ย้อนไปอ่าน
- บทนำ
https://pantip.com/topic/36171766
- ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/36183366
ตอน คุยกับปลา
สุดท้ายเอ็นริเก้ต้องพ่ายแพ้ให้กับความคิดของตนเองยอมปิดสมุดในมือลง คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับระเบิดทั้งสองลูกที่คุณแม่สุดที่รักทิ้งไว้ให้ เรื่องที่จะให้เข้าไปช่วยงานของที่บ้านยังพอฝืนใจไปทำให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบรรดาญาติ ๆ ที่ดูก็รู้ว่าว่าจ้องจะกอบโกยจากขุมสมบัตินี้ขนาดไหน ถึงแม้จะเป็นญาติห่าง ๆ ไม่ใช่ผู้สืบทอดโดยตรงอย่างเขา แต่คนเหล่านั้นก็หาได้สนใจไม่ นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พ่อของเขาไม่สามารถปล่อยมือจากบริษัทนี้ได้
แต่อย่างที่ว่าปัญหานี้ยังไม่เท่ากับปัญหาของตำแหน่งสะใภ้ของมาดามแห่งริเควซ่าที่ว่างอยู่ เขาจะไปหาที่ไหนล่ะ อยู่มาจน 33 ปีแล้วยังหาไม่ได้ กับเวลาแค่ 3 เดือนเขาจะไปหาที่ไหน หรือว่าจะลองเลือกจากคู่ขาของเขาสักคน แต่ก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะเอาตัวไปยึดติดกับผู้หญิงที่ผูกพันกันแต่บนเตียง พอหมดศึกรักก็จากกันไป แม้สาวสวยเหล่านั้นจะพยายามติดต่อผ่านคนสนิทของเขาเพื่อสานสัมพันธ์ต่อ แต่ว่าไม่เคยมีใครมีโอกาสถึงครั้งที่สาม เนื่องด้วยเขารู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหญิงสาวเหล่านั้นว่าต้องการเงินทอง ชื่อเสียง และเซ็กที่เร่าร้อนของเขาเสียมากกว่าความรักและภักดี คิดถึงตรงนี้ก็ต้องสลัดหัวเอาความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ออกไป พยายามทำสมองให้ว่างเพื่อความคิดดี ๆ เกี่ยวกับงานมาแทนที่ แต่แล้วความคิดนั้นก็เป็นอันต้องมลายหายไปอีก เมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของผู้หญิงลอยมากระทบโสตประสาทของเขาแผ่วเบา ชายหนุ่มพยายามมองหาต้นเสียงจนไปเจอกับหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ใกล้กับสระน้ำ ข้างตัวมีถุงใสใบใหญ่บรรจุขนมอยู่เต็มถุง
"ฮือ...ฮือ...อะ..ไอ้จ๋ายเอ๊ย จะมีใครซวยกว่าแกอีกไหม ..ฮือ.. ย่าเข้าไอซียู..ฮึก..พะ..พี่สาวตาย..ฮือ.ฮึก....มีละ..ลูกแบบไม่ตั้งใจ ตังค์ก็ต้องหา ฮือ..ฮือ..ฮือ..ฮึก..ฮือ.." เสียงเล็ก ๆ ที่พร่ำพรรณาถึงปัญหาของตัวเองออกมาขาดหายเป็นช่วง ๆ สลับกับเสียงสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ หญิงสาวก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบเข่าสองข้างของเธอจนกางเกงยีนส์สีซีด ๆ เก่า ๆ ของเธอเปียกเป็นดวง อย่างอยากจะระบายออกมาให้ลม ให้ฟ้าได้แบ่งเบาปัญหาจากเธอไปบ้าง เธอก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นจนร่างเล็กบอบบางสั่นไหวอยู่อย่างนั้น จนเป็นที่พอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าบ้าง
