หลอนซ่อนหลอน......2/2 (จบ)

กระทู้สนทนา


บทที่แล้ว
https://pantip.com/topic/41074766

              ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน วีรยาต้องตาย ในขณะนี้สายตาของหญิงสาวมองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของเพื่อนสาวและมือไม้ที่ยกขึ้นปิดป้องอย่างสิ้นหวัง แต่คมมีดยังคงยกขึ้น แทงลงไปชนิดไม่นับ จนภาพเบื้องหน้ากลับกลายเป็นฉากสีแดงฉานของเลือดสาดกระเซ็น

ผีตานีผีตานีผีตานีผีตานีผีตานี

             "อร..คุณเป็นอะไรไป”

             เสียงร้องของใครบางคนทะลุทลวงเข้ามาในความมืดดำ สลับการถูกมือใครบางคนเขย่าร่างจนสั่นไหว

             เสียงของปกรณ์

             อรวีได้สติ เธอหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย แสงไฟในห้องสว่างจ้า สามีของเธอกำลังจับไหล่ของเธอเขย่าเรียกให้หลุดออกมาจากความฝัน

             “ฉันเห็นยัยวี  เธอเข้ามาในห้อง”  เธอตัดสินใจเล่าสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

             “ไม่มีใครเข้ามาในห้องเราทั้งนั้น คุณแค่ฝันไป  ไม่ต้องกลัวนะอร ผมอยู่ข้างคุณเสมอ”  ปกรณ์รั้งศีรษะของภรรยามากอดอย่างปลอบใจ  หญิงสาวยังคงตัวสั่นด้วยความสับสนไม่เข้าใจ อารมณ์ถูกกระชากไปมาจนตั้งตัวไม่ทัน เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสียงของผู้เป็นสามียังคงกระซิบข้างหูต่อไป

             “ผมไม่ได้ถูกแทงตายซะหน่อย วีรยาก็ไม่ได้เข้ามาในบ้านของเรา”  จู่ ๆ  เสียงของปกรณ์ร้องย้ำขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงร้องดังลั่นห้องอย่างผิดปกวิสัย

             “ผมไม่ได้ ถูกแทงตาย...ซะหน่อย วีรยา...ก็...ไม่ได้เข้ามา...ในบ้านของเรา”

             จบคำพูดขาดเป็นช่วง ๆ ชายหนุ่มกอดร่างภรรยาไว้แน่น กระตุกไปมาเหมือนภาพบนจอภาพยนตร์ที่เครื่องฉายกำลังทำฟิล์มหนังขัดข้อง

             อรวียิ้มผวาสุดตัว นิ่งงันไปพักหนึ่ง ก่อนยิ้มบ้าคลั่ง เอาอีกแล้วนะ...ยังไม่จบใช่ไหม...ยังไม่จบก็ได้...อรวีคว้ามีดทำครัวที่ซ่อนไว้ใต้หมอนได้ ก็จ้วงแทงเข้าชายโครงของปกรณ์สุดแรงเกิด ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกสุดตัวร้องด้วยความเจ็บปวด ผวาออกไปยืนกลางห้องนอนยกมือขวากุมชายโครงที่เริ่มมีเลือดไหลทะลักออกมาเป็นทาง ใบหน้าของเขาบ่งบอกความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด  ถึงกระนั้นคำพูดสั่นสะท้านออกจากปากของเขายังคงเหมือนในความฝันไม่มีผิด

             “อร...คุณเป็นคนแทงผมเองไม่ใช่เหรอ คุณก็รู้นี่....”

             “เออ...ฉันเป็นคนแทงแกเอง ยังมีหน้ามาถามอีก ไม่รู้ก็บ้าแล้ว”

             อรวีหัวเราะเหมือนคนบ้า ลุกขึ้นกระโจนเข้าหาผู้เป็นสามี โถมกระแทกจนปกรณ์เสียหลักล้มลงบนพื้น จากนั้นหญิงสาวกระโจนคร่อมร่าง มีดในมือจ้วงแทงลงไปชนิดไม่นับ จนภาพเบื้องหน้ากลับกลายเป็นฉากสีแดงฉานของเลือดสาดกระเซ็น ในใจไม่ได้นึกถึงบาปบุญคุณโทษอะไรทั้งนั้น คิดเพียงอย่างเดียวว่าทำอะไรก็ได้ ขอให้หลุดพ้นไปจากวังวนแห่งความสยดสยองนี่เสียที

             เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ในที่สุดหญิงสาวก็หยุดการกระหน่ำแทงเพราะความเหน็ดเหนื่อย  ทิ้งมีดในมือ ถอยห่างไปพิงผนัง หายใจหอบ ร่างของปกรณ์นอนจมกองเลือดข้างเตียง
 
             หน้าประตูห้องนอนมีร่างของวีรยานอนนิ่งท่ามกลางสีแดงฉานของเลือดสด ๆ อยู่เช่นกัน นั่นทำให้สติของอรวีกระเจิดกระเจิงอีกรอบ เพราะคิดว่าตัวเองหนีจากวีรยาด้วยการตื่นจากความฝันไปแล้ว ทำไมวีรยาถึงมาปรากฏร่างอยู่ในขณะนี้ได้อีก เธอทะลุหลุดออกมาจากฝันร้ายหรืออย่างไร หรือว่ามิติของความฝันทับซ้อนกันจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร

             ลองคลานไปหาร่างของปกรณ์ เอื้อมมือจับดูแขนของร่างไร้วิญญาณของสามี  เขามีตัวตนจริง  ยังสัมผัสได้ถึงความอุ่นของร่างกายเพราะเพิ่งเสียชีวิตไปหมาด ๆ  ลองหันไปจับแขนของเพื่อนสาวดูบ้าง ก็รู้สึกถึงความอุ่นเช่นกัน

             นี่เธอเพิ่งฆ่าคนตายสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันได้อย่างไร ในห้องนอนของเธอเอง

             มันไม่สมเหตุสมผล เธอรู้ว่ามันผิดปกติ  แต่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ 

             ขณะที่กำลังจะผละออกมาจากร่างของวีรยา จู่ ๆ มือของเพื่อนสาวที่คิดว่าตายไปแล้วก็ยื่นมาคว้าหมับเข้าที่แขนซ้ายของเธอ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว วีรยากำลังหันหน้าจ้องมองด้วยใบหน้าขาวซีดผิดมนุษย์ นัยน์ตาเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย แต่ลักษณะแบบนั้นทำให้ดูขนพองสยองเกล้าเพราะความผิดธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูก เสียงจากปากแตกแห้งเยือกเย็นจนน่ากลัว

             “ไม่มีอะไรจะถามฉันเหรอ   อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

             หนอย นังบ้า...ตายไปแล้ว ยังมีหน้าลุกขึ้นมาพูดตามบทอีก อรวีกลัวจนสติแตกและกลายเป็นความบ้าเลือดขึ้นมาแทนที่ อะดรีนาลีนในร่างกายแทบเดือดพล่าน มือขวาคว้ามีดที่วางใกล้ตัว จ้วงแทงซ้ำลงไปยังร่างของวีรยาสุดแรง ภายในห้องระงมไปด้วยเสียงกรีดร้องของสองสาว ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ผสมผสานกันไปหมด ระหว่างความเจ็บปวด และความบ้าคลั่งชนิดหัวใจกระดอนกระเด็น

             แม้ความรู้สึกจะเลือนรางมืดมนปานใด จิตสำนึกของอรวียังแว่วเสียงของปกรณ์ลั่นสนั่นเข้ามาในโสตประสาท

             “ผมไม่ได้ถูกแทงตายซะหน่อย วีรยาก็ไม่ได้เข้ามาในบ้านของเรา”

             อรวีหันขวับไปมองด้วยแววตาบ้าคลั่ง เห็นร่างของสามีหนุ่มพยายามดึงร่างกายท่อนบนขึ้นมานั่ง ใบหน้าพับปลายคางชิดหน้าอก แบบบังคับศีรษะตัวเองไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นจนได้ แต่อาการเงยหน้าจนเกินความต้องการ ศีรษะจึงหงายพับไปด้านหลัง แบบผิดธรรมชาติน่าสยดสยองแทบขาดใจ

             หญิงสาวหัวเราะลั่น ก่อนพุ่งมีดในมือปักเข้าคอหอยของสามีสุดแรง

             “กรณ์...คุณรู้ยังไงว่าอรฝันเรื่องอะไร”  หญิงสาวบิดมีดในมือไปพูดไปหัวเราะไปราวคนเสียสติ  “อรยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังเลยนะ  ต้องการแบบนี้ใช่ไหม มาเลย  ลุกขึ้นมาอีก ฉันจะจัดการให้หมดทุกคน”

