[Hornamese] Backpack in Vietnam DAY 7


ถึงตอนนี้แล้วถ้าหากใครยังไม่ได้อ่านของตอนแรกๆ ผมขอแนะนำให้ไปเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนแรก เพื่ออรรถรสในการอ่าน
DAY 1: https://pantip.com/topic/36705169
DAY 2: https://pantip.com/topic/36982039
DAY 3: https://pantip.com/topic/36982721
DAY 4: https://pantip.com/topic/37014220
DAY 5: https://pantip.com/topic/37014562
DAY 6: https://pantip.com/topic/37039062

ต้น: ผมลืมตามาอีกทีผมก็เห็นภูตื่นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นคนแรกเลยครับ ตอนนั้นอู๋ก็เริ่มตื่นแล้วเหมือนกัน ที่นั่งผมอยู่ตรงกลางเลยได้แต่นอนตะแคงดูพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาจากขอบฟ้า สวยงามมากๆ

ต้น: แล้วผมก็ผลอยหลับไปอีกงีบนึง ตื่นมาอีกทีรถก็เข้ามาในเมือง Hoi An แล้วครับ แล้วก็ดันตื่นมาพร้อมกับอาการไม่สบาย เจ็บคอ กับ เวียนหัว เรามาถึงที่นี่ 7 โมงเช้า บรรยากาศตอนเช้าที่นี่ชิวมากครับ พอลงจากรถบัสเราก็รีบจองรถรอบต่อไปยัง Hue แล้วเดินวนหาที่พักแต่เช้าเลยครับ ที่นี่มีสระว่ายน้ำในตัวด้วยแต่พวกเราไม่ได้เล่นกันครับไม่มีเวลาเลย

เนื่องจากเรามาถึงเช้าเกินไปจึงเลยทำได้แค่เอากระเป๋าไปฝากไว้และขอพนักงานอาบน้ำในห้องน้ำ น่าจะเป็นอะไรที่ exclusive สุดๆสำหรับทริปนี้เลย อาบน้ำเสร็จก็นั่งเช็คอาการหวัดตัวเองครับว่าจะรอดรึป่าว ก็คิดว่าไหวละวะอีกอย่างเดี๋ยวมาแล้วจะไม่คุ้ม ผมก็ตกลงกับเพื่อนครับว่าขอไปเดินแล้วตอนเที่ยงค่อยกลับมาพัก เพราะว่าโรงแรมเราอยู่ห่างกับเมืองเก่าของ Hoi An ไม่มาก พวกเราจึงเลยเดินกันทั้งทริปเลย  เดินออกมาจากโรงแรมได้ประมาณ 3 นาที ก็เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบ local ร้านที่พวกเราแวะกินจะคล้ายๆกับก๋วยเตี๋ยวหลอกบ้านเรา แต่เขาจะใส่เส้นหมี่มาแทน สำหรับผมแล้ววันนั้นกินอะไรไม่ค่อยอร่อยหรอกครับเพราะเจ็บคอและลิ้นแทบไม่รู้รสแล้ว แต่อู๋บอกว่ารสชาติยังไงก็สู้เล็กต้มยำที่บ้านเราไม่ได้อยู่ดีแหละครับ

ต้น: กินข้าวกันเสร็จ ใจพร้อม แต่กายผมไม่ค่อยพร้อม ช่วงกลางวันนี้เราจะเดินชมเมืองเก่าของ Hoi An กันครับ เมือง Hoi An เป็นเมืองเก่าที่มีแม่น้ำเล็กๆตัดกลางเมืองเลยทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตริมน้ำของคนที่นี่ด้วย ในเมืองสถานก่อสร้างทุกอย่างจะเป็นสีเหลืองโทนเดียวกันหมดเลย