"พี่จุ๋ยสบายแล้วสิ....ฮือ..ฮึก..ฮึก..ดะ..ได้ไปอยู่กับพ่อกับแม่บนฟ้าแล้วนี่ ฮือ..ฮือ...ฮือ...ทิ้งจ๋ายไปเฉยเลย ฮือ..ฮือ..." เสียงประชดประชันที่ไม่จริงจังนัก
"พ่อจ๋า แม่จ๋า..ฮึก... เป็นกำลังใจให้จ๋ายผ่านช่วงเลวร้ายพวกนี้ไปให้ได้ด้วยนะคะ..ฮึก.." น้ำตาที่เคยไหลเปียกหัวเข่าของหญิงสาว บัดนี้ได้ไหลลงมาอาบแก้มนวลอมชมพูของเธอแทน เอ็นริเก้เห็นใบหน้าของเธอแต่เพียงด้านข้าง ยังทำให้หัวใจของเขากระตุกขึ้นมาได้ 'ทำไมเธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมดุจแก้วบางใสขนาดนี้' เขาไม่อาจจะละสายตาไปจากภาพหญิงสาวเบื้องหน้านี้ได้เลย ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผมตรงยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวอมชมพูใส่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นธรรมดา กางเกงยีนส์ขายาวขาด ๆ อย่างแฟชั่น และรองเท้าผ้าใบ ทุกอย่างดูธรรมดา แต่กลับไม่ธรรมดาเมื่ออยู่บนตัวเธอ ทุกอย่างดูจะลงตัวไปเสียหมด ชายหนุ่มมองภาพเบื้องหน้าอย่างเพลิดเพลินก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เมื่อเห็นหญิงสาวหันมาคุยกับฝูงปลาที่อยู่ในสระแทน มือก็เปิดถุงขนมข้างตัวไป พลางเช็ดน้ำตาบนแก้มของตัวเองไปด้วย 'นี่เขาตาไม่ฝาดใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้กำลังคุยเล่นกับปลา'
"อะไรของพวกแกล่ะ คนเค้าเศร้าอยู่นะ จะไม่สนใจกันเลยหรือไง ปลอบเค้าหน่อยก็ไม่ได้ คอยแต่จะกินอย่างเดียว" ปากก็พูดต่อว่า แต่มือก็หยิบขนมในถุงโยนไปใส่ฝูงปลาในสระ ทำให้เขาเพิ่งรู้เดียวนี้เองว่าถุงที่คิดว่าเป็นขนมนั่น ที่จริงเป็นอาหารของบรรดาปลาในสระ และปลาในสระก็มีเยอะมากจนกลัวว่ามันจะว่ายชนกันจนหัวแตกหรือเปล่าก็ตอนนี้เอง "เอาไปเลย กินให้อิ่มล่ะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าให้ใครมาจับไปลงหม้อได้ล่ะ มาเลยเร็ว ๆ มากินให้หมด เค้าต้องรีบไปจัดการอีกหลายเรื่อง" คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโชว์รูปร่างให้ชายหนุ่มได้เห็น ส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้หญิงควรมีเธอผู้นี้มีอยู่ครบ หญิงสาวเทอาหารปลาในถุงลงน้ำจนหมดรวดเดียว
"ไอ้จ๋าย สู้เว้ย" เป็นประโยคสุดท้ายที่หญิงสาวพูดพร้อมกำมือยกขึ้นระดับอก เหมือนอยากจะปลุกพลังและเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนจะขยำถุงใส่อาหารปลาในมือแล้วเอาไปใส่ถังขยะ ปัดเศษอาหารปลาจากมือทั้งสองข้างก่อนเดินจากไปอย่างเร่งรีบ การกระทำของหญิงสาวทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่มองตามไปอย่างไม่อาจจะละสายตา กว่าเขาจะหลุดออกจากภวังค์ได้ก็ต่อเมื่อสาวน้อยคนนั้นลับสายตาเขาไปแล้ว เขาจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"เจมส์ ฉันอยากได้ข้อมูลของผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกไป" จบประโยคก็กดตัดสาย ไม่ทันให้ปลายสายได้ซักถามอะไรเพิ่ม ก่อนจะเปิดสมุดในมือขึ้นมาขีดเขียนรูปเครื่องประดับไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น
