▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
Backpack
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
ภาพถ่ายทิวทัศน์
[Hornamese] Backpack in Vietnam DAY 5
ถึงตอนนี้แล้วถ้าหากใครยังไม่ได้อ่านของตอนแรกๆ ผมขอแนะนำให้ไปเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนแรก เพื่ออรรถรสในการอ่าน
DAY 1: https://pantip.com/topic/36705169
DAY 2: https://pantip.com/topic/36982039
DAY 3: https://pantip.com/topic/36982721
DAY 4: https://pantip.com/topic/37014220
วันนี้เป็นอีกวันที่ตื่นเช้าครับ แต่วันนี้สบายๆครับเพราะว่ารถบัสที่จะไปนาตรัง ออกบ่ายๆ ต่างคนต่างก็ง่วงนอน แต่ที่อดเป็นห่วงไม่ได้คงจะเป็นอาการป่วยของภูที่หนักขึ้นกว่าเมื่อวาน ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนรักร่วมทุกร่วมสุขมาตลอดการเดินทาง เราจึงตัดสินใจไปเที่ยวต่อ ทิ้งไอภูนอนตายอยู่คนเดียว 5555555 แต่ก่อนไป เราได้ซื้อยาพารามาให้ภู แต่การซื้อยาพาราที่นี่ค่อนข้างยากลำบากนิดนึงครับ เนื่องจากร้านที่นี่ต้องใช้ภาษามือในการซื้อยาครับ จากยาพาราเกือบจะได้ยาถ่ายมาแทนแล้ว 55555
Dalat ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่วิวธรรมชาติสวยมากๆ เพราะว่าตัวเมืองอยู่ท่ามกลางหุบเขา ผมกับอู๋ขับมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังวัด Trúc Lâm Temple เป็นวัดที่อยู่บนดอยและสวยมากๆ เช่นเคยเหมือนทุกการเดินทางครับ ความภาคภูมิใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่มันอยู่ที่ระหว่างทาง วิว 2 ข้างทาง stunning เอามากๆ เราขับอยู่บนเขาแล้วที่แวดล้อมด้วยหมู่บ้านของชาวดาลัด เรียกได้ว่าเราขับมอเตอร์ไซค์ไปไม่ถึง 5 นาทีก็ต้องหยุดจอดรถแล้วถ่ายรูปอีกแล้ว ขับไปถ่ายรูปไปเพลินๆ ก็ถึงที่หมาย
วัดที่นี่ดีมากครับเขาให้จอดรถฟรี ผมก็ไม่อยากจะเป็นสายบุญสักเท่าไหร่ หลังจากเจอศึกหนักที่โฮจิมินห์ไป เราเข้าไปเดินเล่น ไหว้พระ ถ่ายรูป รับความสดชื่นยามเช้า พอดีอู๋มันเหลือบเห็นทะเลสาบจากบนวัด เลยตัดสินใจขับรถออกจากวัดลงไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เฉียบมากครับ ทะเลสาบดึงดูดเราให้จอดข้างทางและนั่งซึมกับบรรยากาศ อย่างที่บอกครับ Dalat จะเป็นเมืองที่อากาศดีมากๆเลยทีเดียว แถมเมื่อได้เจอกับวิวทะเลสาบมุมนี้ซึ่งสวยงามมากๆ ผืนน้ำเป็นกระจกสะท้อนแผ่นฟ้ากลับไปเพื่อให้รู้ว่าฟ้าวันนั้นสวยงามแค่ไหน ฝั่งตรงข้ามเราเป็นภูเขา และมีต้นไปเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เรานั่งกันตรงนี้ได้พักใหญ่ๆเลย เรียกได้ว่าลืมโลกไปหลายนาที
ขอบคุณทางทีมงานที่จัดเตรียมเสื้อผ้าสวยๆจากตลาดนัดกลางคืนเมื่อวานครับ
และแล้วก็ได้เวลา breakfast ด้วยความที่ “save budget” ซึ่งร้านตรงทะเลสาบไม่ save budget เลย เราจึงตกลงกันว่าจะหาอะไรถูกๆกินในเมือง ก็เลยมุ่งหน้าไปที่ Big C ไปลองดูว่าฟู้ดคอร์ทที่เวียดนามจะเหมือนบ้านเราไหม ดูรูปเอาเองนะครับ รสชาติอาหารก็ทั่วไปแต่ราคาไม่ธรรมดาเลย