ตอนกลางวันคนยังไม่ค่อยเยอะครับ แต่จะมีบรรยากาศเก่าๆซึ่งสมัยนี้คงไม่คุ้นสายตาใครหลายๆคนแล้ว ในเมืองเก่านี้จะมีร้านที่นำเสนอฝีมือและวิถีชีวิตของผู้ท้องถิ่น ร้านแรกที่เราเล็งไว้คือร้านอัญมณีครับ แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิด พวกเราจึงเข้าไปดูร้าน ไม้หอม เหตุผลที่เข้าไปก็เพราะว่าแค่เดินผ่านหน้าร้านจมูกคนไม่สบายอย่างผมยังได้กลิ่นไม้แตะจมูกมาทันทีครับ เราเข้าไปก็ได้พบกับราคาที่เว่อไปครับ แพงยิ้มเลยไม้หอม คิดในใจขึ้นมาทันที “แพงขนาดนี้กูเอาเงินไปซื้อสบู่ดีกว่า” จากนั้นเราออกมาเดินถ่ายบรรยากาศในเมืองเก่ากันต่อครับ ในระแวกนี้ก็จะมีจุดให้ถ่ายรูปมากมายยังมี Art Gallery อีกด้วย  

ยังมีแลนด์มาร์คอีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้ถ้าใครมาที่เมืองเก่าแล้วไม่มาถือว่ามาไม่ถึง ก็คือสะพานญี่ปุ่นโบราณ สะพานแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวของเมืองเก่าที่มีความเป็นญี่ปุ่นปนอยู่ด้วย ซึ่งตอนที่พวกเราไปมีนักท่องเที่ยวเยอะมากๆในระแวกสะพาน

ต้น: ต่อมาเราเดินออกมาจนสุดเมืองจะเดินวนกลับไปทางเดิมที่ร้านอัญมณี แต่ระหว่างทางเจอกับบ้านหัตกรรมของเมืองเก่า ข้างในเขาไม่ให้ถ่ายรูปเลยเก็บภาพมาไม่ได้แต่ก็คล้ายๆบ้านเราครับ งานหัตกรรมจะเป็นผ้าไหมเหมือนของไทยเลย ที่เวียดนามพิเศษกว่าคือจะมีการนำเส้นไหมมาถักเป็นรูปซึ่งถ้ามองไกลๆจะคล้ายรูปวาดมากๆ  แต่เราก็แอบเก็บภาพบรรยากาศข้างนอกมานะครับ ข้างนอกก็มีการแกะสลักไม่และทำเครื่องปั้นดินเผาอยู่ด้วย

สุดท้ายแล้วร้านอัญมณีของเราก็ยังไม่เปิดอยู่ดีผมจึงพักโดยการนอนถ่ายต้นไม้เล่นแก้เหนื่อยซะหน่อย

ต้น: หลังจากเสพงานถักผ้าและแห้วกับร้านอัญมณีแล้วเราก็ตรงดิ่งไปที่ ร้านกาแฟที่มีชื่อว่า " Hoi An Roastery " แล้วนี่ก็คือเมนูที่เราสั่งกันมา ปกติกินอะไรพวกนี้แล้วมันจะตื่นจะดีด แต่วันนั้นพวกผมกินเสร็จหลับบนเก้าอี้เลย ลืมตัวไปเลยว่าไม่สบายอยู่ ระหว่างที่ผมหลับอู๋ได้ถ่ายรูปบรรยากาศร้านมาได้เป็นการฆ่าเวลารอคนป่วยอย่างผม

พักที่ร้านกาแฟสถานที่ที่เราไม่อยากพลาดคือตลาดสดของเวียดนาม ระหว่างเดินไปตลาดเราก็แวะตามสถานที่ต่างๆที่แวะได้โดยจะเข้าสถานที่ฟรีซะเป็นส่วนใหญ่ ที่น่าสนใจก็จะเป็นวัดในเมืองเก่านี่แหละครับพวกเราจำชื่อวัดไม่ได้ เป็นวัดที่สวยงามมากๆ แต่รูปแบบวัดของเวียดนามจะคล้ายๆกันหมดเลยคือมีซุ้มประตูใหญ่ข้างหน้าส่วนข้างในจะเป็๋นที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