โรงพยาบาล:
ทางฝั่งของหญิงสาวหลังจากที่ไปสงบจิตใจ เรียกสติของตัวเองเข้าร่างแล้วตอนนี้เธอรีบวิ่งกลับเข้ามาจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ นี้ต่อ
"ไอ้จ๋าย แกไปไหนมา ..ฮือ..ฮือ...ฉันมาถึงโรงพยาบาลแล้วไม่เจอแกตกใจแทบแย่ ทะ..โทรศัพท์ก็ดันปิดด้วย..ฮึก..ไอ้บ้านี่ รู้ไหม ฉะ..ฉันตกใจแทบแย่ กลัวแกจะคิดสั้นจะตายแล้ว..ฮือ..ฮือ.." ทันทีที่ร่างเล็กเดินผ่านประตูอัตโนมัติของโรงพยาบาลเข้ามา ร่างบอบบางอีกร่างก็กระโจนเข้ากอดเธอทันที พร้อมกับคำต่อว่ามากมายที่ออกมาแบบกระท่อนกระแท่นพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
"โอ๋.....ไม่เป็นไรนะ ฉันกลับมาแล้ว ขวัญเอ๋ย..ขวัญมา" สองมือที่โอบกอดเพื่อนรักก็ลูบหลังปลอบโยนเพื่อนไปด้วยพลาง ๆ จนเพื่อนสาวของตนเองสะอื้นน้อยลงนั่นล่ะ จึงเริ่มได้สติอีกครั้ง "ไอ้บุ้ง เราจะสลับกันไปหน่อยรึเปล่าวะ แกต้องเป็นคนปลอบฉันไม่ใช่เหรอ?" จรีภรณ์ดันเพื่อนออกห่างจากตัวเล็กน้อย ให้พอมองหน้ากันเห็นได้อย่างชัดเจน จนบุ้งหรืออารดา เพื่อนรักของตนเองได้สติกลับมาเช่นกัน
"เออว่ะ แต่แกทำฉันใจหายจริง ๆ นี่หว่า แล้วแกหายไปไหนมา ฉันตามหาแกจนทั่วโรงพยาบาลแล้วไม่เจอแกน่ะ จนต้องโทรไปตามพี่บิ๊กให้มาช่วยหาอีกคนแล้ว นี่ก็กำลังมาอยู่น่ะ" บุ้งพูดพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้งมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ ที่เกิดเรื่องร้ายขึ้นมากมายในคราวเดียวกัน
"ฉันไปเรียกสติเข้าร่างมาว่ะ มันมึนไปหมดไม่รู้จะเริ่มด้วยอะไรก่อน เลยขอไปตั้งสติมาแป๊บ" จรีภรณ์บอกเล่าให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงหม่นเศร้า แม้ว่าจะฝืนแสดงความเข้มแข็งออกมาให้เพื่อนเห็นแล้วแต่ก็ยังคงปกปิดความเศร้าของตนเองไม่ได้อยู่ดี
"งั้นตอนนี้ไปตั้งสติมาแล้ว ได้ว่าไงบ้าง จะเริ่มจากไหนก่อนบอกมา ฉันจะช่วยแกเอง เดี๋ยวพี่บิ๊กมาอีกคน แกไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวนะโว้ย แกยังมีฉันมีพี่บิ๊ก มีป๊ากับม๊า แกบอกมาได้หมดว่าอยากให้ทำอะไร จัดการอะไรให้ ฉันจะเสกให้แกเอง" อารดาบอกเพื่อน พร้อมกับจับมือเพื่อนรักไว้แน่น อย่างต้องการจะส่งผ่านความอบอุ่นและกำลังใจไปให้ เท่านั้นล่ะความตื้นตันและซึ้งใจในตัวเพื่อนรักถูกตีขึ้นมาถึงดวงตาของหญิงสาวตัวเล็ก จนต้องเข้าสวมกอดเพื่อนไว้แน่นแล้วปล่อยให้สายธารแห่งความตื้นตันนั้นรินไหลออกมา ทั้งสองสาวยืนกอดกันร้องไห้อย่างไม่สนใจสายตาของใคร ๆ ที่ยืนมองมายังเธอ จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"เด็กขี้แยสองคน เลิกร้องไห้ได้แล้วครับ" ทั้งสองสาวผละออกจากกันแล้วหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงยาวสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว แล้วทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้ทั้งสองคนด้วยความเอ็นดูกับพฤติกรรมของสองสาวในขณะนี้
