.
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างครับ”
เด็กชายวัยอนุบาลแก้มยุ้ยหน้าตาน่ารักแววตาสดใสในชุดนักเรียนเต็มยศวิ่งถือกระเป๋านักเรียนลายการ์ตูนใบสวยวิ่งเข้าบ้านอย่างร่าเริงแจ่มใส นัยน์ตาเป็นประกายแบบเด็กๆ สองแก้มยุ้ยน่าหยิกเลอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร แขนเสื้อยังมีรอยขนมติดอยู่ ผู้เป็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารวางเครื่องมือต่างๆลง หันไปอุ้มลูกน้อยผู้ป้วนเปี้ยนอยู่ข้างตัวขึ้นมาหอมแก้มมอมๆนั่นอย่างแสนรัก
“มีขนมอย่างที่ลูกชอบอยู่บนโต๊ะอาหารแล้วไง คุณยายเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ไชโย.ผมรักแม่...รักคุณยายที่สุดเลย...”
เด็กน้อยร้องอย่างดีใจ ยิ้มจนตาหยี หอมแก้มแม่ประจบก่อนร่างน้อยจะถูกวางลงพื้นห้องแล้ววิ่งไปยังห้องนั่งเล่น ที่นั่นมีทีวี ขนม ของเล่นรอคอยอยู่ เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นโดยแท้ เด็กชายเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวและมีเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่
“คุณนี่จะเห่อลูกมากไปแล้ว...ไหนบอกว่าไม่รักลูกผู้หญิง อยากได้ลูกผู้ชายไง”
“โธ่..ที่รัก ผมก็พูดไปงั้นเอง ไม่นึกว่าเด็กผู้หญิงจะน่ารักขนาดนี้” ผู้เป็นพ่อบอกพลางหัวร่อพลางใบหน้าประดับรอยยิ้มและแววตามีความสุข ขณะยกร่างน้อยๆของลูกสาวตัวน้อยขึ้นกอดอย่างแสนรัก เขายังอยู่ในชุดทำงานอยู่เลย แต่หัวใจโบยบินมาจากที่ทำงานมาถึงบ้านก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว
ลูกสาวที่น่ารัก ทำให้แทนที่จะเที่ยวเตร่ไปกับเพื่อนฝูง ชายหนุ่มเปลี่ยนนิสัยตั้งแต่มีลูกสาวคนนี้ ใครจะว่าเขาเห่อลูกสาวก็ตามทีเถิด ตอนเช้าไปทำงานเขา อ้อยอิ่งอยู่กับลูกสุดที่รักนานเท่านานราวกับจะพลัดพรากจากลากันไปเป็นปี จนภรรยาต้องไล่ให้ไปทำงานอย่างเด็ดขาดทุกวัน
“โตขึ้นมาลูกเราต้องเก่งเหมือนผม สวยเหมือนคุณ”
“บ้า..” ผู้เป็นภรรยาทำเสียงดุแต่นัยน์ตาพราวไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกฉี่ใส่เปียกหมดแน่”
“จ้างก็ไม่กลัว...” ผู้เป็นสามีลอยหน้าลอยตาตอบ
“เดี๋ยวขออุ้มลูกไปเดินเล่นก่อน คุณก็รู้ ผมเป็นนักอุ้มลูกมือหนึ่ง รับรองว่าต่อให้อุ้มไปวิ่งไป ลูกของเราก็ไม่มีทางหล่น แกคงอยากไปเดินเล่นกับพ่อมากแล้ว ลูกจ๋า... เราไปเดินเล่นกัน เดี๋ยวพ่อจะพาไปดูสวนดอกไม้ท้ายซอย ปล่อยให้แม่อยู่นี่คนเดียวให้เหงาไปเลย”
“อย่าทำลูกหล่นนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมนักอุ้มลูกมือหนึ่ง...อุ้มได้อุ้มดีเลยนะจะบอกให้...อุ้มคุณผมยังพอทำหล่นได้ แต่อุ้มลูกไม่มีทางหล่นเด็ดขาด...ปะ...ลูกเรามาไปกัน”
ภรรยาได้แต่อมยิ้มมองตามพ่อลูกออกจากบ้านไปอย่างร่าเริงมีความสุข คุณพ่อผู้ทั้งรักและหลงลูกสาว ยังจำวันแรกที่ลูกเรียกคำว่า "พ่อ" แบบไม่ชัดถ้อยชัดคำ เท่านั้นก็ทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง เที่ยวไปคุยฟุ้งเรื่องนี้ทั่วหมู่บ้าน เพื่อนที่ทำงานแอบฟ้องว่าเขาไม่คุยเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องลูกสาวของตัวเอง
