.
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/36647023
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/36654712
บทที่ 3
https://pantip.com/topic/36661006
ดูเหมือนนานเหลือเกินในการรักษาตัวอยู่ในสถาบันโรคทางจิต คืนวันผ่านไปพร้อมด้วยโลกแห่งความเลื่อนลอยหม่นมัว คล้ายความฝันอันไม่อาจปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่าง หลายครั้งมีพวกหมอเข้ามาตั้งคำถามราวกับการสัมภาษณ์เพื่อหาคำตอบอะไรสักอย่าง ฉันได้แต่ตอบส่งๆ ไปตามเรื่องตามราว เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองตายไปแล้วหรือมีชีวิตอยู่
ฉันคิดว่าบางทีอาจเป็นผลของยาที่พวกหมอฉีดให้บ่อยๆ ก็เป็นได้ ฉันมักเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงใครบางคนกระซิบอยู่ในหัว พวกไร้ตัวตนล่องลอยไปมาในความว่างเปล่าของกาลเวลาอย่างไร้จุดหมาย ร่างกายคนเหล่านั้นเหมือนหมอกควันเบาบางแล้วกลืนหายไปในความมืด
ในช่วงแรกเมื่อคิดถึงลูกสาวและสามี ฉันกรีดร้องเหมือนคนบ้า ทั้งที่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอาการทางจิตขั้นรุนแรงขนาดนี้ ความรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียสามีและลูกสาวมันหนักหนาสาหัสเหลือเกินจนรับไม่ได้ ทุกครั้งเมื่อคิดถึงพวกเขาจะทำให้รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาในหัว มันปวดและกดดันเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง จนอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการระบายความรู้สึกและความคิดอันน่ากลัวหลุดออกมา พวกหมอให้ฉันสวมขุดสีขาวโดยมีเสื้อแขนยาวเป็นพิเศษ หลายครั้งพวกเขาใช้ประโยชน์จากความยาวของแขนเสื้อนั้นมัดฉันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะทำร้ายตัวเอง
ยาที่พวกหมอให้คงมีฤทธิ์กล่อมประสาท มันทำให้วันเวลายืดยาวออกไปราวไม่มีที่สิ้นสุด บางวันฉันรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้านานเหลือเกิน บางครั้งฉันเห็นฟองจันทร์เดินมาหาพร้อมกับจูงมือลูกสาวมาด้วย ดูท่าทางพวกเขาเข้ากันได้ดี ตอนแรกฉันทำใจไม่ค่อยได้กับการถูกพรากลูกสาวแสนรักไปต่อหน้าต่อตา ได้แต่ร้องไห้ในลักษณะคนหัวใจแหลกสลาย
พอคืนวันผ่านไป ฉันเริ่มทำใจรับการความเจ็บปวดและการสูญเสียอันโหดร้าย พยายามคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ดูสุขสบายดีแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ทุกครั้งเมื่อนึกถึง บางคืนทำให้ฉันผวาตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างไม่มีเหตผลด้วยซ้ำไป
ฉันได้ข่าวของสามีบ้างในบางครั้ง เขาอยู่ตึกคนไข้ทางจิตของผู้ชาย ส่วนใหญ่แหล่งข่าวมาจากพวกหมอและพยาบาล โดยเฉพาะพวกพยาบาลมักจะไม่ค่อยระมัดระวังคำพูดของตนเองมากนัก พวกเขาอาจจะคิดว่าท่าทางเหม่อลอยไร้อารมณ์ของฉัน คงจะไม่รับรู้เรื่องราวข่าวสารจากโลกภายนอก แน่นอนว่าพวกเขาคิดผิด