"พี่ว่าก่อนอื่นเราไปดูอาการของคุณย่าก่อนดีกว่า ออกจากไอซียูหรือยัง แล้วค่อยแวะไปดูหลานก่อนจะไปทำเรื่องรับศพของจุ๋ย" พี่บิ๊กหรืออาชาบอกเสต็ปของสิ่งที่ควรทำ จนทั้งสองสาวได้สติและรีบทำตาม
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เล่ห์รัก (กับดัก) จอมเผด็จการ ตอนที่ 2
- บทนำ https://pantip.com/topic/36171766
- ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/36183366
ตอน คุยกับปลา
สุดท้ายเอ็นริเก้ต้องพ่ายแพ้ให้กับความคิดของตนเองยอมปิดสมุดในมือลง คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับระเบิดทั้งสองลูกที่คุณแม่สุดที่รักทิ้งไว้ให้ เรื่องที่จะให้เข้าไปช่วยงานของที่บ้านยังพอฝืนใจไปทำให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบรรดาญาติ ๆ ที่ดูก็รู้ว่าว่าจ้องจะกอบโกยจากขุมสมบัตินี้ขนาดไหน ถึงแม้จะเป็นญาติห่าง ๆ ไม่ใช่ผู้สืบทอดโดยตรงอย่างเขา แต่คนเหล่านั้นก็หาได้สนใจไม่ นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พ่อของเขาไม่สามารถปล่อยมือจากบริษัทนี้ได้
แต่อย่างที่ว่าปัญหานี้ยังไม่เท่ากับปัญหาของตำแหน่งสะใภ้ของมาดามแห่งริเควซ่าที่ว่างอยู่ เขาจะไปหาที่ไหนล่ะ อยู่มาจน 33 ปีแล้วยังหาไม่ได้ กับเวลาแค่ 3 เดือนเขาจะไปหาที่ไหน หรือว่าจะลองเลือกจากคู่ขาของเขาสักคน แต่ก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะเอาตัวไปยึดติดกับผู้หญิงที่ผูกพันกันแต่บนเตียง พอหมดศึกรักก็จากกันไป แม้สาวสวยเหล่านั้นจะพยายามติดต่อผ่านคนสนิทของเขาเพื่อสานสัมพันธ์ต่อ แต่ว่าไม่เคยมีใครมีโอกาสถึงครั้งที่สาม เนื่องด้วยเขารู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหญิงสาวเหล่านั้นว่าต้องการเงินทอง ชื่อเสียง และเซ็กที่เร่าร้อนของเขาเสียมากกว่าความรักและภักดี คิดถึงตรงนี้ก็ต้องสลัดหัวเอาความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ออกไป พยายามทำสมองให้ว่างเพื่อความคิดดี ๆ เกี่ยวกับงานมาแทนที่ แต่แล้วความคิดนั้นก็เป็นอันต้องมลายหายไปอีก เมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของผู้หญิงลอยมากระทบโสตประสาทของเขาแผ่วเบา ชายหนุ่มพยายามมองหาต้นเสียงจนไปเจอกับหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ใกล้กับสระน้ำ ข้างตัวมีถุงใสใบใหญ่บรรจุขนมอยู่เต็มถุง