เด็กหญิงเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวและมีเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่
อากาศร้อนจัดราวนรกแตกปะทุ เปลวแดดเต้นระเร่าระยิบ แต่อารมณ์ผู้คนย่านนั้นกลับรุ่มร้อนกว่า เสียงตะโกนโหวกเหวกสับสน เสียงไซเรนรถตำรวจผสมผสานไปกับเสียงอื้ออึงของฝูงชน หญิงชราพยายามแหวกผู้คนไปข้างหน้าพร้อมอาการกรีดร้องคร่ำครวญปริเวทนาการปานใจจะขาด
“ไอ้หมอนี่มันตกงานมาหลายปีแล้ว สงสัยเครียดแล้วกินยาบ้า จับนักศึกษาเป็นตัวประกัน”
“นานแล้ว ตำรวจมากมายแต่ไม่เห็นทำอะไรเลย แค่ยืนถือปืนอยู่เฉยๆ น้องคนนั้นสิ้นสติคอพับไปแล้ว”
“สงสัยตายแล้วล่ะเลือดเต็มตัวเลย มีดของไอ้บ้านั่นไม่ห่างคอน้องเขาเลย”
ลูกของแม่ ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้
หญิงชราไม่เห็นภาพของผู้คนมากมายสับสนรายรอบ เห็นเพียงใบหน้าชายหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงตาขุ่นขวางราวคนบ้ากำลังยืนดึงเส้นผมของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งตัวอ่อนระทวยอยู่บนพื้น มืออีกข้างกำมีดเล่มยาวเสียดสีบริเวณของเด็กสาวเคราะห์ร้ายไม่ยอมห่าง เสียงคนบางคนตะโกนห้ามแต่หญิงชราไม่สนใจพยายามแหวกว่ายไปในกระแสสังคมผู้คนสุดชีวิต สุดท้ายถูกขวางด้วยแนวแถวของตำรวจ
“ลูกของแม่ กลับบ้านกันเถอะอย่าทำแบบนี้!!!....”
เสียงผู้เป็นแม่ ที่ลูกเคยรับฟังตั้งแต่เด็กจนโตดังลั่นออกมาจากความรู้สึกรวดร้าวราวหัวใจกำลังแหลกสลาย ความรัก ความห่วงใย และภาพเด็กแก้มยุ้ย ยิ้มจนตาหยีแทรกทับขึ้นมาในห้วงความคิดสับสนเร่าร้อนและไม่มีแรงยึดเหนี่ยวอะไรจะยื้อยุดฉุดรั้งแรงห่วงหาของผู้เป็นแม่ได้ แม่ผู้ไม่คำนึงถึงใครทั้งนั้นนอกจากลูกของตัวเอง จะดีจะชั่วก็ลูกของแม่
ยานรก...มันเปลี่ยนภาพเด็กน้อยแก้มยุ้ยน่ารักในอดีตมาเป็นปีศาจร้ายกาจขาดสติไร้จิตสำนึกไปแล้ว
หญิงชราอาศัยจังหวะแทรกตัวหลุดจากการกีดกั้นไปจนด้วยด้วยพลังแห่งความรักและเป็นห่วง จะต้องปกป้องลูกให้หลุดพ้นจากอันตราย ก่อนจะโดนวิสามัญ ไม่คำนึงถึงอะไรอีกต่อไปนอกลูกชายชายสุดที่รัก
ตาขุ่นขวางแดงฉานไปด้วยเส้นเลือดไม่กะพริบแม้น้อยนิด ขณะแทงมีดในมือเข้าหน้าท้องหญิงชราผู้กางแขนโผผวาเข้ามาราวกับจะโอบกอด ไม่มีแววละลายต่อบาป หรือความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดีเหลืออยู่เลยนอกจากความบ้าคลั่งและเสียงคำรามราวสัตว์ป่าฟังไม่ได้ศัพท์
“ลูกแม่...” หญิงชรายังพร่ำคำนี้ไม่ขาดสายเท่าที่สติยังพอเหลือในขณะร่างทรุดลงกับพื้นมือยังไขว่คว้าชายเสื้อลูกชายเหนี่ยวรั้งไว้สุดชีวิตโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง สายตามองสวนแววบ้าคลั่งยังคงเป็นประกายความรักความเสียใจและปวดร้าว ยาบ้ามันขโมยลูกชายของเธอไปสู่อเวจี มันเปลี่ยนเด็กน่ารักที่แสนหวงแสนห่วงไปเป็นปีศาจฆาตกร ซึ้งตอนนี้เลิกสนใจเด็กสาวเคราะห์ร้ายหันมากระทืบร่างของหญิงชราพร้อมกับเสียงสบถด่าหยาบคาย
“เฮ้ย..เอามัน..”