บรรยากาศระหว่างทางเดินจากเมือง Hoi An จากอีกฝั่งเหนือสู่ฝั่งใต้ที่เป็นตลาดสด


ถึงแล้ว!ตลาดสด Hoi An ข้างในก็จะเป็นของสดๆขายตั้งแต่เนื้อหมูยันเนื้อปลา ไปถึงอาหารตามสั่งน้ำปั่นในตลาดนี้ใครที่กำลังหิวมาจากการเดินชมเมือง Hoi An แนะนำให้เเวะเลยครับของถูกมากๆแต่อร่อยรึป่าวอันนี้แล้วแต่ดวงของคุณแล้ว


เดินกันลากยาวมากๆจนผมเริ่มเดินไม่ไหวเลยต้องบอกกับเพื่อนๆว่าขอกลับไปนอนที่โฮสเทลก่อนแล้วตอนเย็นค่อยออกมาใหม่ เอาจริงๆผมก็ไม่อยากกลับหรอกครับแต่สภาพร่างกายตอนนั้นมันแทบไม่ไหวแล้วให้นอนกับพื้นยังได้เลย สุดท้ายแล้วก็ต้องจำใจกลับ อู๋กับภูก็มาส่งผมที่ห้องแล้วออกไปกินข้าวกลางวันกัน

อู๋: ผมทิ้งให้ต้นมันพักผ่อนอยู่ในห้องคนเดียว ออกมากับภู ตอนนี้อาการภูหายสนิทแล้วครับ เรามานั่งร้านอาหารตามสั่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมมากินมื้อกลางวันกัน อันนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมาครับเพราะผมชาร์จแบตอยู่ที่โรงแรม

ต้น: ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกปลุกก็เย็นแล้ว ตามแผนคือต้องเดินไปเมืองเก่า แต่ก็เป็นตามแผนครับไม่ได้ผิดแผนอะไร ปรากฎว่าพอถึงเมืองเก่าบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปหมดเลย คนเยอะมากๆ เหมือนกับเมืองเก่าเล็กๆแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเมือง Hoi An ตอนเย็นเมืองนี้จะมีกิจกรรมหลายๆอย่างเพิ่มเช่น การลอยกระทง นั่งเรือชมเมือง และ รถลาก เป้าหมายของพวกเราอย่างแรกของช่วงเย็นนี้คือการเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินกันก่อน ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกผมเลยหาอะไรกินแก้เจ็บคอกันซะหน่อย  เลยได้น้ำขิงมาแก้วนึงในราคา 35,000 ดอง เขาบอกว่ากินขิงแล้วจะหายเจ็บคอ ผมก็ค่อยๆนั่งจิบไปเรื่อยๆ จนน้ำขิงหมดก็ตามด้วยการเคี้ยวขิงสดที่เหน็บมากับแก้วน้ำ ผมนึกในใจขิงกินแล้วหายเจ็บคอกินขนาดนี้แล้วถ้ากรูไม่หายนะกูจะไม่-ขิงอีกต่อไป ปรากฎว่ากินแล้วช่วยเยอะมากๆคืนนั้นคอผมเริ่มหายเจ็บเลย หลังจากสู้ทนกับการเคี้ยวขิง พระอาทิตย์ก็กำลังตกดินพอดี เราไปยืนแช่อยู่ตรงสะพานเพื่อเก็บรูปภาพพระอาทิตย์ตกและเรือที่ผ่านไปมาบนผืนน้ำ
ยืนถ่ายรูปกันอยู่เห็นเฉาก๊วยเวียดนามก็เลยสั่งมาลองกันสักหน่อย บอกได้เลยเฉาก๊วยไทยอร่อยกว่าเยอะ แต่ตอนนั้นมันได้บรรยากาศครับ เรานั่งกินเฉาก๊วยริมแม่น้ำพร้อมกับส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนๆกับทุกๆวัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือวันนี้พระอาทิตย์ตกเร็วมากๆจากที่สว่างก็เริ่มมืดลง มืดลง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่