"ฮือ...ฮือ...อะ..ไอ้จ๋ายเอ๊ย จะมีใครซวยกว่าแกอีกไหม ..ฮือ.. ย่าเข้าไอซียู..ฮึก..พะ..พี่สาวตาย..ฮือ.ฮึก....มีละ..ลูกแบบไม่ตั้งใจ ตังค์ก็ต้องหา ฮือ..ฮือ..ฮือ..ฮึก..ฮือ.." เสียงเล็ก ๆ ที่พร่ำพรรณาถึงปัญหาของตัวเองออกมาขาดหายเป็นช่วง ๆ สลับกับเสียงสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ หญิงสาวก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบเข่าสองข้างของเธอจนกางเกงยีนส์สีซีด ๆ เก่า ๆ ของเธอเปียกเป็นดวง อย่างอยากจะระบายออกมาให้ลม ให้ฟ้าได้แบ่งเบาปัญหาจากเธอไปบ้าง เธอก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นจนร่างเล็กบอบบางสั่นไหวอยู่อย่างนั้น จนเป็นที่พอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าบ้าง
"พี่จุ๋ยสบายแล้วสิ....ฮือ..ฮึก..ฮึก..ดะ..ได้ไปอยู่กับพ่อกับแม่บนฟ้าแล้วนี่ ฮือ..ฮือ...ฮือ...ทิ้งจ๋ายไปเฉยเลย ฮือ..ฮือ..." เสียงประชดประชันที่ไม่จริงจังนัก
"พ่อจ๋า แม่จ๋า..ฮึก... เป็นกำลังใจให้จ๋ายผ่านช่วงเลวร้ายพวกนี้ไปให้ได้ด้วยนะคะ..ฮึก.." น้ำตาที่เคยไหลเปียกหัวเข่าของหญิงสาว บัดนี้ได้ไหลลงมาอาบแก้มนวลอมชมพูของเธอแทน เอ็นริเก้เห็นใบหน้าของเธอแต่เพียงด้านข้าง ยังทำให้หัวใจของเขากระตุกขึ้นมาได้ 'ทำไมเธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมดุจแก้วบางใสขนาดนี้' เขาไม่อาจจะละสายตาไปจากภาพหญิงสาวเบื้องหน้านี้ได้เลย ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผมตรงยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวอมชมพูใส่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นธรรมดา กางเกงยีนส์ขายาวขาด ๆ อย่างแฟชั่น และรองเท้าผ้าใบ ทุกอย่างดูธรรมดา แต่กลับไม่ธรรมดาเมื่ออยู่บนตัวเธอ ทุกอย่างดูจะลงตัวไปเสียหมด ชายหนุ่มมองภาพเบื้องหน้าอย่างเพลิดเพลินก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เมื่อเห็นหญิงสาวหันมาคุยกับฝูงปลาที่อยู่ในสระแทน มือก็เปิดถุงขนมข้างตัวไป พลางเช็ดน้ำตาบนแก้มของตัวเองไปด้วย 'นี่เขาตาไม่ฝาดใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้กำลังคุยเล่นกับปลา'
"อะไรของพวกแกล่ะ คนเค้าเศร้าอยู่นะ จะไม่สนใจกันเลยหรือไง ปลอบเค้าหน่อยก็ไม่ได้ คอยแต่จะกินอย่างเดียว" ปากก็พูดต่อว่า แต่มือก็หยิบขนมในถุงโยนไปใส่ฝูงปลาในสระ ทำให้เขาเพิ่งรู้เดียวนี้เองว่าถุงที่คิดว่าเป็นขนมนั่น ที่จริงเป็นอาหารของบรรดาปลาในสระ และปลาในสระก็มีเยอะมากจนกลัวว่ามันจะว่ายชนกันจนหัวแตกหรือเปล่าก็ตอนนี้เอง "เอาไปเลย กินให้อิ่มล่ะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าให้ใครมาจับไปลงหม้อได้ล่ะ มาเลยเร็ว ๆ มากินให้หมด เค้าต้องรีบไปจัดการอีกหลายเรื่อง" คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโชว์รูปร่างให้ชายหนุ่มได้เห็น ส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้หญิงควรมีเธอผู้นี้มีอยู่ครบ หญิงสาวเทอาหารปลาในถุงลงน้ำจนหมดรวดเดียว