พอกินข้าวกันเสร็จเรานั่งดูเวลา มันยังพอมีเวลาเหลือให้ไปเก็บที่เที่ยว เราเลยคุยกันว่าจะไป Dalat Train Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟแห่งเดียวของ Dalat โดยยังคงเปิดใช้งานอยู่ ข้างในสถานีรถไฟก็ไม่ได้ใหญ่มากครับ มีคาเฟ่รถไฟให้นั่ง และก็มีหัวขบวนรถไอน้ำ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน พอดีตอนที่เราไปมีคนถ่ายพรีเว้ดดิ้งกันอยู่ ผมเลยแอบแชะมาสักภาพนึง
เราอยู่ที่สถานีรถไฟได้แปบเดียวก็ลงมาที่ทะเลสาบกลางเมือง Dalat ทะเลสาบแห่งนี้เหมือนเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง Dalat เลย ตอนเช้าๆ เราขับมอเตอร์ไซค์รอบทะเลสาบเห็นคน วิ่งจ้อกกิ้ง เดินคุยกันหวานๆตามประสาคนรัก ใช้ชีวิต บวกกับบรรยากาศสุดชิว นี่แหละความสุขของชีวิต
เมื่อใกล้เวลาเราเริ่มเป็นห่วงภูว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เราเลยกลับที่พักไปดูอาการของภู อาการของภูดีขึ้นมากครับ แต่ภูคงนอนต่อไม่ได้เนื่องจากเราต้องไปต่อ พวกเราอาบน้ำ เก็บสัมภาระลงมายัง lobby เพื่อจ่ายค่าที่พัก แล้วเราก็เดินไกลเพื่อกลับมาที่เดียวกับที่เราลงรถมาเมื่อวาน ซึ่งตอนหลังผมมาคุยเรื่องราคามอเตอร์ไซค์กับไอต้น ซึ่งไอต้นบอกมันจ่ายไปแล้ว แต่เค้ามาเก็บกับอู๋เพิ่ม ไอ
ก่อนไปขึ้นรถเราเหลือบไปเห็นคาเฟ่แถวๆนั้นบรรยากาศดีมากๆครับ เราเลยแวะจิบกาแฟซักหน่อย ผมว่ารสชาติก็ไม่เท่าไหร่ แต่ผมชอบบรรยากาศการตกแต่งของร้านดีครับ ภูก็ได้กินข้าวที่นี่เพราะภูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย
น่าเสียดายมากๆที่เรามีเวลาที่เมืองนี้น้อย และเป็นเมืองที่เราอยากอยู่ต่อนะ ด้วยเหตุผลที่ภูป่วย มันมีที่เที่ยวเยอะ และที่ชอบที่สุดก็อากาศสุดชิว
เมื่อถึงเวลาเราก็ขึ้นไปบนรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่หมายถัดไป Nha Trang เป็นเมืองตากอากาศเหมือนพัทยาบ้านเราครับ ซึ่งวิวระหว่างทางสุดมากๆเหมือนออกมาจากหนังเลยครับ เห็นแบบนี้แล้วผมอยากจะตั้งให้ Dalat เป็น “เมืองแห่งขุนเขา” เลย
ระหว่างทางรถก็จอดพักให้เรายืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ และหาอะไรกิน จำ Bahn Mhi อาหารพื้นเมืองได้ไหมครับ เป็นขนมปังแข็งๆที่สอดไส้ที่แตกต่างออกไปตามความคิดสร้างสรรค์และวัตถุดิบพื้นเมื่อง ที่นี่พวกเราก็ได้ซัด Bahn Mhi ครับ ซึ่งตลอดทั้งทริปเรายกให้ Bahn Mhi ที่นี้เป็น Bahn Mhi ที่อร่อยที่สุด 10.00/10.00 ครับ คือเป็น Bahn Mhi fusion กับหมูย่าง BBQ นี่พิมพ์ไปก็ยังหิวไปเลยครับเนี่ย 55555 ทานเสร็จก็ขึ้นรถแล้วก็หลับกันต่อ ตื่นมาอีกทีรถก็ลงจากเขาเข้าเมืองนาตรังแล้วครับ
พอถึงนาตรังเราก็เข้าโรงแรมเช็คอินเรียบร้อย เข้าไปในห้องได้เจอกับชายผิวสีชื่อว่าเคนนี่เป็นคนอเมริกา พวกเราก็ชวนเคนนี่คุย คุยไปคุยมาได้รู้ว่าเคนนี่เป็นคนบรู๊คลิน มาอยู่ที่นาตรัง 2 เดือนแล้ว เคนนี่ชอบอาบแดดมากครับ เขาบอกว่า ไอชอบอาบแดดมากเลย มันทำให้ร่างกายรู้สึกดี ได้ผิวสีแทนขึ้นด้วย คุยกันไปได้สักพัก มีหนุ่มวัยรุ่นคนนึงเดินเข้ามาเขาคือแพทที้ เป็นคน ไอร์แลนด์ ดูเหมือนว่าพอคุยกับคนไอร์แลนด์ต้องพูดถึง คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ เท่านั้น เราได้บทสนทนาที่ยาวสุดยอด ไปจนถึงมิตรภาพอย่างมึนๆ แพทที้ เป็นคนชอบปาร์ตี้ครับ มาถึงก็ชวนผมเราไปนั่งดื่มก่อนเลย เราบอกเขาว่าขอนึกดูก่อนเพราะว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดินชมเมือง Nha Trang