ฝูงชนจำนวนมากรอคอยโอกาสอยู่ด้วยความคลั่งแค้นในความล่าช้าของตำรวจ อาศัยจังหวะนี้กรูกันเข้ามาทันที บางคนมีท่อนไม้ บางคนมือเปล่า ทุกคนต้องการรุมสกรัมสหบาทาให้ไอ้คนชั่วไร้สตินั้นให้จมธรณีด้วยหัวใจโกรธแค้นชิงชังต่อพฤติกรรมเถื่อนถ่อยสุดจะทน
“อย่าทำลูกฉัน” เสียงสุดท้ายของหญิงชรากลืนหายไปกับเสียงร้องเสียงตะโกนของผู้คน พยายามปกครองลูกชายจนวินาทีสุดท้ายแม้ว่าจะโดนเท้าของลูกชายกระทืบบดขยี้ลงบนใบหน้าและลำตัวจากอาการกราดเกรี้ยวบ้าคลั่งของลูกชายตัวเอง
“คุณปล่อยให้ฉันตาย..คุณปล่อยให้ฉันตาย”
ผู้หญิงผมยาวในชุดนักศึกษาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดใบหน้าขาวซีดจ้องมองมาจากความมืด มือขวายกขึ้นมาชี้หน้าของชายหนุ่มราวกับจะตอกย้ำความทรงจำและความรู้สึกผิดบางอย่างลงไปในจิตวิญญาณ
"โอ้ย..."
นายตำรวจหนุ่มผวาตื่นจากฝันร้าย จากเสียงร้องของตัวเอง เหงื่อท่วมตัว
ฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนทุกคืน ภาพของนักศึกษาสาวผู้ที่ถูกคนเมายาบ้าเชือดคอจนตายคนนั้น ทั้งที่เขาเล็งปืนไปยังศีรษะของไอ้หมอนั่นตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอดคำสั่งยิงก็ไม่ออกมาจากผู้บังคับบัญชา
บางครั้งในความฝันของเขาก็เป็นภาพของ”เจ้านาย” ผู้มีร่างกายลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งนรกท่วมตัว ร่างกายบิดเบี้ยววูบไหวไปมาท่ามกลางความร้อนแรงแต่ใบหน้ายังยิ้มแสยะขำเลืองมองมาด้วยมุ่งร้ายและเสียงหัวเราะชวนขนลุกดังออกมาจากเงามืดมากมายรายล้อม
ฝันร้ายเหล่านี้คอยรบกวนจิตใจทุกคืน
“พวกนักข่าว พวกนักสิทธิมนุษยชน ชาวบ้านชาวเมือง นักการเมือง คอยสังเกตและอาจเอาเรื่องไปประโคมข่าวเล่นงานเราอยู่ ขืนทำอะไรไม่ดีไปตำแหน่งของอั้วะลอยกระเด็นแน่”
นั่นเป็นคำอธิบายสั้นๆ ของผู้บังคับบัญชาในวันต่อมา เขาเพียงรับฟังอย่างเงียบงันเศร้าซึม ทำไมชีวิตคนดีๆถึงต้องไปแลกกันคนเลวๆขาดสติแบบนั้น เขาไม่เข้าใจเลย เพียงแต่วันนั้นเขาเหนี่ยวไกปืน รับรองว่าวิญญาณชั่วนั่นจะปลิดปลิวจากร่างก่อนจะฆ่าใครได้ เพราะการฝึกปรือมาเป็นอย่างดีในฐานะมือหนึ่งของหน่วยสไนเปอร์ เขามั่นใจในฝีมือการยิงของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่วันนั้น...ถ้ามีความกล้าในการตัดสินใจสักนิด เธอคนนั้นคงมีชีวิตอยู่ ร่าเริงสดใสตามวัยของเธอบนเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่มาตั้งแต่วัยเด็ก ครอบครัวของเธอคงไม่เสียใจกับเรื่องนี้
บางครั้งในความฝันของเขาก็เป็นภาพของ “เจ้านาย” ผู้มีร่างกายลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งนรกท่วมตัว ร่างกายบิดเบี้ยววูบไหวไปมาท่ามกลางความร้อนแรงแต่ใบหน้ายังยิ้มแสยะชำเลืองมองมาด้วยสายตามุ่งร้ายและเสียงหัวเราะชวนขนลุกดังระงมออกมาจากเงามืดมากมายรายล้อมของเหล่าบริวารปีศาจร้าย
