.

.
เล่าสู่กันฟัง - เบิร์ด ธงไชย
.
.
ก่อนเที่ยงวันนั้น มีโทรศัพท์เรียกเข้ามา
ยังลังเลใจว่าจะกดรับหรือไม่
เพราะมักจะเป็นเวลาหากินพวก Call Center
เลยลองกดรับสายโทรศัพท์
มีเสียงทักทายมาทันทีว่า
" นี่โยนะ พอดีเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ "
อ๋อ ใช่แน่นอนเพื่อนเบิร์ด
เพราะจำเสียง Audio ได้
น่าจะมาจากทักษะนักวิทยุสมัครเล่น
มักจำเสียงกันได้ แม้ว่าบางคนจะหยบไปเล่นช่องเถื่อน
โยคืออดีตพนักงานร่วมงานที่ทิดพาไน
แกเคยเรียนพาณิชย์พระนคร
รุ่นเดียวกับ
เบริ์ด ธงไชย แต่อยู่คนละห้อง
ผมเลยทักทายว่า "ว่าไง เพื่อนเบิร์ด "
แกตอบว่า " สบายดี ตามอาการ "
ผมเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าราวสิบเอ็ดโมง
เลยสอบถามไปว่า " ยังอยู่ที่เดิมไหม จะแวะไปเยี่ยม "
แกตอบว่า " มาเลย อยู่บ้านยางงาม
เลยโรงงานไทฮั้วไปหน่อย ทางไปพัทลุง "
ผมบอกว่า " ไปไม่ถูก นั้นเดี๋ยวค่อยโทรหาก็แล้วกัน "
แกเลยตอบว่า " โอเค ได้เลย "
ปกติไม่ค่อยได้โทรศัพท์คุยกัน
เพราะบ้านโยอยู่ในป่ายางพารา
สัญญาณโทรศัพท์จัดว่าแย่มากในยุคแรก ๆ
ส่วนมากจะส่ง Line ทักทายกันมากกว่า
ทำกันมายาวนานหลังจากเริ่มมี Line ใช้กัน
ผมไปจอดรถยนต์รอที่โรงเรียน
ถนนพัฒนามากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน
ที่เดิมเป็นลูกรัง หน้าฝนรถวิ่งลำบาก
ต้องยอมรับการมี อบต.ท้องถิ่น
มีดีมีชั่วระคนปะปนกันไป
แต่ถนนหนทางพัฒนามากกว่าเดิม
เรียกว่าตามป่ายางทางสาธารณะ
ถนนลาดยางเกือบตลอดสายเลยทีเดียว
.
.
ภาพความทรงจำเก่าค่อยเลื่อนเข้ามา
โย จะมีลักษณะผมหยิก หน้าตาดี
แบบคนใต้ที่มีเชื้อสายแขกประปราย
ห่างไกลจากแขกแท้ ๆ แถวสามจังหวัดชายแดน
แม้ว่าตอนทำงานจะอยู่กันคนละสาขา
แต่มักจะพบกันบ่อยเวลาไปเยี่ยมสาขา
งานสัมนา ฝึกอบรม งานเลี้ยง ธนาคาร
ในช่วงนั้นก่อนปี 2540
แกย้ายมาจากสาขามหาวิทยาลัย
ก่อนมาลงเอยที่สาขาหาดใหญ่ใน
เป็นยุคทองที่ดินว่างเปล่า
ราคาซื้อขายเปลี่ยนมือกำไรเป็นกอบเป็นกำ
มีการเก็งราคา วางมัดจำ จำนอง
เปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่น
จนต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมเงินกู้
ถ้าลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนครบกำหนด 3 ปี
เพราะทำให้ธนาคารขาดทุนกำไรจากดอกเบี้ย
พนักงานธนาคารในสาขานั้น
ต่างรวมทีมกันหาที่ดินว่างเปล่า
เพื่อเก็งกำไรขายกับคนนอกวงการ
และอำนวยความสะดวกในเรื่องสินเชื่อ
เรียกว่า รายได้งามกันหลายคนที่ร่วมทีม
โยยังได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้าน
ตั้งร้านค้าขายวัสดุก่อสร้าง
ปรากฏว่าขายดีมาก เพราะอสังหาริมทรัพย์บูม
รวมทั้งมีรายใหญ่จากหาดใหญ่
ผู้รับเหมาก่อสร้างที่แถวจุติ
มีสัญญารับเหมามายืนยัน
มาซื้อสินค้าจากแก บอกราคาถูกดี
(มีอะไร
ผื่อโฉ้ แปลก ๆ เหมือนกัน)
เพราะทำไมไม่ใช้ในหาดใหญ่ ที่ใกล้กว่า
จากร้านค้าแกมาหาดใหญ่ไกลกว่า 20 กิโลเมตร
ผลคือ ร้านค้าชุมชนปล่อยเครดิตไป
ยอดหนี้มากกว่า 15 ล้านบาท
.
.
