เริ่มแรกผมไม่เชื่อในเรื่องของศาสนาเลย และดูถูกดูแคลนศาสนามากๆ โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่าศาสนานั้นเป็นเรื่องงมงาย จนในที่สุดผมได้เจอทุกข์ทางใจอย่างสุดลิ่มเลยทีเดียว จังหวะนั้นทำให้เกิดคำถามในใจขึ้นมามากมายเกี่ยวกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ซึ่งคำถามเหล่านั้นเป็นคำถามที่ตรงกับคำถามที่เกิดกับพระพุทธเจ้าก่อนที่จะออกบวช ซึ่งผมมาเริ่มศึกษาตอนหลังจึงได้รู้ว่าตรงกัน พอเกิดคำถามนี้ผมพยายามหาคำตอบให้กับตนเองโดยอิงวิทยาศาสตร์แต่ก็ไม่ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ จึงตัดสินใจเข้าบวชในศาสนาพุทธ จนได้เจอครูบาอาจารย์ที่ดี ซึ่งดีในที่นี้คือท่านสามารถดักใจเราได้หมดโดยเฉพาะเรื่องที่เราคิดไม่ดี ซึ่งแรกๆนั้นไม่พอใจครูบาอาจารย์มากๆ คิดอย่างเดียวว่าผมทำผิดอะไรแค่ความคิดและคิดว่าถึงผมจะคิดชั่วแต่ก็ไม่เคยเบียดเบียนใครๆ ไม่เดือดร้อนใครจะคิดอย่างไรก็ไม่ผิด ไม่ได้ด่าใครหรือทำร้ายใครซักหน่อย ตอนนั้นโมโหและโกรธครูบาอาจารย์เอามากๆ และเคยด่าปรามาสครูบาอาจารย์ในใจแทบตลอด แม้แต่พระพุทธเจ้ายังไม่เว้น เจอหน้าใครด่ามันหมด(ด่าในใจนะครับ) ซึ่งตอนนั้นผมเป็นลูกศิษย์ที่หัวดื้อและเลวมากๆ แต่ที่ทำให้ผมประทับใจเอามากๆก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านมีเมตตาท่านกระหนาบซะจนผมแทบจะไม่ทันระวังตัว ยิ่งคิดชั่วท่านยิ่งกระหนาบ เปรียบเหมือนยิ่งดื้อท่านยิ่งตี เพื่อให้ศิษย์ได้ดี มารู้เอาตอนหลังว่าท่านหวังดีมีเมตตาเราต้องการให้เราได้ดีจริงๆ เพราะพอมาเริ่มศึกษาตามพระไตรปิฎกอย่างละเอียดทำให้รู้ว่า แม้แต่ความคิดที่ชั่วหรือไม่ดีก็ถือว่าผิดแล้ว เพราะถ้าเรามีความคิดอย่างนี้บ่อยๆเข้ามันจะติดเป็นนิสัยสันดานที่ไม่ดีได้ และถือเป็นบาปทางใจอย่างหนึ่ง เลยทำให้ผมรู้ว่าความชั่วแม้แต่นิดนึงก็ไม่สมควรที่จะให้มันเกิดทางความคิด เพราะคนเราถ้าเคยชินกับความคิดชั่วแล้วสันดานมันก็จะเป็นไปตามนั้น เปรียบเหมือนว่าก่อนที่เราจะทำอะไรซักอย่างไม่ว่าดีหรือชั่ว จิตจะเป็นตัวสั่งงานก่อน ผมไม่รู้หรอกว่าหลักการศาสนาอื่นจะสอนอย่างไรแต่ ผมว่าคนเราถ้าจะพัฒนาใจให้สูงสุดแล้ว ศาสนาพุทธน่าจะเป้นคำตอบที่ดีที่สุดเพราะ สามารถพัฒนาจิตใจได้จริงถ้าบุคคลผู้นั้นปฏิบัติตามจริงๆ
สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดกับตัวผมและทำให้ผมเข้าสู่ศาสนา จากคนที่ไม่มีความเชื่อและหาว่าศาสนาเป็นสิ่งงมงาย