เท่าที่ฟังดู ธนามีอาการหนัก รักษาไม่หาย คงจะเหมือนกับฟองจันทร์ก็เป็นได้ ฉันจดจำเหตุการณ์วันที่มีการระเบิดได้ไม่มากนัก รู้แต่ว่ามีความปั่นป่วนและบิดเบี้ยวของความจริงเกิดขึ้นมาโดยกะทันหัน รู้เพียงแต่ว่าการรอคอยของฟองจันทร์ยุติลงแล้ว เธอปลดปล่อยตัวเอง ออกจากร่างกายทรุดโทรมยากต่อการดูแลรักษาไปสู่โลกหนึ่งที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ
ฟองจันทร์ไม่เคยปรากฏร่างให้ฉันเห็นอีก เธอหายไปราวกับกลายเป็นพลังงาน ฉันไม่ทราบว่าเธอได้สิ่งที่ต้องการไปหรือยัง แต่ลึกๆ ฉันรู้ว่าเรื่องราวประหลาดทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอะไร สภาวะทางจิตแห่วิปลาสของเธอเพียงแค่พยายามทำตามความต้องการพื้นฐานในชีวิตรักของเธอเท่านั้น ฟองจันทร์อยากมีครอบครัว อยากมีลูกน่ารักไม่ต่างจากพวกเรา ไม่มีความหวาดกลัวเหลืออยู่นอกจากความสงสารให้กับผู้หญิงอาภัพชีวิต
ในที่สุดฉันก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากสถาบันทางจิต ญาติห่างๆ ของฉันสามสี่คนที่เคยมาเยี่ยมบ่อยๆ เป็นคนเซ็นชื่อรับตัว มันก็ไม่น่าแปลกใจกับการถูกปล่อยตัว เพราะความจริงฉันไม่ได้บ้าเลยสักนิด มันก็แค่อาการคนเสียใจอย่างรุนแรงเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย ยิ่งช่วงหลังฉันทำตัวดีมาตลอด ตอบคำถามของพวกจิตแพทย์อย่างระมัดระวัง พยายามทำจิตใจให้สงบเมื่อถูกส่งเข้าตรวจคลื่นสมองด้วยเครื่องไม้เครื่องมือพะรุงพะรัง
พวกเราแวะไปเยี่ยมธนา ก่อนจะออกมาจากสถาบันวิเคราะห์โรคทางจิต เขาดูผอมลงไปเยอะจนน่าสงสาร และไม่มีท่าทางรับรู้ต่อการมาเยี่ยมของพวกเราเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าจิตใจและร่างกายแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ฟองจันทร์คงทำอะไรบางอย่างกับเขาตามจิตใต้สำนึกอันมุ่งมั่นของเธอในสภาวะโรคทางจิตอันรุนแรง เป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มตระหนักว่า ความบ้าเป็นพลังอำนาจพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งน่ากลัวเกินกว่าใครจะคาดคิดหรือจินตนาการ
ลาก่อน ธนา....ฉันบอกเขาในใจ เมื่อไม่มีลูกสามีก็ดูจะลดความสำคัญลงไปมากสำหรับฉัน คงไม่ต่างจากหลายครอบครัวที่สามีภรรยาทนอยู่ด้วยกันก็เพราะลูก
พวกญาติพาฉันมาส่งบ้าน ตอนแรกพวกเขากะจะนอนค้างคืนด้วยเพื่อดูแลฉันเพราะความเป็นห่วง แต่ฉันปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ฉันไม่ใช่คนป่วยขนาดจะต้องมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่คนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และบ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉันเอง ไม่มีเหตุผลหรือปัญหาอะไรจะจัดการไม่ได้
ฝุ่นหนาจับตามพื้นและเครื่องเรือนบ่งบอกให้ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงไร หลังจากการดูแลปัดกวาดเล็กน้อยพวกญาติๆ ก็พากันกลับไป ฉันถอนใจอย่างโล่งอกเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร ฉันปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนาตามคำเตือนของญาติอย่างเป็นห่วง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครบุกเข้ามา หรือไม่ให้ฉันหนีออกไป ฉันคิดว่าจะเริ่มทำงานบ้านเพื่อไม่ให้อยู่ว่างๆ ต่อไปนี้ฉันจะต้องฝึกให้ชินกับการอยู่คนเดียว อยู่ในบ้านที่มีความทรงจำประทับแฝงอยู่ทั่วทุกบริเวณ