ก่อนวันต้มยำกุ้ง (วิกฤตการณ์ทางการเงิน)
ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนก่อนวันล่มสลาย
สำนักงานใหญ่ มีหนังสือสั่งการ
ห้ามปล่อยสินเชื่อที่ดินว่างเปล่าทันที
(ยกเว้นที่ดินสวนยางพารา)
เรื่องนี้ทำเอาทีมโย ผู้จัดการสาขา
ต่างร้อนรนกระวนกระวาย
เพราะมัดจำไว้จำนวนหนึ่ง
และรับปากลูกค้าไว้แล้ว
ถ้าจำนองไม่ได้จะถูกยึดมัดจำ
ผู้จัดการสาขาหาดใหญ่ในเลยรีบเข้ามา
หารือกับผู้จัดการเขตเรื่องปล่อยสินเชื่อ
ขอให้ทำหนังสือขออนุมัติสำนักงานใหญ่
เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๆ ไป
แล้วรีบส่งโทรสารไปขออนุมัติเร่งด่วน
แต่คำตอบที่หนักแน่นลงมาว่า
ห้ามทำเด็ดขาด
ใครหาญกล้าท้าทาย ไล่ออกสถานเดียว
ผลคือ แห้วไปหลายราย เงินมัดจำสลาย
ทำเอาหลายคนกลายเป็น เจ้าสัว Yesterday
เรื่องห้ามปล่อยสินเชื่อที่ดินว่างเปล่า
น่าจะมีสัญญาณจากวงในที่บางกอก
คาดว่าจะมีปัญหาแน่ ๆ ในไม่ช้านี้
เลยมีคำสั่งเร่งด่วนลงมาเช่นนี้
เรียกว่าระดับ Elite พูดคุยกันภายใน
วงสนทนาระดับลึกถึงกับลึกมากที่สุด
.
.
เดิม ตั๋วเงินอาวัล/รับรองโดย
ธนาคารมหานคร ยอด 45 ล้านบาท
ที่แต่ก่อนเคยซื้อขายลดตั๋วเงิน
ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15
ตั๋วเงินใบนี้ต้องให้ธนาคารมหานคร
ทำการ Verified ยืนยันกันเบี้ยว
ป้องกันว่าลายเซนต์ปลอม/ของปลอม
แล้วทิดพาไนนำไปแปลงเป็นตั๋วเงินฝาก
ทำเอกสารตั๋วเงินฝากอีกหนึ่งใบ
จ่ายคนซื้อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10-12
เป็นการทำกำไรส่วนต่างดอกเบี้ย
ขยายฐานเงินฝากจากตั๋วเงินใบนี้
เรียกว่าการทำแซนวิท จากตั๋วเงิน
เอาดอกเบี้ยแป๊ะจ่ายสินค้าแป๊ะ
เพราะพอถึงกำหนดเรียกเก็บ
ธนาคารมหานครต้องจ่ายทันที
แต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันล่มสลาย
รายเดิมมาขายตั๋วเงินที่อาวัล
โดยธนาคารมหานคร อีกครั้ง
ก็ได้คำตอบจากสำนักงานใหญ่
มาทางไปไปทางนั้น ไม่รับเด็ดขาด
อีกอาทิตย์ต่อมา ธนาคารเจ๊งไปเลย
น่าจะผู้บริหารระดับสูง/วงในคงรู้แล้วว่า
หลายธนาคารอาการน่าเป็นห่วง
ตามมาตรฐานระบบการเงินสากล
ไม่เจ๊ง ก็ต้องเซ้ง ภายในไม่ช้านี้
.
.
ในวันล่มสลายยังจำได้ว่า
ในช่วงเช้าที่เปิดที่ทำการสาขาทุกธนาคาร
มีลูกค้าแห่มาถอนเงินฝากจำนวนมาก
จะนำไปฝากที่บริษัทเงินทุน GF
สาขาหาดใหญ่ ตรงข้ามศูนย์วิจัยการยาง
สำนักงานสร้างสวยมาก หรูหรามาก
พอหลังเที่ยงวันไม่นานนัก
มีการประกาศปิดกิจการ GF
จากธนาคารแห่งประเทศไทย
ผลคือ ลูกค้าเงินฝากหลายรายสะอื้น
เงินฝากถูกแช่แข็งไปยาวนานหลายปี
คนในธนาคารต่างพูดว่า โสน้าหน้า
เพราะต้องหาเงินฝากเพิ่มกันอีก
สมดังคำสาปทางศาสนาคริสต์ อิสลาม
ห้ามทำมาหากินกับดอกเบี้ย
หลังปี 2541
มีการพลิกในมุมกลับ
ภาพลักษณ์คนกู้จ่ายหนี้ดีคือ ลูกค้าบังเกิดเกล้า
มาแทนที่คนฝากเงิน ที่กลายเป็น ทาก ปลิง
ดอกเบี้ยเงินฝากจึงเริ่มต่ำติดดิน
หลังจากมีการชำระบัญชี GF แล้ว
แบบจะเซ้ง จะเจ๊ง เหลืออะไรไว้บ้าง
รัฐบาลไม่มีวันเจ๊งง่าย ๆ
เพราะใกล้เจ๊ง ก็ออกพันธบัตร
เว้นแต่โดนตราหน้าว่า Junk Bond (ขยะ)
อาคารแห่งนี้ต่อมากลายเป็นที่ราชพัสดุ
เป็นที่ทำการสรรพากรเขต-หาดใหญ่
ในระยะแรก ๆ ยังมีสติกเกอร์ GF
หลงเหลืออยู่ในหลายจุดของอาคารแห่งนี้
.
