นิยามสั้นๆของการไปทานอาหารร้าน Canvas คือ กินแบบสวยๆ อาหารไทยก็ไม่ใช่ อาหารฝรั่งก็ไม่เชิง

มาพูดถึงร้าน Canvas กันก่อน ร้านนี้ใหม่มาก เปิดมาได้ประมาณแค่ 2 เดือนเท่านั้น บอกตามตรงว่าเบนยังไม่เคยได้ยินชื่อ จนเค้ามาทักเบนใน IG ชวนให้ไปลอง เราก็ตอบรับคำเชิญไปแบบรู้แค่ว่าร้านนี้เค้าเป็น Fine Dining แล้วก็เน้นที่วัตถุดิบจากประเทศไทย และด้วยความเป็น Professional ก็ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเพิ่มอีกเลย ร้านอยู่ไหนก็มาดูก่อนออกจากบ้านวันนั้นแหละ สรุปคืออยู่บนถนนทองหล่อเลย ตรงข้าม Market Place อยู่ริมถนนไม่มีที่จอดรถ ต้อง Valet อย่างเดียว ยกเว้นคุณขับ super car ก็จอดหน้าร้านไป ถึงจะอยู่ริมถนนแต่ประทับใจกับความสวยของหน้าร้านเค้า ดูรู้ว่ามี style ไม่ได้มาเล่นๆ และอะไรค่ะ ร้านสวย ความคาดหวังเรื่องความอร่อยก็ลดลง

เข้าไปในร้าน บอกตามตรงว่าไม่รู้ style อะไร แต่โอยส่วนตัวแล้วคิดว่าร้านสวย ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วจะมืดแต่เกือบทุกโต๊ะ โดยเฉพาะที่ Counter รอบ opern kitchen นั้นจะมีโคมไฟตั้งโต๊ะ Open Kitchen ที่นี้เป็นแบบจริงจังมากน่าจะทำทุกอย่างกันตรงนี้ มีเชฟเต็มไปหมด Head Chef เจ้าของไอเดียทุกอย่างเป็นพี่ชายที่พลัดหลงของ Ron Weasley คิดว่าระหว่างการพลัดหลงได้พบ Russian Killer(คือแค่ดูคล้ายนะคะ 55 แต่ไม่ใช่นะ เค้าล้อเล่น <ต้องเขียนไว้เพื่อเชฟเค้าดันได้อ่าน หรือมีใครแปลให้เค้าฟัง>) คนนึงในร้านอาหารเก่าแก่บนเส้นทางสายไหม แล้วเดินทางด้วยกันมาจนถึงเมืองไทย และตกหลุมรักรสชาติจัดจ้านและวัตถุดิบแบบไทย

ปกติเวลาฝรั่งเล่นกับวัตถุดิปของไทย ก็จะเป็นแบบมะพร้าวแห้ง มะกรูด ข่า ตะไคร้ บราๆ รสชาติออกมาแบบฝรั่งๆ ถึงจะดูสวย แต่สำหรับคนไทยนั้น คือ รู้สึกเปลืองเงิน ตอนแรกเบนก็นึกว่าคงไม่ต่างอะไรจากนั้นมาก แต่ต้องยอมรับว่าเชฟคนนี้มีความสามารถและมีลิ้นที่ดี บวกกับความคิดสร้างสรรค์ เค้าสามารถจับคู่อะไรที่เราคิดว่ามันไม่น่าจะเข้ากันได้ให้ออกมาได้อย่างลงตัว อย่างเช่น ปลาดุกยักษ์ลุ่มน้ำโขงย่างซอสมะขาม ทานคู่กับซอสมะพร้าวและองุ่นเผาไฟ คือมันฟังดูงงมาก แบบไม่น่าเข้ากัน แต่ว่าเชฟทำออกมากได้ดีมาก และทุกอย่างเข้ากันได้อย่างประหลาด

คงจะไม่พูดถึงเมนูทั้งหมดที่ไปทานมา เพราะเมนูเค้ายังไม่นิ่ง และเค้าว่าเค้าจะเปลี่ยนเมนูเรื่อยๆ แต่อีกตัวที่ประทับใจมากคือ ปูกับรากบัวและสาหร่ายน้ำจืดของภาคอีสาน ซึ่งไม่ได้หาทานกันง่ายๆ