นั่นเป็นโซฟาของสามีเคยนั่งดูรายการโปรดจากทีวีเป็นประจำ ภาพการเอกเขนกที่คุ้นเคยยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างประหลาด โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กของลูกสาวผู้เคยนั่งก้มหน้าก้มตาอย่างตั้งอกตั้งใจกับการบ้านหรือขีดเขียนตัวการ์ตูนและลายมือโย้เย้ตามประสาเด็ก โต๊ะอาหารที่เคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สมุดและแบบเรียนของลูกสาวยังคงวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะย่างก้าวไปบริเวณใดในตัวบ้าน มันเต็มไปด้วยภาพแห่งความหลังจนทำให้ฉันรู้สึกใจวูบหวิวขึ้นมาทันที ป้อมปราการแข็งแกร่งปิดกั้นหัวใจพังครืนลง คลื่นแห่งความทรงจำอันแสนปวดร้าวถาโถมเข้ามากระหน่ำขอบหน้าผาแห่งจิตใจอันบอบบางแบบไม่ปรานี
ฉันวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง โลกเหมือนจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ซบหน้ากับฝ่ามือ หลั่งน้ำตาออกมาอย่าง อดกลั้นไว้ไม่อยู่
“คุณแม่ขา....ร้องไห้ทำไมคะ”
เสียงสดใสคุ้นเคยและโหยหามานานแสนนานดังอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ตอนแรกฉันนึกว่าหูฝาดไป แต่พอหันไปมองจึงได้เห็นร่างน้อยของลูกสาวนั่งทำการบ้านอยู่กับโต๊ะตัวโปรด เธอกำลังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
ตอนแรกฉันตกตะลึงเพราะไม่นึกไม่ฝันมาก่อน พอได้สติก็โผผวาไปหาลูกสาวด้วยความเกรงว่าเธอจะหายเป็นอากาศธาตุ และขอบคุณสวรรค์หรือนรกก็ได้ ร่างของเธอนุ่ม อบอุ่น และมีชีวิตไม่ใช่ภาพหลอนอย่างที่คิดแต่แรก ฉันไม่ต้องการอะไรในชีวิตนี้ ขอเพียงได้ลูกสาวสุดที่รักกลับมาก็พอ
เสียงฝีเท้าคนสองคนเดินลงมาจากชั้นบน ฉันยังคงกอดลูกแน่นในขณะหันไปมอง พลางส่งรอยยิ้มจริงใจและดีใจให้กับธนาผู้กำลังประคองฟองจันทร์ลงบันไดมาอย่างช้า ๆ พวกเขาทั้งสองหลุดพ้นออกจากสถาบันทางจิตอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรกักขังทั้งสองได้แม้แต่ร่างกาย
ฉันเห็นฟองจันทร์ยิ้มเป็นครั้งแรกในชีวิต เพิ่งรู้ว่าเธอไม่ได้หายไปไหนแต่อยู่กับฉันลอดเวลาหลังเกิดเรื่องร้ายในสถาบันวิเคราะห์ทางจิต ความอาฆาตพยาบาทจบสิ้นลง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พวกเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ได้สิ่งขาดหายไปกลับมากันทุกคน
ในที่สุดก็ได้เวลาแล้วนะ ต่อไปนี้พวกเราทุกคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบครับ
ขอบคุณ อิโมน่ารักๆ จาก .... คุณนัน turtle_cheesecake , คุณมัค มัศยวีร์ , คุณ WANG JIE , คุณ จรัสภาพ , คุณอ้อม868666 , คุณซูซี่ Susisiri คุณอ้อ psycho_factory , คุณ เปรียว sixtyone , ตุณลิ ลายลิขิต , คุณดาว Lady Star 919, คุณนิตยา นิรันดร์รัก , คุณ Lazy return ,คุณ คีตมินทร์ , คุณ Na(นะ)สายป่า , คุณขิ่นเล คุณ KTHc.... หลายๆ เด้อครับ ด้วยรักและมิตรภาพจริงใจ