.
ช่วงปี 2535
ผมเคยเจออาแปะคนหนึ่งที่ปาดังเบซาร์
แกอายุ 85 ปีแล้วเป็นรุ่นบุกเบิกที่นี่
เงินฝากแกที่บริษัทเงินทุนที่เจ๊งไปในปี 2527
ยุคซามูไรสมหมาย ลดค่าเงินบาท
ทำเอาทรัสต์ ราชาเงินทุน เจ๊งไป
กลายสภาพเป็นยาจกเงินทุน
และ Trust อีกหลายแห่งตามมา
และธนาคารบัวเต่ามีคนแห่ถอนเงิน
จนอัครเสนาบดีออกมายืนยัน นั่งยัน นอนยัน
Bank ไม่เจ๊งแน่นอน รัฐบาลเป็นประกัน
วิกฤติการณ์จึงสงบ สยบความเคลื่อนไหว
แปะถามว่า ขายลดขาดทุนให้กองทุนที่ดูแล
ได้เงินน้อยลงกว่าเก่ามาก หรือทะยอยรับเงิน
ซึ่งลากยาวมาร่วม 10 ปีแล้ว
ผมเสนอว่า จะให้เป็นมรดก หรือรับเงินเลย
แล้วแต่แปะเพราะอายุแกก็มากแล้ว
ถ้ารอมรดกคงวุ่นวายมาก
กว่าลูกหลานจะได้รับคืน
สุดท้ายไม่รู้ว่าแปะจะตัดสินใจอย่างไร
.
.
.

.
ปราสาททราย - สุรสีห์ อิทธิกุล
.
.
ช่วงปี 2540
วิกฤตการณ์ทางการเงินหนักหนาสาหัสมาก
ร้านค้าหลายแห่งที่ปล่อยเครดิตไป
รายที่ยังเก็บเงินไม่ได้จะลำบากมาก
บางรายต้องหนีหนี้ ทิ้งครอบครัวไป
หรือถูกยึดทรัพย์ ล้มละลายหลายราย
รายที่ลูกทุ่งหน่อย ๆ จะลงมือรื้อถอนทรัพย์สิน
ที่ยังค้างคาในที่ก่อสร้างออกมาเลย
แบบไม่กลัวถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี
เรียกว่า ยอมกำขี้ ดีกว่ากำตด
ใจกล้าหน้าด้าน ใจดำมั่งมี ใจดีฉิxหาย
พวกนี้มักจะขาดทุนน้อยกว่าคนกลัวกฎหมาย
ลูกค้าหลายรายที่สร้างภาพอาคารโอ่อ่า
มีการก่อสร้างวิจิตรตระการตา
แต่สุดท้ายเบี้ยวหนี้ผู้รับเหมาเป็นทอด ๆ
จนร้านค้าหลายแห่งล่มสลายตาม ๆ ไป
ร้านของหมู่บ้านโยก็โดนไป 15 ล้านบาท
แม้ว่าจะไปตามหนี้ผู้รับเหมาถึงบางกอก
ก็บอกแต่เพียงว่า ถูกโกงมาเหมือนกัน
ไม่เหลืออะไรเลย แต่ยังขับรถ BMW
(ถูกหลานชายเอามีดแทงจนตายในภายหลัง)
โยกับครอบครัวต้องแปลงหนี้/ลดหนี้
ด้วยการ
ตีทรัพย์ใช้หนี้
ตีราคาที่ดินสวนยางพารา
จ่ายหนี้ให้กับกองทุนมากที่สุด
เท่าที่จะทำได้และบรรเทาความเสียหาย
โยก็เครียดหนักในเรื่องนี้
เพราะเป็นตัวตั้งตัวตีในการปล่อยเครดิต
ทั้งนี้จากการที่ผู้รับเหมามีบัญชีที่ธนาคาร
คาดว่า/เดาว่า คงเรียกเก็บได้
ถ้าเจ้าของโครงการจ่ายเงินเข้าบัญชี
จะได้หักคอ/หักงวงไอยรา
ให้จ่ายหนี้ร้านค้าก่อน
แต่ก็พลิกล็อคกันวุ่นวาย ถล่มทะลาย
เจ้าของโครงการแถวจุติหนีหนี้ไป
สุดท้ายมีคนมารับช่วง Renovate ใหม่
แล้วขายไปได้กำไรเน้น ๆ
.
.
.

.
พลิกล็อค คริสตีน่า อากีล่าร์
.
.
