จะเข้าสู่อัปปนาสมาธิ (ฌาน) ได้ ต้องมี “ธรรม 3 อย่าง” ครบ

1. จะเข้าสู่อัปปนาสมาธิ (ฌาน) ได้ ต้องมี “ธรรม 3 อย่าง” ครบ

ในอานาปานสติ มีอารมณ์กรรมฐาน 3 แบบที่จิตต้องรู้ให้ชัด คือ
    - ลมหายใจเข้า
    - ลมหายใจออก
    - นิมิต (ภาพหรือความรู้สึกทางใจที่เกิดขึ้นเมื่อสมาธิละเอียด)

จิตที่รู้อารมณ์แต่ละอย่าง เป็น คนละอารมณ์ คนละจังหวะกัน ไม่ใช่อารมณ์กันทั้งหมด ดังนั้นผู้ปฏิบัติต้อง แยกให้ได้ว่า ตอนนี้จิตเกาะอะไรอยู่

ถ้าผู้ปฏิบัติ “ไม่รู้” ธรรม 3 อย่างนี้
สมาธิจะไม่ถึงอุปจาระและไม่ถึงอัปปนา

แต่ถ้ารู้และแยกชัด
สมาธิจะก้าวหน้า เข้าสู่อุปจาระและอัปปนาได้จริง

2. วิธีที่อาจารย์ควรแนะนำศิษย์เมื่อ “นิมิตเกิดขึ้น”

แนวของอาจารย์ฝ่ายทีฆนิกาย
สอนว่า เมื่อศิษย์เห็นนิมิตแล้ว
    - ศิษย์ต้องไปบอกอาจารย์
    - แต่อาจารย์ ไม่ควรพูดว่า “ใช่นิมิต” หรือ “ไม่นิมิต”
เพราะ
    - ถ้าบอกว่า “ใช่” ศิษย์อาจดีใจเกิน และถอยหลัง
    - ถ้าบอกว่า “ไม่ใช่” ศิษย์จะหมดหวัง ท้อแท้

สิ่งที่ควรพูดคือ
→ “เป็นอย่างนั้นแหละคุณ… ให้ทำความรู้ตัวกับมันบ่อยๆ”

หมายถึง ให้ศิษย์ ตั้งใจรู้นิมิตเฉยๆ โดยไม่ต้องตีความ


แนวของอาจารย์ฝ่ายมัชฌิมนิกาย
สอนตรงกันข้าม
    อาจารย์ควรพูดตรงๆ ว่า
“นี่คือนิมิต ขอให้ท่านเจริญมนสิการกับมันบ่อยๆ”

เมื่อศิษย์ยอมรับและตั้งจิตในนิมิตได้ถูกต้อง จิตจะตั้งมั่นขึ้นไปเองจนถึงขั้นปฏิภาคนิมิต และเกิดอัปปนาสมาธิ

3. เมื่อนิมิตเกิดขึ้นจริง จิตจะเปลี่ยนสภาพทันที

เมื่อผู้ปฏิบัติ “ตั้งจิตถูกในนิมิต” จะเกิดผลคือ
    - นิวรณ์ทั้ง 5 ถูกข่ม สงบตัว
    - กิเลสสงบ
    - สติตั้งมั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียว
    - จิตแน่วแน่ มั่นคง

สภาวะนี้ คือ ทางเข้าสู่ จากอุปจาระสมาธิสู่อัปปนาสมาธิ (ฌาน)

เหมือนที่ครูบาอาจารย์กล่าวว่า

ผู้ฝึกจิตที่ตั้งจิตไว้ในนิมิต และเจริญลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ คือ ผู้ผูกจิตให้อยู่กับงานภาวนาอย่างแท้จริง

สรุป คือ
    1.    ต้องแยกให้ได้ระหว่าง ลมเข้า ลมออก และนิมิต
    2.    หากไม่รู้สามอย่างนี้ สมาธิไม่ถึงอัปปนา
    3.    หากรู้ชัด สมาธิจะก้าวหน้าเร็ว
    4.    เมื่อนิมิตเกิด อาจารย์มี 2 แนวทางสอน แต่ผลหลักเหมือนกัน
    5.    เมื่อตั้งไว้ในนิมิตถูกต้อง นิวรณ์ถูกข่ม กิเลสสงบ จิตตั้งมั่น พร้อมเข้าสู่อัปปนาสมาธิ (ฌาน)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่