คือหน้าตามันมาแบบดูสวยกว่านี้ แต่ว่าเบนทำกล้องจิ่มลงสะก่อน 55555 ไอ้ตัวที่สีเขียวๆเป็นก้อนๆนั้นแหละค่ะคือสาหร่าย มันจะเป็นเม็ดเล็กๆ เชฟให้คำจำกัดความว่า มันเหมือน caviar รสชาติจานนี้กลมกล่อม จำไม่ได้หรอกว่ามีอะไรมากไปกว่าที่บอกไปข้างต้น แต่มั่นใจว่ามีเยอะ แต่เชฟเค้าพูดอธิบายของไทยเป็นภาษาอังกฤษ บางทีมันก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ
เอาตามตรงเค้าให้ทานทั้งหมด 11 จาน ชอบเกือบทุกจาน ข้อติน้อยมาก อีกจานที่ชอบมาก น่าจะชอบที่จุดคือ ปลาหมึกย่าง กับชะอมทอดกรอบ คู่กับซอสเสาวรส คือดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาหมึก ซอส แล้วก็ใบชะอมอ่อนกรอบๆ

อาหารบางจานก็เฉยๆ แต่เฉยๆแบบระดับดี มีอย่างเดียวที่ทานไม่ได้เพราะชาวคือหอยแครง ในจานของแกะย่าง แต่แกะย่างนั้นแปลกมาก คือเค้าให้ทานกับชะอม แล้วก็เอาชะอมมาทำเป็น Puree ด้วย แปลกในทางที่ดี ขอแค่ตัดหอยแครงออกเท่านั้น

