาติดกับร้านอาหารไทย 55555 เราจึงอยากลองกินอาหารไทยในเวียดนามดู ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์รสชาติก็ไม่ได้เรื่อง ราคาก็แพง น้อยก็น้อย
เมื่อเดินกลับมาถึงที่พัก ตรงโต๊ะพูลไม่มีคนเล่น เช่นเคยครับเราเลยซื้อเบียร์มาคนละขวดพร้อมกับเล่นพูล ระหว่างเล่นก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น จำคู่หูสาวเวียดนามได้ไหมครับ ถ้าจำไม่ได้ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกนะครับ คือว่ามีพี่ฝรั่งตัวใหญ่เค้าพยายามจะจีบหนึ่งในคู่หูสาวเวียดนามคู่นี้ พวกเราก็แทงพูลไปแอบ
จบแล้วสำหรับวันนี้โดยสรุปคือเราก็เก็บที่เที่ยวที่สำคัญๆ วันนี้ชิวๆ เพราะวันแรกเนี่ยเราค่อนข้างกลัวว่าจะเที่ยวไม่ครบที่ไหนได้โคตรชิวเลย 55555 สำหรับวันพรุ่งนี้เราจะย้ายเมืองจาก Ho Chi Minh ไปที่ Mui Ne ดินแดนทะเลทรายข้างทะเลกัน จะเป็นอย่างไรติดตามได้เร็วๆ นี้ครับ
อ่านตอนอื่นๆ
DAY 1: https://pantip.com/topic/36705169
DAY 2: https://pantip.com/topic/36982039
DAY 3: https://pantip.com/topic/36982721
DAY 4: https://pantip.com/topic/37014220
DAY 5: https://pantip.com/topic/37014562
DAY 6: https://pantip.com/topic/37039062
DAY 7: https://pantip.com/topic/37065746