เมื่อฉันไปช่วยงานศพญาติผู้ไหญ่

กระทู้สนทนา
(เรียบเรียงเขียนไม่ถูกประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ)..
คือเมื่อไม่นานนี้เราได้มีโอกาสไปช่วยงานศพตาซึ่งเป็นญาติห่างๆ ตาคนนี้เป็นพี่ชายของยายเราเองคะ แม่เรามีศักดิ์เป็นหลาน ส่วนเราเป็นเหลน สมมุติแกชื่อ"ตาเล"นะคะ แกป่วยโรคชราอายุได้74ปี เล่าท้าวความก่อนนะคะ เมื่อ2ปีก่อนตาเลจะเสีย เราได้เสียพ่ออันเป็นที่รักไปเนื่องจากพ่อเราป่วยเป็นมะเร็งในวัย53ปี ตาเลคนนี้มาช่วยงานตั้งแต่วันเสียจนถึงวันเผา ตาเลมีอาชีพจุดพลุงานศพค่ะ เขาเรียกว่าพลุหรือตะไลนั่นแหละคะ บ้านเราอยู่ห่างกับตาเลคนละอำเภอ ด้วยภาระหน้าที่ก็ไม่ได้แวะเวียนไปมาหาสู่กันบ่อยนักเมื่อวันตาเลเสีย เวลา5โมงเย็น มีคนโทรมาแจ้งข่าวกับแม่ แม่ก็พาลูกๆหลานๆรวมทั้งเราไปช่วยงาน พวกเราก็ได้นั่งรถไปกัน6คน มีแม่ มีเรา แฟนของเราเป็นคนขับรถและน้องๆอีก3คน ทางเข้าหมู่บ้านของตาเลจะค่อนข้างเปลี่ยวและถนนก็ยังเป็นดินลูกรัง ขับเร็วก็ไม่ได้เพราะทางขรุขระเป็นหลุมมีบ่อ ตอนที่จะไปกันก็เกือบจะ1ทุ่มแล้ว ทางเข้าบ้านก็มีไฟถนนที่สาดมาจากบ้านที่อยู่ห่างๆกัน เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่ยังไม่พัฒนาด้านเรื่องถนนหนทาง พอค่ำแล้วก็จะมืดมาก ข้างทางก็เป็นป่าอ้อยป่ามันมีบ้านคนห่างๆกัน ถ้าบ้านหลังใดยังไม่ปิดไฟนอนกันก็ดีหน่อยพอได้อาศรัยแสงไฟส่องถนนนอกจากแสงไฟจากรถ ก็ด้วยไม่ได้มาที่นี่นานมาก แม่ก็บอกจำทางไม่ค่อยได้ก็ดูจากป้ายและแวะถามคนแถวนั้นเอา ก็ถามไปเรื่อยๆจนถึงทาง3แยก ขณะกำลังงงๆกับทางว่าเลี้ยวไหนบ้านคนก็ไม่มี มีแต่ป่าอ้อยรกทึบไปหมด  ก็หันไปเห็นป้ายพอดีว่าให้เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะเลี้ยวขวาเพื่อเข้าหมู่บ้าน ฉันสังเกตุว่าน้องสาวคนเล็กกับคนกลางของดิฉันนั่งนิ่งมีท่าทางสั่นๆเหงื่อไหล จึงถามว่าเป็นอะไร ซึ่งนางก็โบกมือเหมือนบอกไม่มีอะไร แล้วแฟนก็บอกแกมดุดิฉันว่า "อย่าไปถามอะไรถึงก่อนค่อยคุย" เราก็แปลกใจว่าทำไมตั้งแต่ถึงทางแม่ก็เงียบทุกคนเงียบหมดทั้งๆที่คุยกันมาตลอดทาง เราสังเกตุเห็นแม่ก็หันหลังกลับไปดูแล้วรีบหันกลับมาพร้อมบอกแฟนเราว่า"รีบๆขับ ไกล้ถึงแล้วแหละ" ส่วนน้องชายอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า "น่าจะมาเร็วๆกว่านี้ไม่ก็มาตอนเช้า" แม่ก็บอก"เอาเถอะๆมาแล้วไม่ต้องพูด" เราก็ไม่อะไรแต่แปลกใจตอนนั้นกลัวๆเพราะอาการทุกคนดูตื่นๆแปลกๆ แต่ทำไมเราไม่เห็นอะไรหรือมีอะไรแปลกๆเลย  แต่ช่างเถอะได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงสักที.. ทางก็เปลี่ยวมืดก็มืดบ่นๆในใจหมู่บ้านนี้จำได้เมื่อ5-6ปีที่แล้วมาเยี่ยมญาติกับแม่ก็เป็นแบบนี้แหละไม่พัฒนาเอาซะเลย ขณะที่กำลังบ่นในใจ เราซึ่งนั่งหน้าคู่กับแฟนก็เหลือบตาไปเห็นแสงไฟในป่าอ้อย แต่มืดขนาดนี้หน้าแล้งแบบนี้มีคนมาหากบหาเขียดด้วยหรอ เลยคุยกับแม่พร้อมชี้นิ้ว"ดูดิๆเขาคงมาส่องกบกัน"แม่รีบยกมือมาตีที่มือเราว่าอย่าทักอย่าชี้อะไรมั่วซั่ว!! เราเลยเงียบ  แฟนขับไปเรื่อยๆพอผ่านเห็นศาลเก่าๆข้างทางแฟนเราก็บีบแต่เปิดไฟสูงเพื่อเป็นการขอผ่านทางแก่เจ้าที่ตามความเชื่อ แต่แปลก!!ขณะแฟนเราเปิดไฟสูงเราเห็นเหมือนคน4-5คนนั่งยองๆอยู่ข้างศาล เราคิดว่าเราตาฝาดลองเพ่งดูดีๆก็เห็นจริงๆ เงาที่เห็นเหมือนเขานั่งยองๆหันหน้าล้อมกันเหมือนนั่งคุย เราก็ไม่ได้พูดอะไรหันหน้าไปมองทุกๆคน ทุกๆคนมองหน้าเราเหมือนบอกอย่าทัก!!!เราก็เหมือนรู้อัตโนมัติ นั่งเงียบกันมาจนจนถึงบ้านงานศพตาเล เราโล่งใจ เฮ้อ ถึงซะที!!! พอมาถึงก็มาไหว้ทักทายสวัสดีญาติพี่น้องตามปกติ และวันนั้นเป็นคืนแรก โรงศพของตาเลก็ยังตั้งอยู่ใต้ถุนบ้าน กางเต๊นท์จัดงานศพที่บ้าน ญาติๆจัดงานให้สวด3คืน  ตาเลพักอาศรัยอยู่คนเดียวที่บ้าน แกเลิกลากับภรรยาไปนานหลายสิบปีแล้วและไม่มีใครอีก มีลูกด้วยกัน2คน แต่ลูกแกก็มีครอบครัวหมดแล้ว รอบๆนั้นก็จะมีลูกหลานเหลนโหลนของตาเล ตาเลใจดีลูกหลานรักแกทุกคน ก็แวะเวียนคอยผลัดกันมาดูแลแก บ้านของตาเลเป็นบ้านไม้ยกสูงเก่าๆกว้างขวางเหมือนกัน เพราะตาเลแกเป็นคนค่อนข้างมีฐานะเลยก็ว่าได้ มีที่ทางที่ดินเยอะ เราจำได้ว่าตาเลแกตลกขี้เล่นเราก็ขี้เล่นเช่นกัน เราก็เคยพูดหยอกล้อเล่นกับตาเลตอนที่แกไปงานศพพ่อเราว่า.."ตามีที่ทางเยอะแยะขนาดนี้เดี๋ยวหนูจะไปดูแลตาเองนะ เผื่อตาจะยกที่ทางทำกินให้หนูบ้าง" พูดไปหัวเราะไป ตาเลก็ขำแล้วพูดว่า"มาเลยนะมาเป็นลูกของตามาดูแลตายามตาป่วยไข้ มีอะไรตาจะยกให้หมดเลย"ตาเลพูดปนหัวเราะพร้อมกับลูบหัวเราอย่างเอ็นดู...
..เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะทำงานแป๊ป..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่