ผลที่ตามมาคือ มีการทะเลากันภายในร้านค้า
เรื่องปล่อยเครดิต ทุจริตภายใน
หลานชายคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกไปแล้ว
เพราะมีการทุจริตภายในร้านค้า
แต่น้าชายที่เป็นตำรวจแถวบ้าน
รับปากว่าจะดูแลไม่ให้ทำอย่างนั้นอีก
แต่เหมือนเสือลองได้เข้าป่าแล้ว
จะไม่โหยหาล่าเหยื่อเป็นไปได้ยาก
เมื่อจับได้ว่ามีการทุจริตอีกครั้ง
ก็เกิดการทะเลาะโต้เถียงกัน
ชกต่อยกันภายในวงเหล้า
หลานชายเลยชักปืนยิงโยหนึ่งนัด
เข้าที่ช่องท้องคาดว่าไม่เป็นไรมาก
แต่เมื่อส่งโรงพยาบาล กลับผิดคาด
เพราะคมกระสุนเฉี่ยวปลายประสาท
ทำให้ขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้
ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต
ส่วนหลานชายต้องโทษจำคุก 5 ปี
แต่ติดจริงราว 2 ปีเศษ
และชดใช้ค่าเสียหายให้สามแสนบาท
จากการที่โยเรียกร้องไปห้าแสนบาท
.
.
โยแต่งงานกับนางพยาบาลทหาร
ต่อมาย้ายไปโรงพยาบาลทหารดอนเมือง
พร้อมกับพาลูกชาย 2 คนไปด้วย
มีช่วงหนึ่ง ภริยาส่งลูกชายคนหนึ่งกับภริยา
มาปรับปรุงนิสัยกับพ่อที่หมู่บ้าน
แต่ไม่ได้ผล เพราะพ่อพิการ ม่ายเบี้ย(ไม่มีเงิน)
จะดุด่า ตักเดือน ก็ไร้ผลไปแล้ว
ทั้งสองคนจึงหนีกลับไปบางกอก
และขาดการติดต่อมาร่วมสิบปีแล้ว
ในช่วงแรก ๆ ที่โยพิการ
ก็มีความคิดว่าจะหย่ากับภริยา
เพื่อให้เธอเป็นอิสระ มีแฟนใหม่
แต่น้องชายภริยาที่เป็นตำรวจ
ตอนนี้ยศเป็นพันตำรวจเอก
บอก
อย่าหย่าเลย จะได้ใช้สิทธิข้าราชการ
ภริยาจึงไม่หย่าตามความประสงค์ของโย
โยเลยได้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการ
ซึ่งดีกว่าสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเรื่องยานอกรายการหลายตัว
โยต้องเปลี่ยนถุงปัสสาวะ 15 วันครั้ง
เบิกยาลดการเกร็งและเจ็บปวด
ที่ต้องกินวันละ 5 เม็ด 5 เวลา
ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ตามสิทธิข้าราชการ
แม้ว่าโยจะรู้ว่าภริยาจะมี
สามีนอกสมรส
เพราะยังสาวยังแส้ แค่ 40 ปี
ลูกชายคนหนึ่งที่ไปทำงานข้างนอกแล้ว
ได้โทรศัพท์มาบอกพ่อเรื่องนี้
และขาดการติดต่อกับพ่อในเวลาต่อมา
โยยอมรับสภาพความพิการ
จึงต้องปล่อยเลยตามเลยในเรื่องนี้
ดีกว่าให้ภริยาติดกรงขัง/กรงมายา
โยเล่าว่า เงินให้กู้พรรคพวก
ที่ร่วมทีมหาที่ดินว่างเปล่า
ร่วมหนึ่งล้านห้าแสนบาท
ก็กลายเป็นหนี้สูญไปแล้วเช่นกัน
เหมือนการเก็งกำไรที่ดินถูกยึดมัดจำ
ผมได้นั่งพูดคุยกับโยราวสองชั่วโมง
สภาพความเป็นอยู่ ที่หลับนอน
เพื่อนเบิร์ด ค่อนข้างลำบากบ้าง
เพราะมีฟาร์มไก่เนื้อสองเล้า
ที่เลี้ยงไม่ไกลจากบ้านแก
ยังดีที่ ญาติพี่น้องดูแลและพาไปโรงพยาบาล
ไม่ได้ทอดทิ้งแกแม้ว่าจะหมดสภาพแล้ว
สายใยครอบครัวพี่น้องเหนียวแน่น
คือ เกราะกำบังการใช้ขีวิตหลายคน
โยยอมรับว่า เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับแก
ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านยางงาม
ในตอนนี้เหลือไม่เกินสามสี่คน
และไม่ค่อยได้พบปะกันบ่อยนัก
เพราะความพิการทำให้ลำบากในการใช้ชีวิต
เรื่องนี้ต้องยอมรับน้ำใจภริยาโย
ที่ไม่ไปจดทะเบียนหย่า เพื่อให้สามีได้ใช้
สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ
นี่คือ
เยื่อใย ที่ยังหลงเหลืออยู่
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนเลือนหายไปเหมือนใบยางพาราร่วงหล่น
.
.
ยังเหลือเยื่อใย
.
เล่าสู่กันฟัง - เบิร์ด ธงไชย
.