นอกเหนือจากนั้นเค้าก็ทำ wine pairing ให้ด้วย ไม่เลวเลยที่เดียวละคะ
โดยรวมสรุปแล้ว คือ ชอบ ชื่นชมว่าเชฟเก่งจริง แบบ talented ขอปรบมือ แต่ประเด็นคือร้านนี้แพง ถ้ากินให้อิ่มน่าจะไม่ต่ำกว่าคนละ 2,000 บาท การบริการไม่มีที่ดิ - อาหาร บริการ ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเมืองไทยมี Michelin star ร้านนี้ก็คงได้ nominate
คือที่ชมเนี้ย ไม่ใช่เพราะว่าได้ตัง แต่คิดว่าเชฟมีความสามารถจริง แต่ถ้าพูดถึงว่าต้องเป็นคนจ่ายเงินเอง เพื่อไปทานเนี้ย เบนก็คิดหนักอยู่เหมือนกันนะคะ รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจริง แต่คุ้มไม่คุ้มก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าที่ไม่เท่ากันของแต่ละคน
[SR] รีวิวร้าน Canvas : Fine Dining ร้านใหม่บนถนนทองหล่อ
มาพูดถึงร้าน Canvas กันก่อน ร้านนี้ใหม่มาก เปิดมาได้ประมาณแค่ 2 เดือนเท่านั้น บอกตามตรงว่าเบนยังไม่เคยได้ยินชื่อ จนเค้ามาทักเบนใน IG ชวนให้ไปลอง เราก็ตอบรับคำเชิญไปแบบรู้แค่ว่าร้านนี้เค้าเป็น Fine Dining แล้วก็เน้นที่วัตถุดิบจากประเทศไทย และด้วยความเป็น Professional ก็ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเพิ่มอีกเลย ร้านอยู่ไหนก็มาดูก่อนออกจากบ้านวันนั้นแหละ สรุปคืออยู่บนถนนทองหล่อเลย ตรงข้าม Market Place อยู่ริมถนนไม่มีที่จอดรถ ต้อง Valet อย่างเดียว ยกเว้นคุณขับ super car ก็จอดหน้าร้านไป ถึงจะอยู่ริมถนนแต่ประทับใจกับความสวยของหน้าร้านเค้า ดูรู้ว่ามี style ไม่ได้มาเล่นๆ และอะไรค่ะ ร้านสวย ความคาดหวังเรื่องความอร่อยก็ลดลง
ปกติเวลาฝรั่งเล่นกับวัตถุดิปของไทย ก็จะเป็นแบบมะพร้าวแห้ง มะกรูด ข่า ตะไคร้ บราๆ รสชาติออกมาแบบฝรั่งๆ ถึงจะดูสวย แต่สำหรับคนไทยนั้น คือ รู้สึกเปลืองเงิน ตอนแรกเบนก็นึกว่าคงไม่ต่างอะไรจากนั้นมาก แต่ต้องยอมรับว่าเชฟคนนี้มีความสามารถและมีลิ้นที่ดี บวกกับความคิดสร้างสรรค์ เค้าสามารถจับคู่อะไรที่เราคิดว่ามันไม่น่าจะเข้ากันได้ให้ออกมาได้อย่างลงตัว อย่างเช่น ปลาดุกยักษ์ลุ่มน้ำโขงย่างซอสมะขาม ทานคู่กับซอสมะพร้าวและองุ่นเผาไฟ คือมันฟังดูงงมาก แบบไม่น่าเข้ากัน แต่ว่าเชฟทำออกมากได้ดีมาก และทุกอย่างเข้ากันได้อย่างประหลาด
คงจะไม่พูดถึงเมนูทั้งหมดที่ไปทานมา เพราะเมนูเค้ายังไม่นิ่ง และเค้าว่าเค้าจะเปลี่ยนเมนูเรื่อยๆ แต่อีกตัวที่ประทับใจมากคือ ปูกับรากบัวและสาหร่ายน้ำจืดของภาคอีสาน ซึ่งไม่ได้หาทานกันง่ายๆ
คือหน้าตามันมาแบบดูสวยกว่านี้ แต่ว่าเบนทำกล้องจิ่มลงสะก่อน 55555 ไอ้ตัวที่สีเขียวๆเป็นก้อนๆนั้นแหละค่ะคือสาหร่าย มันจะเป็นเม็ดเล็กๆ เชฟให้คำจำกัดความว่า มันเหมือน caviar รสชาติจานนี้กลมกล่อม จำไม่ได้หรอกว่ามีอะไรมากไปกว่าที่บอกไปข้างต้น แต่มั่นใจว่ามีเยอะ แต่เชฟเค้าพูดอธิบายของไทยเป็นภาษาอังกฤษ บางทีมันก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ
เอาตามตรงเค้าให้ทานทั้งหมด 11 จาน ชอบเกือบทุกจาน ข้อติน้อยมาก อีกจานที่ชอบมาก น่าจะชอบที่จุดคือ ปลาหมึกย่าง กับชะอมทอดกรอบ คู่กับซอสเสาวรส คือดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาหมึก ซอส แล้วก็ใบชะอมอ่อนกรอบๆ
อาหารบางจานก็เฉยๆ แต่เฉยๆแบบระดับดี มีอย่างเดียวที่ทานไม่ได้เพราะชาวคือหอยแครง ในจานของแกะย่าง แต่แกะย่างนั้นแปลกมาก คือเค้าให้ทานกับชะอม แล้วก็เอาชะอมมาทำเป็น Puree ด้วย แปลกในทางที่ดี ขอแค่ตัดหอยแครงออกเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้นเค้าก็ทำ wine pairing ให้ด้วย ไม่เลวเลยที่เดียวละคะ
โดยรวมสรุปแล้ว คือ ชอบ ชื่นชมว่าเชฟเก่งจริง แบบ talented ขอปรบมือ แต่ประเด็นคือร้านนี้แพง ถ้ากินให้อิ่มน่าจะไม่ต่ำกว่าคนละ 2,000 บาท การบริการไม่มีที่ดิ - อาหาร บริการ ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเมืองไทยมี Michelin star ร้านนี้ก็คงได้ nominate
คือที่ชมเนี้ย ไม่ใช่เพราะว่าได้ตัง แต่คิดว่าเชฟมีความสามารถจริง แต่ถ้าพูดถึงว่าต้องเป็นคนจ่ายเงินเอง เพื่อไปทานเนี้ย เบนก็คิดหนักอยู่เหมือนกันนะคะ รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจริง แต่คุ้มไม่คุ้มก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าที่ไม่เท่ากันของแต่ละคน