เขาเหลือบดูนาฬิกา ยังไม่ดึกเลย แต่คงเพราะความอ่อนเพลียเลยเผลอหลับไปบนโซฟาแห่งรับแขก
เหตุการณ์ผ่านมาเกือบเดือน แต่ฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอนนายตำรวจหนุ่มทุกคืน ทำให้เขาสับสนว่าตำแหน่งหน้าที่การงาน ชีวิต กฎหมาย จิตสำนึก อะไรกันแน่เป็นความถูกต้อง ทำไมโลกนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรม ถ้าจะเป็นเพราะกรรมจากชาติปางก่อน มันก็ไม่ถูกต้องกับการมาตอบสนองคนที่ไม่รู้เรื่องกับการกระทำของตัวเอง เมื่อเกิดมาในชาตินี้
เสียงวิทยุสื่อสารประจำตัวดังขึ้น ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาจากวังวนความคิดสับสน เขาคว่าวิทยุสื่อสารมารับฟังอย่างไม่ตั้งใจมากนักแต่แล้วก็หูผึ่งเมื่อเป็นรายงานตำรวจเกี่ยวกับคนคลั่งยาบ้าจับคนเป็นตัวประกันอีกแล้ว สถานที่เกิดเหตุไม่ห่างออกไปจากบ้านมากนัก
นายตำรวจหนุ่มคว้าปืน แต่งกายลวกๆ คว้ากุญแจรถ ให้ตาย....เมื่อไรยานรกพวกนี้จะหมดไปจากโลกเสียดี เขารู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เพราะปีศาจหลุดจากนรกขึ้นมาบนโลกจนเกินกว่าจะมีใครควบคุมได้เสียแล้ว
“จะไปไหนหรือลูก”
แม่ของเขายังไม่นอน ยังคงวุ่นวายอยู่ในครัวและตอนนี้กำลังจะปิดหน้าบ้าน เธอเห็นอาการแปลกๆของลูกชายเลยอดถามไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงไยไม่เคยสร่างซาไปกับกาลเวลาอันโหดร้าย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่ จะออกไปขับรถเล่นสักหน่อย เดี๋ยวผมกลับมานะครับ อย่าเพิ่งปิดประตูบ้านนะครับแม่”
“มีอะไรเหรอลูก”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” เขาไม่อยากให้แม่ห่วงกังวลมากไปกว่านี้
ขอบคุณครับแม่ แต่ผมต้องทำอะไรบางอย่างในคืนนี้ถ้าจำเป็น.....ไม่ว่าอย่างไร ผมก็รักแม่เสมอ
ผู้เป็นแม่มองรถของลูกวิ่งออกจากบ้านไปด้วยสายตาไม่เข้าใจและเป็นห่วง แต่ผู้เป็นแม่ก็ทำได้เพียงปิดประตูเอาไว้ คล้องกุญแจเอาไว้ แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจประตูหน้าบ้าน และนั่งรอคอยผู้เป็นลูกกลับมา
ขอโทษนะครับแม่ ผมอยากจะหยุดฝันร้ายของผมเสียที แม้จะหยุดไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
ปืนคู่ใจวางอยู่ข้างเบาะ...ช่างหัวเจ้านาย ช่างหัวหน้าที่การงาน...ช่างหัวจักรวาล...ช่างหัวตัวเอง...ช่างหัวทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นซาตานหรือพระเจ้า
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ครั้งนี้เมื่อมันจับเป้าหมายของการยิงได้แล้ว เขาจะไม่ลังเลใจเลยในการเหนี่ยวไก
.
จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ^^
พ่อ แม่ ลูก และปีศาจร้าย
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างครับ”
เด็กชายวัยอนุบาลแก้มยุ้ยหน้าตาน่ารักแววตาสดใสในชุดนักเรียนเต็มยศวิ่งถือกระเป๋านักเรียนลายการ์ตูนใบสวยวิ่งเข้าบ้านอย่างร่าเริงแจ่มใส นัยน์ตาเป็นประกายแบบเด็กๆ สองแก้มยุ้ยน่าหยิกเลอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร แขนเสื้อยังมีรอยขนมติดอยู่ ผู้เป็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารวางเครื่องมือต่างๆลง หันไปอุ้มลูกน้อยผู้ป้วนเปี้ยนอยู่ข้างตัวขึ้นมาหอมแก้มมอมๆนั่นอย่างแสนรัก
“มีขนมอย่างที่ลูกชอบอยู่บนโต๊ะอาหารแล้วไง คุณยายเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ไชโย.ผมรักแม่...รักคุณยายที่สุดเลย...”
เด็กน้อยร้องอย่างดีใจ ยิ้มจนตาหยี หอมแก้มแม่ประจบก่อนร่างน้อยจะถูกวางลงพื้นห้องแล้ววิ่งไปยังห้องนั่งเล่น ที่นั่นมีทีวี ขนม ของเล่นรอคอยอยู่ เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นโดยแท้ เด็กชายเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวและมีเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่
“คุณนี่จะเห่อลูกมากไปแล้ว...ไหนบอกว่าไม่รักลูกผู้หญิง อยากได้ลูกผู้ชายไง”
“โธ่..ที่รัก ผมก็พูดไปงั้นเอง ไม่นึกว่าเด็กผู้หญิงจะน่ารักขนาดนี้” ผู้เป็นพ่อบอกพลางหัวร่อพลางใบหน้าประดับรอยยิ้มและแววตามีความสุข ขณะยกร่างน้อยๆของลูกสาวตัวน้อยขึ้นกอดอย่างแสนรัก เขายังอยู่ในชุดทำงานอยู่เลย แต่หัวใจโบยบินมาจากที่ทำงานมาถึงบ้านก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว
ลูกสาวที่น่ารัก ทำให้แทนที่จะเที่ยวเตร่ไปกับเพื่อนฝูง ชายหนุ่มเปลี่ยนนิสัยตั้งแต่มีลูกสาวคนนี้ ใครจะว่าเขาเห่อลูกสาวก็ตามทีเถิด ตอนเช้าไปทำงานเขา อ้อยอิ่งอยู่กับลูกสุดที่รักนานเท่านานราวกับจะพลัดพรากจากลากันไปเป็นปี จนภรรยาต้องไล่ให้ไปทำงานอย่างเด็ดขาดทุกวัน
“โตขึ้นมาลูกเราต้องเก่งเหมือนผม สวยเหมือนคุณ”
“บ้า..” ผู้เป็นภรรยาทำเสียงดุแต่นัยน์ตาพราวไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวลูกฉี่ใส่เปียกหมดแน่”
“จ้างก็ไม่กลัว...” ผู้เป็นสามีลอยหน้าลอยตาตอบ
“เดี๋ยวขออุ้มลูกไปเดินเล่นก่อน คุณก็รู้ ผมเป็นนักอุ้มลูกมือหนึ่ง รับรองว่าต่อให้อุ้มไปวิ่งไป ลูกของเราก็ไม่มีทางหล่น แกคงอยากไปเดินเล่นกับพ่อมากแล้ว ลูกจ๋า... เราไปเดินเล่นกัน เดี๋ยวพ่อจะพาไปดูสวนดอกไม้ท้ายซอย ปล่อยให้แม่อยู่นี่คนเดียวให้เหงาไปเลย”
“อย่าทำลูกหล่นนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมนักอุ้มลูกมือหนึ่ง...อุ้มได้อุ้มดีเลยนะจะบอกให้...อุ้มคุณผมยังพอทำหล่นได้ แต่อุ้มลูกไม่มีทางหล่นเด็ดขาด...ปะ...ลูกเรามาไปกัน”
ภรรยาได้แต่อมยิ้มมองตามพ่อลูกออกจากบ้านไปอย่างร่าเริงมีความสุข คุณพ่อผู้ทั้งรักและหลงลูกสาว ยังจำวันแรกที่ลูกเรียกคำว่า "พ่อ" แบบไม่ชัดถ้อยชัดคำ เท่านั้นก็ทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง เที่ยวไปคุยฟุ้งเรื่องนี้ทั่วหมู่บ้าน เพื่อนที่ทำงานแอบฟ้องว่าเขาไม่คุยเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องลูกสาวของตัวเอง