ก่อนเที่ยงวันนั้น มีโทรศัพท์เรียกเข้ามา
ยังลังเลใจว่าจะกดรับหรือไม่
เพราะมักจะเป็นเวลาหากินพวก Call Center
เลยลองกดรับสายโทรศัพท์
มีเสียงทักทายมาทันทีว่า
" นี่โยนะ พอดีเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ "
อ๋อ ใช่แน่นอนเพื่อนเบิร์ด
เพราะจำเสียง Audio ได้
น่าจะมาจากทักษะนักวิทยุสมัครเล่น
มักจำเสียงกันได้ แม้ว่าบางคนจะหยบไปเล่นช่องเถื่อน
โยคืออดีตพนักงานร่วมงานที่ทิดพาไน
แกเคยเรียนพาณิชย์พระนคร
รุ่นเดียวกับ เบริ์ด ธงไชย แต่อยู่คนละห้อง
ผมเลยทักทายว่า "ว่าไง เพื่อนเบิร์ด "
แกตอบว่า " สบายดี ตามอาการ "
ผมเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าราวสิบเอ็ดโมง
เลยสอบถามไปว่า " ยังอยู่ที่เดิมไหม จะแวะไปเยี่ยม "
แกตอบว่า " มาเลย อยู่บ้านยางงาม
เลยโรงงานไทฮั้วไปหน่อย ทางไปพัทลุง "
ผมบอกว่า " ไปไม่ถูก นั้นเดี๋ยวค่อยโทรหาก็แล้วกัน "
แกเลยตอบว่า " โอเค ได้เลย "
ปกติไม่ค่อยได้โทรศัพท์คุยกัน
เพราะบ้านโยอยู่ในป่ายางพารา
สัญญาณโทรศัพท์จัดว่าแย่มากในยุคแรก ๆ
ส่วนมากจะส่ง Line ทักทายกันมากกว่า
ทำกันมายาวนานหลังจากเริ่มมี Line ใช้กัน
ผมไปจอดรถยนต์รอที่โรงเรียน
ถนนพัฒนามากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน
ที่เดิมเป็นลูกรัง หน้าฝนรถวิ่งลำบาก
ต้องยอมรับการมี อบต.ท้องถิ่น
มีดีมีชั่วระคนปะปนกันไป
แต่ถนนหนทางพัฒนามากกว่าเดิม
เรียกว่าตามป่ายางทางสาธารณะ
ถนนลาดยางเกือบตลอดสายเลยทีเดียว
.
.
ภาพความทรงจำเก่าค่อยเลื่อนเข้ามา
โย จะมีลักษณะผมหยิก หน้าตาดี
แบบคนใต้ที่มีเชื้อสายแขกประปราย
ห่างไกลจากแขกแท้ ๆ แถวสามจังหวัดชายแดน
แม้ว่าตอนทำงานจะอยู่กันคนละสาขา
แต่มักจะพบกันบ่อยเวลาไปเยี่ยมสาขา
งานสัมนา ฝึกอบรม งานเลี้ยง ธนาคาร
ในช่วงนั้นก่อนปี 2540
แกย้ายมาจากสาขามหาวิทยาลัย
ก่อนมาลงเอยที่สาขาหาดใหญ่ใน
เป็นยุคทองที่ดินว่างเปล่า
ราคาซื้อขายเปลี่ยนมือกำไรเป็นกอบเป็นกำ
มีการเก็งราคา วางมัดจำ จำนอง
เปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่น
จนต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมเงินกู้
ถ้าลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนครบกำหนด 3 ปี
เพราะทำให้ธนาคารขาดทุนกำไรจากดอกเบี้ย
พนักงานธนาคารในสาขานั้น
ต่างรวมทีมกันหาที่ดินว่างเปล่า
เพื่อเก็งกำไรขายกับคนนอกวงการ
และอำนวยความสะดวกในเรื่องสินเชื่อ
เรียกว่า รายได้งามกันหลายคนที่ร่วมทีม
โยยังได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้าน
ตั้งร้านค้าขายวัสดุก่อสร้าง
ปรากฏว่าขายดีมาก เพราะอสังหาริมทรัพย์บูม
รวมทั้งมีรายใหญ่จากหาดใหญ่
ผู้รับเหมาก่อสร้างที่แถวจุติ
มีสัญญารับเหมามายืนยัน
มาซื้อสินค้าจากแก บอกราคาถูกดี
(มีอะไร ผื่อโฉ้ แปลก ๆ เหมือนกัน)
เพราะทำไมไม่ใช้ในหาดใหญ่ ที่ใกล้กว่า
จากร้านค้าแกมาหาดใหญ่ไกลกว่า 20 กิโลเมตร
ผลคือ ร้านค้าชุมชนปล่อยเครดิตไป
ยอดหนี้มากกว่า 15 ล้านบาท
.
.