หลอน...พยาบาท 4 (จบ)
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/36647023
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/36654712
บทที่ 3
https://pantip.com/topic/36661006
ดูเหมือนนานเหลือเกินในการรักษาตัวอยู่ในสถาบันโรคทางจิต คืนวันผ่านไปพร้อมด้วยโลกแห่งความเลื่อนลอยหม่นมัว คล้ายความฝันอันไม่อาจปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่าง หลายครั้งมีพวกหมอเข้ามาตั้งคำถามราวกับการสัมภาษณ์เพื่อหาคำตอบอะไรสักอย่าง ฉันได้แต่ตอบส่งๆ ไปตามเรื่องตามราว เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองตายไปแล้วหรือมีชีวิตอยู่
ฉันคิดว่าบางทีอาจเป็นผลของยาที่พวกหมอฉีดให้บ่อยๆ ก็เป็นได้ ฉันมักเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงใครบางคนกระซิบอยู่ในหัว พวกไร้ตัวตนล่องลอยไปมาในความว่างเปล่าของกาลเวลาอย่างไร้จุดหมาย ร่างกายคนเหล่านั้นเหมือนหมอกควันเบาบางแล้วกลืนหายไปในความมืด
ในช่วงแรกเมื่อคิดถึงลูกสาวและสามี ฉันกรีดร้องเหมือนคนบ้า ทั้งที่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอาการทางจิตขั้นรุนแรงขนาดนี้ ความรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียสามีและลูกสาวมันหนักหนาสาหัสเหลือเกินจนรับไม่ได้ ทุกครั้งเมื่อคิดถึงพวกเขาจะทำให้รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาในหัว มันปวดและกดดันเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง จนอยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการระบายความรู้สึกและความคิดอันน่ากลัวหลุดออกมา พวกหมอให้ฉันสวมขุดสีขาวโดยมีเสื้อแขนยาวเป็นพิเศษ หลายครั้งพวกเขาใช้ประโยชน์จากความยาวของแขนเสื้อนั้นมัดฉันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะทำร้ายตัวเอง
ยาที่พวกหมอให้คงมีฤทธิ์กล่อมประสาท มันทำให้วันเวลายืดยาวออกไปราวไม่มีที่สิ้นสุด บางวันฉันรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้านานเหลือเกิน บางครั้งฉันเห็นฟองจันทร์เดินมาหาพร้อมกับจูงมือลูกสาวมาด้วย ดูท่าทางพวกเขาเข้ากันได้ดี ตอนแรกฉันทำใจไม่ค่อยได้กับการถูกพรากลูกสาวแสนรักไปต่อหน้าต่อตา ได้แต่ร้องไห้ในลักษณะคนหัวใจแหลกสลาย
พอคืนวันผ่านไป ฉันเริ่มทำใจรับการความเจ็บปวดและการสูญเสียอันโหดร้าย พยายามคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ดูสุขสบายดีแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ทุกครั้งเมื่อนึกถึง บางคืนทำให้ฉันผวาตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างไม่มีเหตผลด้วยซ้ำไป
ฉันได้ข่าวของสามีบ้างในบางครั้ง เขาอยู่ตึกคนไข้ทางจิตของผู้ชาย ส่วนใหญ่แหล่งข่าวมาจากพวกหมอและพยาบาล โดยเฉพาะพวกพยาบาลมักจะไม่ค่อยระมัดระวังคำพูดของตนเองมากนัก พวกเขาอาจจะคิดว่าท่าทางเหม่อลอยไร้อารมณ์ของฉัน คงจะไม่รับรู้เรื่องราวข่าวสารจากโลกภายนอก แน่นอนว่าพวกเขาคิดผิด