เด็กหญิงเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวและมีเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่
อากาศร้อนจัดราวนรกแตกปะทุ เปลวแดดเต้นระเร่าระยิบ แต่อารมณ์ผู้คนย่านนั้นกลับรุ่มร้อนกว่า เสียงตะโกนโหวกเหวกสับสน เสียงไซเรนรถตำรวจผสมผสานไปกับเสียงอื้ออึงของฝูงชน หญิงชราพยายามแหวกผู้คนไปข้างหน้าพร้อมอาการกรีดร้องคร่ำครวญปริเวทนาการปานใจจะขาด
“ไอ้หมอนี่มันตกงานมาหลายปีแล้ว สงสัยเครียดแล้วกินยาบ้า จับนักศึกษาเป็นตัวประกัน”
“นานแล้ว ตำรวจมากมายแต่ไม่เห็นทำอะไรเลย แค่ยืนถือปืนอยู่เฉยๆ น้องคนนั้นสิ้นสติคอพับไปแล้ว”
“สงสัยตายแล้วล่ะเลือดเต็มตัวเลย มีดของไอ้บ้านั่นไม่ห่างคอน้องเขาเลย”
ลูกของแม่ ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้
หญิงชราไม่เห็นภาพของผู้คนมากมายสับสนรายรอบ เห็นเพียงใบหน้าชายหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงตาขุ่นขวางราวคนบ้ากำลังยืนดึงเส้นผมของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งตัวอ่อนระทวยอยู่บนพื้น มืออีกข้างกำมีดเล่มยาวเสียดสีบริเวณของเด็กสาวเคราะห์ร้ายไม่ยอมห่าง เสียงคนบางคนตะโกนห้ามแต่หญิงชราไม่สนใจพยายามแหวกว่ายไปในกระแสสังคมผู้คนสุดชีวิต สุดท้ายถูกขวางด้วยแนวแถวของตำรวจ
“ลูกของแม่ กลับบ้านกันเถอะอย่าทำแบบนี้!!!....”
เสียงผู้เป็นแม่ ที่ลูกเคยรับฟังตั้งแต่เด็กจนโตดังลั่นออกมาจากความรู้สึกรวดร้าวราวหัวใจกำลังแหลกสลาย ความรัก ความห่วงใย และภาพเด็กแก้มยุ้ย ยิ้มจนตาหยีแทรกทับขึ้นมาในห้วงความคิดสับสนเร่าร้อนและไม่มีแรงยึดเหนี่ยวอะไรจะยื้อยุดฉุดรั้งแรงห่วงหาของผู้เป็นแม่ได้ แม่ผู้ไม่คำนึงถึงใครทั้งนั้นนอกจากลูกของตัวเอง จะดีจะชั่วก็ลูกของแม่
ยานรก...มันเปลี่ยนภาพเด็กน้อยแก้มยุ้ยน่ารักในอดีตมาเป็นปีศาจร้ายกาจขาดสติไร้จิตสำนึกไปแล้ว
หญิงชราอาศัยจังหวะแทรกตัวหลุดจากการกีดกั้นไปจนด้วยด้วยพลังแห่งความรักและเป็นห่วง จะต้องปกป้องลูกให้หลุดพ้นจากอันตราย ก่อนจะโดนวิสามัญ ไม่คำนึงถึงอะไรอีกต่อไปนอกลูกชายชายสุดที่รัก
ตาขุ่นขวางแดงฉานไปด้วยเส้นเลือดไม่กะพริบแม้น้อยนิด ขณะแทงมีดในมือเข้าหน้าท้องหญิงชราผู้กางแขนโผผวาเข้ามาราวกับจะโอบกอด ไม่มีแววละลายต่อบาป หรือความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดีเหลืออยู่เลยนอกจากความบ้าคลั่งและเสียงคำรามราวสัตว์ป่าฟังไม่ได้ศัพท์
“ลูกแม่...” หญิงชรายังพร่ำคำนี้ไม่ขาดสายเท่าที่สติยังพอเหลือในขณะร่างทรุดลงกับพื้นมือยังไขว่คว้าชายเสื้อลูกชายเหนี่ยวรั้งไว้สุดชีวิตโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง สายตามองสวนแววบ้าคลั่งยังคงเป็นประกายความรักความเสียใจและปวดร้าว ยาบ้ามันขโมยลูกชายของเธอไปสู่อเวจี มันเปลี่ยนเด็กน่ารักที่แสนหวงแสนห่วงไปเป็นปีศาจฆาตกร ซึ้งตอนนี้เลิกสนใจเด็กสาวเคราะห์ร้ายหันมากระทืบร่างของหญิงชราพร้อมกับเสียงสบถด่าหยาบคาย
“เฮ้ย..เอามัน..”