ก่อนวันต้มยำกุ้ง (วิกฤตการณ์ทางการเงิน)
ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนก่อนวันล่มสลาย
สำนักงานใหญ่ มีหนังสือสั่งการ
ห้ามปล่อยสินเชื่อที่ดินว่างเปล่าทันที
(ยกเว้นที่ดินสวนยางพารา)
เรื่องนี้ทำเอาทีมโย ผู้จัดการสาขา
ต่างร้อนรนกระวนกระวาย
เพราะมัดจำไว้จำนวนหนึ่ง
และรับปากลูกค้าไว้แล้ว
ถ้าจำนองไม่ได้จะถูกยึดมัดจำ
ผู้จัดการสาขาหาดใหญ่ในเลยรีบเข้ามา
หารือกับผู้จัดการเขตเรื่องปล่อยสินเชื่อ
ขอให้ทำหนังสือขออนุมัติสำนักงานใหญ่
เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๆ ไป
แล้วรีบส่งโทรสารไปขออนุมัติเร่งด่วน
แต่คำตอบที่หนักแน่นลงมาว่า ห้ามทำเด็ดขาด
ใครหาญกล้าท้าทาย ไล่ออกสถานเดียว
ผลคือ แห้วไปหลายราย เงินมัดจำสลาย
ทำเอาหลายคนกลายเป็น เจ้าสัว Yesterday
เรื่องห้ามปล่อยสินเชื่อที่ดินว่างเปล่า
น่าจะมีสัญญาณจากวงในที่บางกอก
คาดว่าจะมีปัญหาแน่ ๆ ในไม่ช้านี้
เลยมีคำสั่งเร่งด่วนลงมาเช่นนี้
เรียกว่าระดับ Elite พูดคุยกันภายใน
วงสนทนาระดับลึกถึงกับลึกมากที่สุด
.
.
เดิม ตั๋วเงินอาวัล/รับรองโดย
ธนาคารมหานคร ยอด 45 ล้านบาท
ที่แต่ก่อนเคยซื้อขายลดตั๋วเงิน
ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15
ตั๋วเงินใบนี้ต้องให้ธนาคารมหานคร
ทำการ Verified ยืนยันกันเบี้ยว
ป้องกันว่าลายเซนต์ปลอม/ของปลอม
แล้วทิดพาไนนำไปแปลงเป็นตั๋วเงินฝาก
ทำเอกสารตั๋วเงินฝากอีกหนึ่งใบ
จ่ายคนซื้อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10-12
เป็นการทำกำไรส่วนต่างดอกเบี้ย
ขยายฐานเงินฝากจากตั๋วเงินใบนี้
เรียกว่าการทำแซนวิท จากตั๋วเงิน
เอาดอกเบี้ยแป๊ะจ่ายสินค้าแป๊ะ
เพราะพอถึงกำหนดเรียกเก็บ
ธนาคารมหานครต้องจ่ายทันที
แต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันล่มสลาย
รายเดิมมาขายตั๋วเงินที่อาวัล
โดยธนาคารมหานคร อีกครั้ง
ก็ได้คำตอบจากสำนักงานใหญ่
มาทางไปไปทางนั้น ไม่รับเด็ดขาด
อีกอาทิตย์ต่อมา ธนาคารเจ๊งไปเลย
น่าจะผู้บริหารระดับสูง/วงในคงรู้แล้วว่า
หลายธนาคารอาการน่าเป็นห่วง
ตามมาตรฐานระบบการเงินสากล
ไม่เจ๊ง ก็ต้องเซ้ง ภายในไม่ช้านี้
.
.
ในวันล่มสลายยังจำได้ว่า
ในช่วงเช้าที่เปิดที่ทำการสาขาทุกธนาคาร
มีลูกค้าแห่มาถอนเงินฝากจำนวนมาก
จะนำไปฝากที่บริษัทเงินทุน GF
สาขาหาดใหญ่ ตรงข้ามศูนย์วิจัยการยาง
สำนักงานสร้างสวยมาก หรูหรามาก
พอหลังเที่ยงวันไม่นานนัก
มีการประกาศปิดกิจการ GF
จากธนาคารแห่งประเทศไทย
ผลคือ ลูกค้าเงินฝากหลายรายสะอื้น
เงินฝากถูกแช่แข็งไปยาวนานหลายปี
คนในธนาคารต่างพูดว่า โสน้าหน้า
เพราะต้องหาเงินฝากเพิ่มกันอีก
สมดังคำสาปทางศาสนาคริสต์ อิสลาม
ห้ามทำมาหากินกับดอกเบี้ย
หลังปี 2541 มีการพลิกในมุมกลับ
ภาพลักษณ์คนกู้จ่ายหนี้ดีคือ ลูกค้าบังเกิดเกล้า
มาแทนที่คนฝากเงิน ที่กลายเป็น ทาก ปลิง
ดอกเบี้ยเงินฝากจึงเริ่มต่ำติดดิน
หลังจากมีการชำระบัญชี GF แล้ว
แบบจะเซ้ง จะเจ๊ง เหลืออะไรไว้บ้าง
รัฐบาลไม่มีวันเจ๊งง่าย ๆ
เพราะใกล้เจ๊ง ก็ออกพันธบัตร
เว้นแต่โดนตราหน้าว่า Junk Bond (ขยะ)
อาคารแห่งนี้ต่อมากลายเป็นที่ราชพัสดุ
เป็นที่ทำการสรรพากรเขต-หาดใหญ่
ในระยะแรก ๆ ยังมีสติกเกอร์ GF
หลงเหลืออยู่ในหลายจุดของอาคารแห่งนี้
.