             แล้วภาพทั้งหมดก็ดับวูบลง

 
             ความรู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังเรียกชื่อดังแว่วมาในความมืด จิตวิญญาณล่องลอยไปในสายธารแห่งกาล เนิ่นนานกว่าจะมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แสงสีขาวนวลจากจุดเล็ก ๆ กลับกลายเป็นแสงสว่างนวลห่อหุ้มโอบอุ้มประคับประคองละมุน

             อรวีกะพริบตาไปมา ปรับสภาพความคิดและร่างกายของตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเป็นจริง

             ความเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ เธอถามตัวเองด้วยอาการเลื่อนลอย
 
             “ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริงครับ” 

             เสียงห้าวทุ้มทำให้หญิงสาวหันไปมอง ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองคนกำลังชะโงกหน้าลงมามองด้วยรอยยิ้ม คนทั้งหมดอยู่ในชุดสีขาว เหมือนเสื้อกาวน์ในโรงพยาบาล  มองดูผนังห้องสีขาวนวลทำให้นึกถึงสีของห้องรักษาตัวคนไข้  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอพยายามลุกขึ้นนั่งแต่พวกพยาบาลรีบมากดไหล่เอาไว้บอกให้นอนพักตั้งสติให้ดีก่อนอย่างอื่น

             “ปกรณ์กับวีรยาล่ะคะ”  เธออดถามไม่ได้ เพราะแม้ว่าความทรงจำอย่างอื่นจะเลือนราง แต่ภาพของสองคนนั่นยังกระจ่างชัดอย่างน่าประหลาด
“ใจเย็น ๆ นะครับ”  คุณหมอหนุ่มทำเสียงแบบปลอบโยน

              “คนทั้งสองตายไปแล้วครับ แต่ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครพบศพของพวกเขา ในทางกฎหมาย ยังไม่มีหลักฐานอะไรว่าเขาทั้งสองตายไปแล้ว ยังไงคุณก็หลุดพ้นคดีครับ”

             อรวีรับฟังอย่างมึนงง กับคำพูดแปลก ๆ ไม่สมเหตุไม่สมผลของคุณหมอ ฟังดูชอบกล อย่างไรก็ตาม ทั้งสามีและเพื่อนรักถูกเธอฆ่าตายกับมือ มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีอย่างแน่นอน อาจจะได้ความสะใจ เท่านั้นเอง  แต่...นอกเหนือจากนี้ล่ะ เธอได้อะไรกันแน่

             นอนทบทวนความคิดของตัวเองแล้วอดสะทกสะท้อนใจไม่ได้ จะว่าไปแล้วก็ไม่มีหลักฐานพยานอะไรสักอย่างว่า คนทั้งสองหักหลังเธอ ปกรณ์ก็เป็นสามีที่ดี วีรยาก็เป็นเพื่อนที่ดี ทำไมถึงคิดระแวงไปได้ บางทีศัตรูที่น่ากลัวก็คือความคิดของตัวเอง  นี่เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

             ยิ่งคิดยิ่งรู้สีกเสียใจจนทำให้น้ำตาซึมจากหางตา

             ปกรณ์และวีรยาตายจากเธอไปแล้ว

             “พวกเขาตายไปแล้วจริง ๆ”  หญิงสาวหลุดคำพูดหม่นเศร้าออกจากปากเหมือนคนละเมอ  หมอหันหน้าไปมองนางพยาบาล แล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณบางอย่าง ก่อนหันมาพูดกับเธอว่า

             “ผมอยากให้คุณดู เพื่อแน่ใจว่าปกรณ์และวีรยาตายไปจริง ๆ”

             นางพยาบาลพากันถอยห่างออกไปด้านข้าง ขณะที่เงาร่างสองร่างเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง

             พออรวีมองเห็นถนัดชัดตา ก็ต้องกรีดร้องสุดเสียง  ปกรณ์กับวีรยานั่นเอง ทั้งสองยืนว่ายโงนเงนไปมา ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือดเกราะกรัง ใบหน้าขาวซีดเหมือนคนตาย นัยน์ตาเหม่อลอยจ้องมองอย่างว่างเปล่าไร้ชีวิตจิตใจ 

             ““คิดไปเองทั้งนั้น”  เสียงเย็นยะเยือกของวีรยาดังขึ้นทั้งที่ริมฝีปากไม่ได้ขยับ ตามด้วยเสียงแหบพร่าของปกรณ์ ราวกระซิบมาจากสุดขอบอเวจี

             “อร...คุณเป็นคนแทงผมเองไม่ใช่เหรอ คุณก็รู้นี่....”