เรานั่งคุยกันได้พักใหญ่ๆก็ได้เวลาออกไปสำรวจระแวกแถวโรงแรมสักหน่อย และที่แรกที่ผมอยากไปและหาข้อมูลมาอย่างดีก็คือ Casino ครับ กะไว้ว่า ต้องล้างแค้นที่ไซง่อน(โฮจิมินห์)ให้ได้ แต่ก่อนไปเราลงไปเดินเล่นที่ชายหาด ชายหาดที่นี่คนเยอะมากๆ และสะอาดมากเช่นกัน สิ่งที่เตะตาผมและมันน่าสนใจมากๆก็คืออาหารหาบเล่ข้างทะเล ปกติที่เมืองไทยบ้านเราจะเป็นของทอดทั่วๆไป แต่ที่ผมกำลังเห็นอยู่กับตามันคือกุ้งมังกรที่ถูกนึ่งเตรียมพร้อมรอคนมาซื้อ น่ากินมากๆครับ แต่คำเดิม “save budget” ใจผมอยากจะเล่นน้ำซะตอนนั้นเลยละครับแต่เสื้อผ้าก็ดันส่งซัก ถ้าเปียกไปก็ไม่มีเสื้อเปลี่ยน เลยได้แต่ยืนทำใจดูคนอื่น(สาวๆ)เล่นน้ำกันอย่างมีความสุข พลางๆกันถ่ายภาพไปด้วย
หลังจากเซ็งอ่อนๆที่ไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเล(กับสาวๆ)ผมก็มั่นใจแน่ๆว่า Casino ที่นี่จะไม่ทำให้ผมผิดหวัง เดินจากหาดไป Casino ก็เดินไกลอยู่ครับประมาณ สยาม ไป สีลม ได้เลย พอถึงหน้าคาสิโน มันต้องแลกพาสปอร์ต แล้วผมก็ดันลืมพาสปอร์ตไว้ที่โรงแรมด้วย เซ็งมันเซ็งเลยแบบนี้55555
แก้เซ็งด้วยการกลับมาเดินระแวกโรงแรมเพื่อหาข้าวเย็นกินกันเราเดินผ่าน BBQ Garden เป็น Buffet ปิ้งย่างเวียดนามที่เราใฝ่ฝัน มีพนักงานต้อนรับโยนภาษาไทยใส่มาเลยคุยกันได้ความว่ามีเมนูพิเศษคือ เนื้อจระเข้ เนื้องู และ เนื้อเสือ ที่เหลือก็จะเป็นเนื้อปิ้งย่างทั่วๆไป เราเลยเก็บร้านนี้ไว้ในใจเพราะว่าอยาก “save budget” (กูก็นึกในใจนะ save budget เห็นพูดมาตลอดทางเลยสัสมัน save ยังไงไอเชี่ยย) แล้วก็เดินหาร้านต่อไปเดินวนไปวนมาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง พวกเราเลยตัดสินใจ “save budget” ครับ กลับไปกิน BBQ Garden...
นั่งกินกันไปเผลอๆแป๊บเดียวเกือบๆจะ 5 ทุ่มแล้ว อิ่มท้องพอดี จ่ายเงินเสร็จเราก็เดินกลับโรงแรมเข้าไปในห้อง เจอ เคนนี่ นอนอยู่ พี่แกชวนไปนั่งดื่มข้างบน พวกเราก็เลยตามเลยครับเอาสักหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้รถบัสออกทุ่มกว่าๆ เราแค่ต้องตื่นให้ทัน อาหารมื้อเช้าเท่านั้น ข้างบนจะมีนักท่องเที่ยวดื่มกันคุยกัน และผมก็เจอ แพทที้ ที่คุยกันเมื่อตอนกลางวันครับ 555555 พูดไม่รู้เรื่องเลยจับเขาถ่ายรูปสักหน่อย
ผมชอบประโยคนึงที่แพทที้พูดว่า “เมิงไปเดินหาดเจอนมใหญ่ๆ ก้นแน่น อยากจะไปจับก็ทำไม่ได้ เนี่ยมาดื่มด้วยกันดีกว่า” ถ้าผมจำไม่ผิดชื่อแก๊งที่เราตั้งตอนคืนนั้นคือแก๊ง “ไก่อ่อน” หลังจากเฮฮาแล้วเราก็มานั่งซึมกับบรรยากาศสบายๆ ก่อนจะลงไปนอนพร้อมกับความเหนื่อย ความสนุก ความประทับใจ ของที่แห่งนี้ ค่ำคืนนี้ต้องหลับอีกแล้ว หลับเพื่อที่จะรอพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง...
อ่านตอนอื่นๆ
DAY 6: https://pantip.com/topic/37039062
DAY 7: https://pantip.com/topic/37065746