อย่าไปวิทยาศาสตร์มาก ( คนที่เชื่อการต่อต้านสิ่งงมงาย )

ใครได้อ่านหลายคนอาจสงสัย ( รู้จักตัวเองหน้าที่ตัวเอง )

เราต้องรู้ก่อนว่า ว่าตัวเราไม่ใช่ นักวิทยาศาสตร์
เราไม่ใช่นักประดิษฐ์ เราไม่ใช่นักค้นคว้า
หรือ หาข้อมาพิสูจน์
เพราะมันมี นักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว
ที่กล่าวมาเป็นเช่นนั้น ก็เพราะให้รู้สึกตัว
ว่า
เราไม่ใช่นักวิทยาศตร์
แต่!
เราเป็นนักเสพ นักเที่ยว นักดื่ม นักกิน
จนลืมกายลืมใจ แล้วหลงไปอยู่กับความคิด
แล้วไปยึดถือวิทยาศาสตร์มากจนลืมมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มองข้ามไป
( เราต้องรู้หน้าที่ตนเองในสังคม )
นักวิทยาศาสตร์เขาก็เห็น อนัตตา แต่เขาไม่รู้ว่า
ทำไมถึงมีตัวเราขึ้นมา
ทั้งๆทีตัวเรามีเซลล์ต่างๆมารวมกัน จากสิ่งเล็กๆเป็นสิ่งใหญ่ๆ
คือ กายกับใจ

  ทุกวันนี้คนไปยึดถือวิทยาศาสตร์มากจนเกินไป เรายังไม่รู้เลย จักวาลสิ้นสุดตรงไหน
เราทุกคน ยึดความดี ความชั่ว และเหตุและผล กลายเป็นความคิดและไปยึดติดว่าสิ่งนั้น คือ ความงมงาย
จนจิตใจไม่รู้ถึงความดี

   องศ์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านสอน ปัญญาคือกายกับใจ   ไม่ใช่ความคิด
   สายกลางคือ การเรียนรู้ตัวเอง อยู่ระหว่างกลางจนกว่าทดสอบและรู้จริงเห็นจริง
ว่า  กายนี้ใจนี้คือ ตัวทุกข์

  ทุกข์ในทางศาสนาพุทธ  เพียงเราแค่ตื่นนอน รู้สึกถึงมีกายมีใจ ก็ทุกข์แล้ว
แค่โกรธ จิตใจก็ถูกบีบครั้นให้ต้องโกรธแล้ว

แต่เพราะเราเคยชิน ที่จะโกรธ  เคยชินกับการเสพ การเที่ยว  การแสวงหา  จนไม่รู้จิตรู้ใจตัวเองที่สุด
ศาสนาพุทธไม่มีอะไรมาก แค่  
( รู้  )  
รู้จิตรู้ใจจนไปเห็นความจริง  ไม่ใช่การคิดแค่ รู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่