ฝูงชนจำนวนมากรอคอยโอกาสอยู่ด้วยความคลั่งแค้นในความล่าช้าของตำรวจ อาศัยจังหวะนี้กรูกันเข้ามาทันที บางคนมีท่อนไม้ บางคนมือเปล่า ทุกคนต้องการรุมสกรัมสหบาทาให้ไอ้คนชั่วไร้สตินั้นให้จมธรณีด้วยหัวใจโกรธแค้นชิงชังต่อพฤติกรรมเถื่อนถ่อยสุดจะทน
“อย่าทำลูกฉัน” เสียงสุดท้ายของหญิงชรากลืนหายไปกับเสียงร้องเสียงตะโกนของผู้คน พยายามปกครองลูกชายจนวินาทีสุดท้ายแม้ว่าจะโดนเท้าของลูกชายกระทืบบดขยี้ลงบนใบหน้าและลำตัวจากอาการกราดเกรี้ยวบ้าคลั่งของลูกชายตัวเอง
“คุณปล่อยให้ฉันตาย..คุณปล่อยให้ฉันตาย”
ผู้หญิงผมยาวในชุดนักศึกษาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดใบหน้าขาวซีดจ้องมองมาจากความมืด มือขวายกขึ้นมาชี้หน้าของชายหนุ่มราวกับจะตอกย้ำความทรงจำและความรู้สึกผิดบางอย่างลงไปในจิตวิญญาณ
"โอ้ย..."
นายตำรวจหนุ่มผวาตื่นจากฝันร้าย จากเสียงร้องของตัวเอง เหงื่อท่วมตัว
ฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนทุกคืน ภาพของนักศึกษาสาวผู้ที่ถูกคนเมายาบ้าเชือดคอจนตายคนนั้น ทั้งที่เขาเล็งปืนไปยังศีรษะของไอ้หมอนั่นตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอดคำสั่งยิงก็ไม่ออกมาจากผู้บังคับบัญชา
บางครั้งในความฝันของเขาก็เป็นภาพของ”เจ้านาย” ผู้มีร่างกายลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งนรกท่วมตัว ร่างกายบิดเบี้ยววูบไหวไปมาท่ามกลางความร้อนแรงแต่ใบหน้ายังยิ้มแสยะขำเลืองมองมาด้วยมุ่งร้ายและเสียงหัวเราะชวนขนลุกดังออกมาจากเงามืดมากมายรายล้อม
ฝันร้ายเหล่านี้คอยรบกวนจิตใจทุกคืน
“พวกนักข่าว พวกนักสิทธิมนุษยชน ชาวบ้านชาวเมือง นักการเมือง คอยสังเกตและอาจเอาเรื่องไปประโคมข่าวเล่นงานเราอยู่ ขืนทำอะไรไม่ดีไปตำแหน่งของอั้วะลอยกระเด็นแน่”
นั่นเป็นคำอธิบายสั้นๆ ของผู้บังคับบัญชาในวันต่อมา เขาเพียงรับฟังอย่างเงียบงันเศร้าซึม ทำไมชีวิตคนดีๆถึงต้องไปแลกกันคนเลวๆขาดสติแบบนั้น เขาไม่เข้าใจเลย เพียงแต่วันนั้นเขาเหนี่ยวไกปืน รับรองว่าวิญญาณชั่วนั่นจะปลิดปลิวจากร่างก่อนจะฆ่าใครได้ เพราะการฝึกปรือมาเป็นอย่างดีในฐานะมือหนึ่งของหน่วยสไนเปอร์ เขามั่นใจในฝีมือการยิงของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่วันนั้น...ถ้ามีความกล้าในการตัดสินใจสักนิด เธอคนนั้นคงมีชีวิตอยู่ ร่าเริงสดใสตามวัยของเธอบนเส้นทางชีวิตสดใสสวยงามจากการประคองหล่อหลอมความรักของพ่อแม่มาตั้งแต่วัยเด็ก ครอบครัวของเธอคงไม่เสียใจกับเรื่องนี้
บางครั้งในความฝันของเขาก็เป็นภาพของ “เจ้านาย” ผู้มีร่างกายลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งนรกท่วมตัว ร่างกายบิดเบี้ยววูบไหวไปมาท่ามกลางความร้อนแรงแต่ใบหน้ายังยิ้มแสยะชำเลืองมองมาด้วยสายตามุ่งร้ายและเสียงหัวเราะชวนขนลุกดังระงมออกมาจากเงามืดมากมายรายล้อมของเหล่าบริวารปีศาจร้าย
