ประเทศไทยนั้นมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก เพราะมีคนที่นับถือพุทธศาสนามากกว่าศาสนาอื่น
แต่พุทธศาสนาที่คนไทยนับถืออยู่นั้น ถูกปลอมปนอยู่ด้วยคำสอนที่ไม่ใช่พุทธศาสนามานมนานแล้วโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องที่สำคัญคือเรื่องการเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า อันเป็นคำสอนที่ประยุกติมาจากคำสอนของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู
คำสอนเรื่องการเวียนว่าตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรมเก่านั้นเป็นแค่ ความเชื่อ ที่ไม่มีเหตุผลมาอธิบายให้เข้าใจได้ และไม่มีของจริงมายืนยัน มีแต่เรื่องเล่าสืบต่อๆกันมาเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนที่ผู้คนยังไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพียงพอก็ย่อมที่จะเชื่อได้ง่าย ซึ่งมันก็มีประโยชน์ตรงที่ทำให้สังคมสงบสุขได้ แต่มันมีผลเสียตรงที่มันไม่ทำให้เกิดปัญญาสำหรับนำมาแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์แก่จิตใจ รวมทั้งไม่เกิดปัญญสำหรับนำมาใช้แก้ไขและป้องกันครอบครัว สังคม และประโเทศชาติของเราได้
ยุคนี้เป็นยุคความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัญหาทางสังคมก็มีมากขึ้น แต่สติปัญญาของชาวพุทธกลับไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นปัญหาต่างๆจึงได้เกิดขึ้นมามากมาย อย่างเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน และความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดก็กำลังถูกท้าทายจากคนที่มีความรู้ จึงทำให้ผู้คนเรื่มเสื่อมศรัทธาในคำสอนที่งมงายกันมากขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชาวพุทธไม่สนใจที่จะศึกษาว่า คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร โดยใช้เหตุใช้ผล และยึดความจริงเป็นหลัก แต่ชาวพุทธกลับยังคงเอาแต่ความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีของจริง มายึดถือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าเลย เพราะไม่มีทั้งเหตุผลและความจริงมายืนยันได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
คำว่า พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่มีสติปัญญาอย่างสูงสุด และไม่มีความทุกข์ พุทธศาสนา หมายถึง คำส่ังสอนของท่านผู้รู้ แต่พุทธบริษัท (คนที่นับถือพระพุทธเจ้า) กลับไม่ได้ใช้สติปัญญาในการนับถือกันเลย มีแต่ความงมงายอยู่เต็มไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริงได้อย่างไร?
และเมื่อชาวพุทธไม่เป็นพุทธะหรือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่กลับกลายเป็นพราหมณ์หรือไสยศาสตร์ที่งมงายหลับไหลไร้สติปัญญากันไปหมด ก็แสดงว่าพุทธแท้ๆได้ถูกกลืนหายไปแล้วหมด แล้วเราจะเอาความสงบสุขที่มั่นคงของชีวิต ครอบครัว สังคม และประเทศชาติมาจากไหน ถ้าชาวพุทธเรายังไม่ตื่นกันอยู่อย่างนี้
ถ้าชาวพุทธไม่ตื่น จะถูกกลืนจนสิ้นชาติ
แต่พุทธศาสนาที่คนไทยนับถืออยู่นั้น ถูกปลอมปนอยู่ด้วยคำสอนที่ไม่ใช่พุทธศาสนามานมนานแล้วโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องที่สำคัญคือเรื่องการเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า อันเป็นคำสอนที่ประยุกติมาจากคำสอนของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู
คำสอนเรื่องการเวียนว่าตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรมเก่านั้นเป็นแค่ ความเชื่อ ที่ไม่มีเหตุผลมาอธิบายให้เข้าใจได้ และไม่มีของจริงมายืนยัน มีแต่เรื่องเล่าสืบต่อๆกันมาเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนที่ผู้คนยังไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพียงพอก็ย่อมที่จะเชื่อได้ง่าย ซึ่งมันก็มีประโยชน์ตรงที่ทำให้สังคมสงบสุขได้ แต่มันมีผลเสียตรงที่มันไม่ทำให้เกิดปัญญาสำหรับนำมาแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์แก่จิตใจ รวมทั้งไม่เกิดปัญญสำหรับนำมาใช้แก้ไขและป้องกันครอบครัว สังคม และประโเทศชาติของเราได้
ยุคนี้เป็นยุคความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัญหาทางสังคมก็มีมากขึ้น แต่สติปัญญาของชาวพุทธกลับไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นปัญหาต่างๆจึงได้เกิดขึ้นมามากมาย อย่างเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน และความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดก็กำลังถูกท้าทายจากคนที่มีความรู้ จึงทำให้ผู้คนเรื่มเสื่อมศรัทธาในคำสอนที่งมงายกันมากขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชาวพุทธไม่สนใจที่จะศึกษาว่า คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร โดยใช้เหตุใช้ผล และยึดความจริงเป็นหลัก แต่ชาวพุทธกลับยังคงเอาแต่ความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีของจริง มายึดถือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าเลย เพราะไม่มีทั้งเหตุผลและความจริงมายืนยันได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
คำว่า พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่มีสติปัญญาอย่างสูงสุด และไม่มีความทุกข์ พุทธศาสนา หมายถึง คำส่ังสอนของท่านผู้รู้ แต่พุทธบริษัท (คนที่นับถือพระพุทธเจ้า) กลับไม่ได้ใช้สติปัญญาในการนับถือกันเลย มีแต่ความงมงายอยู่เต็มไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริงได้อย่างไร?
และเมื่อชาวพุทธไม่เป็นพุทธะหรือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่กลับกลายเป็นพราหมณ์หรือไสยศาสตร์ที่งมงายหลับไหลไร้สติปัญญากันไปหมด ก็แสดงว่าพุทธแท้ๆได้ถูกกลืนหายไปแล้วหมด แล้วเราจะเอาความสงบสุขที่มั่นคงของชีวิต ครอบครัว สังคม และประเทศชาติมาจากไหน ถ้าชาวพุทธเรายังไม่ตื่นกันอยู่อย่างนี้