เท่าที่ฟังดู ธนามีอาการหนัก รักษาไม่หาย คงจะเหมือนกับฟองจันทร์ก็เป็นได้ ฉันจดจำเหตุการณ์วันที่มีการระเบิดได้ไม่มากนัก รู้แต่ว่ามีความปั่นป่วนและบิดเบี้ยวของความจริงเกิดขึ้นมาโดยกะทันหัน รู้เพียงแต่ว่าการรอคอยของฟองจันทร์ยุติลงแล้ว เธอปลดปล่อยตัวเอง ออกจากร่างกายทรุดโทรมยากต่อการดูแลรักษาไปสู่โลกหนึ่งที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ
ฟองจันทร์ไม่เคยปรากฏร่างให้ฉันเห็นอีก เธอหายไปราวกับกลายเป็นพลังงาน ฉันไม่ทราบว่าเธอได้สิ่งที่ต้องการไปหรือยัง แต่ลึกๆ ฉันรู้ว่าเรื่องราวประหลาดทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอะไร สภาวะทางจิตแห่วิปลาสของเธอเพียงแค่พยายามทำตามความต้องการพื้นฐานในชีวิตรักของเธอเท่านั้น ฟองจันทร์อยากมีครอบครัว อยากมีลูกน่ารักไม่ต่างจากพวกเรา ไม่มีความหวาดกลัวเหลืออยู่นอกจากความสงสารให้กับผู้หญิงอาภัพชีวิต
ในที่สุดฉันก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากสถาบันทางจิต ญาติห่างๆ ของฉันสามสี่คนที่เคยมาเยี่ยมบ่อยๆ เป็นคนเซ็นชื่อรับตัว มันก็ไม่น่าแปลกใจกับการถูกปล่อยตัว เพราะความจริงฉันไม่ได้บ้าเลยสักนิด มันก็แค่อาการคนเสียใจอย่างรุนแรงเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย ยิ่งช่วงหลังฉันทำตัวดีมาตลอด ตอบคำถามของพวกจิตแพทย์อย่างระมัดระวัง พยายามทำจิตใจให้สงบเมื่อถูกส่งเข้าตรวจคลื่นสมองด้วยเครื่องไม้เครื่องมือพะรุงพะรัง
พวกเราแวะไปเยี่ยมธนา ก่อนจะออกมาจากสถาบันวิเคราะห์โรคทางจิต เขาดูผอมลงไปเยอะจนน่าสงสาร และไม่มีท่าทางรับรู้ต่อการมาเยี่ยมของพวกเราเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าจิตใจและร่างกายแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ฟองจันทร์คงทำอะไรบางอย่างกับเขาตามจิตใต้สำนึกอันมุ่งมั่นของเธอในสภาวะโรคทางจิตอันรุนแรง เป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มตระหนักว่า ความบ้าเป็นพลังอำนาจพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งน่ากลัวเกินกว่าใครจะคาดคิดหรือจินตนาการ
ลาก่อน ธนา....ฉันบอกเขาในใจ เมื่อไม่มีลูกสามีก็ดูจะลดความสำคัญลงไปมากสำหรับฉัน คงไม่ต่างจากหลายครอบครัวที่สามีภรรยาทนอยู่ด้วยกันก็เพราะลูก
พวกญาติพาฉันมาส่งบ้าน ตอนแรกพวกเขากะจะนอนค้างคืนด้วยเพื่อดูแลฉันเพราะความเป็นห่วง แต่ฉันปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ฉันไม่ใช่คนป่วยขนาดจะต้องมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่คนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และบ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉันเอง ไม่มีเหตุผลหรือปัญหาอะไรจะจัดการไม่ได้
ฝุ่นหนาจับตามพื้นและเครื่องเรือนบ่งบอกให้ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงไร หลังจากการดูแลปัดกวาดเล็กน้อยพวกญาติๆ ก็พากันกลับไป ฉันถอนใจอย่างโล่งอกเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร ฉันปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนาตามคำเตือนของญาติอย่างเป็นห่วง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครบุกเข้ามา หรือไม่ให้ฉันหนีออกไป ฉันคิดว่าจะเริ่มทำงานบ้านเพื่อไม่ให้อยู่ว่างๆ ต่อไปนี้ฉันจะต้องฝึกให้ชินกับการอยู่คนเดียว อยู่ในบ้านที่มีความทรงจำประทับแฝงอยู่ทั่วทุกบริเวณ