.
ช่วงปี 2535
ผมเคยเจออาแปะคนหนึ่งที่ปาดังเบซาร์
แกอายุ 85 ปีแล้วเป็นรุ่นบุกเบิกที่นี่
เงินฝากแกที่บริษัทเงินทุนที่เจ๊งไปในปี 2527
ยุคซามูไรสมหมาย ลดค่าเงินบาท
ทำเอาทรัสต์ ราชาเงินทุน เจ๊งไป
กลายสภาพเป็นยาจกเงินทุน
และ Trust อีกหลายแห่งตามมา
และธนาคารบัวเต่ามีคนแห่ถอนเงิน
จนอัครเสนาบดีออกมายืนยัน นั่งยัน นอนยัน
Bank ไม่เจ๊งแน่นอน รัฐบาลเป็นประกัน
วิกฤติการณ์จึงสงบ สยบความเคลื่อนไหว
แปะถามว่า ขายลดขาดทุนให้กองทุนที่ดูแล
ได้เงินน้อยลงกว่าเก่ามาก หรือทะยอยรับเงิน
ซึ่งลากยาวมาร่วม 10 ปีแล้ว
ผมเสนอว่า จะให้เป็นมรดก หรือรับเงินเลย
แล้วแต่แปะเพราะอายุแกก็มากแล้ว
ถ้ารอมรดกคงวุ่นวายมาก
กว่าลูกหลานจะได้รับคืน
สุดท้ายไม่รู้ว่าแปะจะตัดสินใจอย่างไร
.
.
.
ปราสาททราย - สุรสีห์ อิทธิกุล
.
ช่วงปี 2540
วิกฤตการณ์ทางการเงินหนักหนาสาหัสมาก
ร้านค้าหลายแห่งที่ปล่อยเครดิตไป
รายที่ยังเก็บเงินไม่ได้จะลำบากมาก
บางรายต้องหนีหนี้ ทิ้งครอบครัวไป
หรือถูกยึดทรัพย์ ล้มละลายหลายราย
รายที่ลูกทุ่งหน่อย ๆ จะลงมือรื้อถอนทรัพย์สิน
ที่ยังค้างคาในที่ก่อสร้างออกมาเลย
แบบไม่กลัวถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี
เรียกว่า ยอมกำขี้ ดีกว่ากำตด
ใจกล้าหน้าด้าน ใจดำมั่งมี ใจดีฉิxหาย
พวกนี้มักจะขาดทุนน้อยกว่าคนกลัวกฎหมาย
ลูกค้าหลายรายที่สร้างภาพอาคารโอ่อ่า
มีการก่อสร้างวิจิตรตระการตา
แต่สุดท้ายเบี้ยวหนี้ผู้รับเหมาเป็นทอด ๆ
จนร้านค้าหลายแห่งล่มสลายตาม ๆ ไป
ร้านของหมู่บ้านโยก็โดนไป 15 ล้านบาท
แม้ว่าจะไปตามหนี้ผู้รับเหมาถึงบางกอก
ก็บอกแต่เพียงว่า ถูกโกงมาเหมือนกัน
ไม่เหลืออะไรเลย แต่ยังขับรถ BMW
(ถูกหลานชายเอามีดแทงจนตายในภายหลัง)
โยกับครอบครัวต้องแปลงหนี้/ลดหนี้
ด้วยการตีทรัพย์ใช้หนี้
ตีราคาที่ดินสวนยางพารา
จ่ายหนี้ให้กับกองทุนมากที่สุด
เท่าที่จะทำได้และบรรเทาความเสียหาย
โยก็เครียดหนักในเรื่องนี้
เพราะเป็นตัวตั้งตัวตีในการปล่อยเครดิต
ทั้งนี้จากการที่ผู้รับเหมามีบัญชีที่ธนาคาร
คาดว่า/เดาว่า คงเรียกเก็บได้
ถ้าเจ้าของโครงการจ่ายเงินเข้าบัญชี
จะได้หักคอ/หักงวงไอยรา
ให้จ่ายหนี้ร้านค้าก่อน
แต่ก็พลิกล็อคกันวุ่นวาย ถล่มทะลาย
เจ้าของโครงการแถวจุติหนีหนี้ไป
สุดท้ายมีคนมารับช่วง Renovate ใหม่
แล้วขายไปได้กำไรเน้น ๆ
.
.
.
พลิกล็อค คริสตีน่า อากีล่าร์
.