             พูดจบทั้งสองขยับใกล้เข้ามาทีละน้อย กลิ่นสาปสางกระจายไปทั่วห้อง อรวีพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพราะความตกใจหวาดกลัวสุดขีด ปลักหล่มมืดดำเย็นยะเยือกที่คิดว่าตะกายจนหลุดพ้น กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยพลังแห่งการเอาตัวรอด เธอดิ้นจนหลุดออกจากเครื่องพันธนาการ ผวาลงจากเตียงคนไข้

             คนตายไปแล้วทั้งสองคนกางมือออก เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะวิ่งฝ่าออกไป ใบหน้าของสามีและเพื่อนรักแหงนมองเพดาน ปากอ้ากว้างผิดธรรมชาติอย่างน่าสะพรึงกลัว เสียงกรีดร้องแหลมสูงบาดแก้วหู

             “คุณลืมมีดของคุณไปแล้วเหรอ”  เสียงของหมอลั่นสนั่นในความรู้สึกอึงอล สิ่งของบางอย่างยัดเข้ามาที่ฝ่ามือ ด้วยสัมผัสคุ้นเคย รับรู้ได้เลยว่านั่นเป็นด้ามมีดทำครัว

             พอได้มีดคู่ใจ ความบ้าดีเดือดปะทุครืนทันที  จะเป็นซากศพ ซอมบี้ ผีหลอกวิญญาณหลอน หรืออะไรก็ตาม เคยจัดการมาแล้ว วันนี้อรวีขอสู้ขาดใจ เห็นผีตัวเท่าลูกหมู

             มีดทำครัวแทงสวนเข้าหน้าอกร่างแข็งทื่อที่เคยเป็นสามี แล้วบิดคว้านอย่างเมามัน ก่อนยกเท้าถีบจนร่างนรกแตกของปกรณ์เซถลาล้มไปด้านหลัง นาทีนี้ดูท่าจะไม่มีใครหยุดอรวีได้เสียแล้ว เธอหันมาหาวีรยาที่กำลังยื่นมือตรงมาแบบไร้เดียงสา  คมมีดสวนเข้าซอกคออย่างจังพร้อมกับโถมน้ำหนักตัวตามไปด้วยคนล้มกลิ้งลงไปด้วยกันทั้งคู่ อรวีอยู่ด้านบนออกแรงกดด้ามมีดลงไปอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะไม่มีนาทีต่อไปของชีวิต

             หางตาพร่าเลือนของอรวีเห็นพวกหมอและพยาบาลยืนเรียงแถว พากันปรบมือ
 
             “ปรบมือหาพระแสงอันใดกัน...อรวีเห็นแล้วหลุดปากด่า แต่ยังมีธุระที่ต้องจัดการ เธอทั้งหมุนทั้งคว้านมีดจนวีรยานอนแน่นิ่งไม่ไหวติงด้วยความรู้สึกสาแก่ใจทะลักล้น เห็นร่างตายซากของปกรณ์กำลังทำท่าพลิกตัวจะลุกขึ้นมา หญิงสาวดึงอุปกรณ์รูปร่างคล้ายตู้ทางการแพทย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร รู้แค่ว่าใหญ่และหนักพอจะล้มฟาดทับร่างของปกรณ์ได้ เธอออกแรงดึงกระชากสุดแรง ท่ามกลางเสียงโครมครามสนั่น ประกายไฟแตกดังเปรี๊ยะ... เปรี๊ยะ พร้อมกับกลุ่มควันและเปลวไฟเริ่มลุกโชนซากสยองของปกรณ์ดิ้นพราด ๆ อยู่ภายใต้เศษซากสิ่งของ
สะใจอีกแล้ว

             รู้สึกเหมือนการปลดปล่อยหลุดพ้น ล่องลอย ใบหน้ายิ้มแย้มของหมอและพยาบาลยังคงปรากฏผ่านกลุ่มควันที่หนาทึบมากขึ้นทุกที
 
             ความรู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังเรียกชื่อดังแว่วมาในความมืด จิตวิญญาณล่องลอยไปในสายธารแห่งกาล เนิ่นนานกว่าจะมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์  อรวีกะพริบตาไปมา ปรับสภาพความคิดและร่างกายของตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเป็นจริง

             “ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริงครับ” 

.

.

มีต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่