นั่นเป็นโซฟาของสามีเคยนั่งดูรายการโปรดจากทีวีเป็นประจำ ภาพการเอกเขนกที่คุ้นเคยยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างประหลาด โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กของลูกสาวผู้เคยนั่งก้มหน้าก้มตาอย่างตั้งอกตั้งใจกับการบ้านหรือขีดเขียนตัวการ์ตูนและลายมือโย้เย้ตามประสาเด็ก โต๊ะอาหารที่เคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สมุดและแบบเรียนของลูกสาวยังคงวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะย่างก้าวไปบริเวณใดในตัวบ้าน มันเต็มไปด้วยภาพแห่งความหลังจนทำให้ฉันรู้สึกใจวูบหวิวขึ้นมาทันที ป้อมปราการแข็งแกร่งปิดกั้นหัวใจพังครืนลง คลื่นแห่งความทรงจำอันแสนปวดร้าวถาโถมเข้ามากระหน่ำขอบหน้าผาแห่งจิตใจอันบอบบางแบบไม่ปรานี
ฉันวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง โลกเหมือนจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ซบหน้ากับฝ่ามือ หลั่งน้ำตาออกมาอย่าง อดกลั้นไว้ไม่อยู่
“คุณแม่ขา....ร้องไห้ทำไมคะ”
เสียงสดใสคุ้นเคยและโหยหามานานแสนนานดังอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ตอนแรกฉันนึกว่าหูฝาดไป แต่พอหันไปมองจึงได้เห็นร่างน้อยของลูกสาวนั่งทำการบ้านอยู่กับโต๊ะตัวโปรด เธอกำลังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
ตอนแรกฉันตกตะลึงเพราะไม่นึกไม่ฝันมาก่อน พอได้สติก็โผผวาไปหาลูกสาวด้วยความเกรงว่าเธอจะหายเป็นอากาศธาตุ และขอบคุณสวรรค์หรือนรกก็ได้ ร่างของเธอนุ่ม อบอุ่น และมีชีวิตไม่ใช่ภาพหลอนอย่างที่คิดแต่แรก ฉันไม่ต้องการอะไรในชีวิตนี้ ขอเพียงได้ลูกสาวสุดที่รักกลับมาก็พอ
เสียงฝีเท้าคนสองคนเดินลงมาจากชั้นบน ฉันยังคงกอดลูกแน่นในขณะหันไปมอง พลางส่งรอยยิ้มจริงใจและดีใจให้กับธนาผู้กำลังประคองฟองจันทร์ลงบันไดมาอย่างช้า ๆ พวกเขาทั้งสองหลุดพ้นออกจากสถาบันทางจิตอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรกักขังทั้งสองได้แม้แต่ร่างกาย
ฉันเห็นฟองจันทร์ยิ้มเป็นครั้งแรกในชีวิต เพิ่งรู้ว่าเธอไม่ได้หายไปไหนแต่อยู่กับฉันลอดเวลาหลังเกิดเรื่องร้ายในสถาบันวิเคราะห์ทางจิต ความอาฆาตพยาบาทจบสิ้นลง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พวกเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ได้สิ่งขาดหายไปกลับมากันทุกคน
ในที่สุดก็ได้เวลาแล้วนะ ต่อไปนี้พวกเราทุกคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบครับ
ขอบคุณ อิโมน่ารักๆ จาก .... คุณนัน turtle_cheesecake , คุณมัค มัศยวีร์ , คุณ WANG JIE , คุณ จรัสภาพ , คุณอ้อม868666 , คุณซูซี่ Susisiri คุณอ้อ psycho_factory , คุณ เปรียว sixtyone , ตุณลิ ลายลิขิต , คุณดาว Lady Star 919, คุณนิตยา นิรันดร์รัก , คุณ Lazy return ,คุณ คีตมินทร์ , คุณ Na(นะ)สายป่า , คุณขิ่นเล คุณ KTHc.... หลายๆ เด้อครับ ด้วยรักและมิตรภาพจริงใจ