เขาเหลือบดูนาฬิกา ยังไม่ดึกเลย แต่คงเพราะความอ่อนเพลียเลยเผลอหลับไปบนโซฟาแห่งรับแขก
เหตุการณ์ผ่านมาเกือบเดือน แต่ฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอนนายตำรวจหนุ่มทุกคืน ทำให้เขาสับสนว่าตำแหน่งหน้าที่การงาน ชีวิต กฎหมาย จิตสำนึก อะไรกันแน่เป็นความถูกต้อง ทำไมโลกนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรม ถ้าจะเป็นเพราะกรรมจากชาติปางก่อน มันก็ไม่ถูกต้องกับการมาตอบสนองคนที่ไม่รู้เรื่องกับการกระทำของตัวเอง เมื่อเกิดมาในชาตินี้
เสียงวิทยุสื่อสารประจำตัวดังขึ้น ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาจากวังวนความคิดสับสน เขาคว่าวิทยุสื่อสารมารับฟังอย่างไม่ตั้งใจมากนักแต่แล้วก็หูผึ่งเมื่อเป็นรายงานตำรวจเกี่ยวกับคนคลั่งยาบ้าจับคนเป็นตัวประกันอีกแล้ว สถานที่เกิดเหตุไม่ห่างออกไปจากบ้านมากนัก
นายตำรวจหนุ่มคว้าปืน แต่งกายลวกๆ คว้ากุญแจรถ ให้ตาย....เมื่อไรยานรกพวกนี้จะหมดไปจากโลกเสียดี เขารู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เพราะปีศาจหลุดจากนรกขึ้นมาบนโลกจนเกินกว่าจะมีใครควบคุมได้เสียแล้ว
“จะไปไหนหรือลูก”
แม่ของเขายังไม่นอน ยังคงวุ่นวายอยู่ในครัวและตอนนี้กำลังจะปิดหน้าบ้าน เธอเห็นอาการแปลกๆของลูกชายเลยอดถามไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงไยไม่เคยสร่างซาไปกับกาลเวลาอันโหดร้าย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่ จะออกไปขับรถเล่นสักหน่อย เดี๋ยวผมกลับมานะครับ อย่าเพิ่งปิดประตูบ้านนะครับแม่”
“มีอะไรเหรอลูก”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” เขาไม่อยากให้แม่ห่วงกังวลมากไปกว่านี้
ขอบคุณครับแม่ แต่ผมต้องทำอะไรบางอย่างในคืนนี้ถ้าจำเป็น.....ไม่ว่าอย่างไร ผมก็รักแม่เสมอ
ผู้เป็นแม่มองรถของลูกวิ่งออกจากบ้านไปด้วยสายตาไม่เข้าใจและเป็นห่วง แต่ผู้เป็นแม่ก็ทำได้เพียงปิดประตูเอาไว้ คล้องกุญแจเอาไว้ แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจประตูหน้าบ้าน และนั่งรอคอยผู้เป็นลูกกลับมา
ขอโทษนะครับแม่ ผมอยากจะหยุดฝันร้ายของผมเสียที แม้จะหยุดไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
ปืนคู่ใจวางอยู่ข้างเบาะ...ช่างหัวเจ้านาย ช่างหัวหน้าที่การงาน...ช่างหัวจักรวาล...ช่างหัวตัวเอง...ช่างหัวทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นซาตานหรือพระเจ้า
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ครั้งนี้เมื่อมันจับเป้าหมายของการยิงได้แล้ว เขาจะไม่ลังเลใจเลยในการเหนี่ยวไก
. จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ^^