ผลที่ตามมาคือ มีการทะเลากันภายในร้านค้า
เรื่องปล่อยเครดิต ทุจริตภายใน
หลานชายคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกไปแล้ว
เพราะมีการทุจริตภายในร้านค้า
แต่น้าชายที่เป็นตำรวจแถวบ้าน
รับปากว่าจะดูแลไม่ให้ทำอย่างนั้นอีก
แต่เหมือนเสือลองได้เข้าป่าแล้ว
จะไม่โหยหาล่าเหยื่อเป็นไปได้ยาก
เมื่อจับได้ว่ามีการทุจริตอีกครั้ง
ก็เกิดการทะเลาะโต้เถียงกัน
ชกต่อยกันภายในวงเหล้า
หลานชายเลยชักปืนยิงโยหนึ่งนัด
เข้าที่ช่องท้องคาดว่าไม่เป็นไรมาก
แต่เมื่อส่งโรงพยาบาล กลับผิดคาด
เพราะคมกระสุนเฉี่ยวปลายประสาท
ทำให้ขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้
ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต
ส่วนหลานชายต้องโทษจำคุก 5 ปี
แต่ติดจริงราว 2 ปีเศษ
และชดใช้ค่าเสียหายให้สามแสนบาท
จากการที่โยเรียกร้องไปห้าแสนบาท
.
.
โยแต่งงานกับนางพยาบาลทหาร
ต่อมาย้ายไปโรงพยาบาลทหารดอนเมือง
พร้อมกับพาลูกชาย 2 คนไปด้วย
มีช่วงหนึ่ง ภริยาส่งลูกชายคนหนึ่งกับภริยา
มาปรับปรุงนิสัยกับพ่อที่หมู่บ้าน
แต่ไม่ได้ผล เพราะพ่อพิการ ม่ายเบี้ย(ไม่มีเงิน)
จะดุด่า ตักเดือน ก็ไร้ผลไปแล้ว
ทั้งสองคนจึงหนีกลับไปบางกอก
และขาดการติดต่อมาร่วมสิบปีแล้ว
ในช่วงแรก ๆ ที่โยพิการ
ก็มีความคิดว่าจะหย่ากับภริยา
เพื่อให้เธอเป็นอิสระ มีแฟนใหม่
แต่น้องชายภริยาที่เป็นตำรวจ
ตอนนี้ยศเป็นพันตำรวจเอก
บอก อย่าหย่าเลย จะได้ใช้สิทธิข้าราชการ
ภริยาจึงไม่หย่าตามความประสงค์ของโย
โยเลยได้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการ
ซึ่งดีกว่าสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเรื่องยานอกรายการหลายตัว
โยต้องเปลี่ยนถุงปัสสาวะ 15 วันครั้ง
เบิกยาลดการเกร็งและเจ็บปวด
ที่ต้องกินวันละ 5 เม็ด 5 เวลา
ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ตามสิทธิข้าราชการ
แม้ว่าโยจะรู้ว่าภริยาจะมี สามีนอกสมรส
เพราะยังสาวยังแส้ แค่ 40 ปี
ลูกชายคนหนึ่งที่ไปทำงานข้างนอกแล้ว
ได้โทรศัพท์มาบอกพ่อเรื่องนี้
และขาดการติดต่อกับพ่อในเวลาต่อมา
โยยอมรับสภาพความพิการ
จึงต้องปล่อยเลยตามเลยในเรื่องนี้
ดีกว่าให้ภริยาติดกรงขัง/กรงมายา
โยเล่าว่า เงินให้กู้พรรคพวก
ที่ร่วมทีมหาที่ดินว่างเปล่า
ร่วมหนึ่งล้านห้าแสนบาท
ก็กลายเป็นหนี้สูญไปแล้วเช่นกัน
เหมือนการเก็งกำไรที่ดินถูกยึดมัดจำ
ผมได้นั่งพูดคุยกับโยราวสองชั่วโมง
สภาพความเป็นอยู่ ที่หลับนอน
เพื่อนเบิร์ด ค่อนข้างลำบากบ้าง
เพราะมีฟาร์มไก่เนื้อสองเล้า
ที่เลี้ยงไม่ไกลจากบ้านแก
ยังดีที่ ญาติพี่น้องดูแลและพาไปโรงพยาบาล
ไม่ได้ทอดทิ้งแกแม้ว่าจะหมดสภาพแล้ว
สายใยครอบครัวพี่น้องเหนียวแน่น
คือ เกราะกำบังการใช้ขีวิตหลายคน
โยยอมรับว่า เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับแก
ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านยางงาม
ในตอนนี้เหลือไม่เกินสามสี่คน
และไม่ค่อยได้พบปะกันบ่อยนัก
เพราะความพิการทำให้ลำบากในการใช้ชีวิต
เรื่องนี้ต้องยอมรับน้ำใจภริยาโย
ที่ไม่ไปจดทะเบียนหย่า เพื่อให้สามีได้ใช้
สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ
นี่คือ เยื่อใย ที่ยังหลงเหลืออยู่
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนเลือนหายไปเหมือนใบยางพาราร่วงหล่น
.
.
เรื่องเดิม
.
สามีภริยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส
.
.
เธอคงเป็นนางสาวแล้วนะ
.
.
ซื้อขายที่ดินพึงระมัดระวัง
.
.
ภาระจำยอมบนที่ดิน
.
.
การจงใจสร้างภาระจำยอม/ทางสาธารณะ
.