"ไอ้จ๋าย สู้เว้ย" เป็นประโยคสุดท้ายที่หญิงสาวพูดพร้อมกำมือยกขึ้นระดับอก เหมือนอยากจะปลุกพลังและเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนจะขยำถุงใส่อาหารปลาในมือแล้วเอาไปใส่ถังขยะ ปัดเศษอาหารปลาจากมือทั้งสองข้างก่อนเดินจากไปอย่างเร่งรีบ การกระทำของหญิงสาวทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่มองตามไปอย่างไม่อาจจะละสายตา กว่าเขาจะหลุดออกจากภวังค์ได้ก็ต่อเมื่อสาวน้อยคนนั้นลับสายตาเขาไปแล้ว เขาจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"เจมส์ ฉันอยากได้ข้อมูลของผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกไป" จบประโยคก็กดตัดสาย ไม่ทันให้ปลายสายได้ซักถามอะไรเพิ่ม ก่อนจะเปิดสมุดในมือขึ้นมาขีดเขียนรูปเครื่องประดับไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น
โรงพยาบาล:
ทางฝั่งของหญิงสาวหลังจากที่ไปสงบจิตใจ เรียกสติของตัวเองเข้าร่างแล้วตอนนี้เธอรีบวิ่งกลับเข้ามาจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ นี้ต่อ
"ไอ้จ๋าย แกไปไหนมา ..ฮือ..ฮือ...ฉันมาถึงโรงพยาบาลแล้วไม่เจอแกตกใจแทบแย่ ทะ..โทรศัพท์ก็ดันปิดด้วย..ฮึก..ไอ้บ้านี่ รู้ไหม ฉะ..ฉันตกใจแทบแย่ กลัวแกจะคิดสั้นจะตายแล้ว..ฮือ..ฮือ.." ทันทีที่ร่างเล็กเดินผ่านประตูอัตโนมัติของโรงพยาบาลเข้ามา ร่างบอบบางอีกร่างก็กระโจนเข้ากอดเธอทันที พร้อมกับคำต่อว่ามากมายที่ออกมาแบบกระท่อนกระแท่นพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
"โอ๋.....ไม่เป็นไรนะ ฉันกลับมาแล้ว ขวัญเอ๋ย..ขวัญมา" สองมือที่โอบกอดเพื่อนรักก็ลูบหลังปลอบโยนเพื่อนไปด้วยพลาง ๆ จนเพื่อนสาวของตนเองสะอื้นน้อยลงนั่นล่ะ จึงเริ่มได้สติอีกครั้ง "ไอ้บุ้ง เราจะสลับกันไปหน่อยรึเปล่าวะ แกต้องเป็นคนปลอบฉันไม่ใช่เหรอ?" จรีภรณ์ดันเพื่อนออกห่างจากตัวเล็กน้อย ให้พอมองหน้ากันเห็นได้อย่างชัดเจน จนบุ้งหรืออารดา เพื่อนรักของตนเองได้สติกลับมาเช่นกัน
"เออว่ะ แต่แกทำฉันใจหายจริง ๆ นี่หว่า แล้วแกหายไปไหนมา ฉันตามหาแกจนทั่วโรงพยาบาลแล้วไม่เจอแกน่ะ จนต้องโทรไปตามพี่บิ๊กให้มาช่วยหาอีกคนแล้ว นี่ก็กำลังมาอยู่น่ะ" บุ้งพูดพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้งมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ ที่เกิดเรื่องร้ายขึ้นมากมายในคราวเดียวกัน
"ฉันไปเรียกสติเข้าร่างมาว่ะ มันมึนไปหมดไม่รู้จะเริ่มด้วยอะไรก่อน เลยขอไปตั้งสติมาแป๊บ" จรีภรณ์บอกเล่าให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงหม่นเศร้า แม้ว่าจะฝืนแสดงความเข้มแข็งออกมาให้เพื่อนเห็นแล้วแต่ก็ยังคงปกปิดความเศร้าของตนเองไม่ได้อยู่ดี
"งั้นตอนนี้ไปตั้งสติมาแล้ว ได้ว่าไงบ้าง จะเริ่มจากไหนก่อนบอกมา ฉันจะช่วยแกเอง เดี๋ยวพี่บิ๊กมาอีกคน แกไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวนะโว้ย แกยังมีฉันมีพี่บิ๊ก มีป๊ากับม๊า แกบอกมาได้หมดว่าอยากให้ทำอะไร จัดการอะไรให้ ฉันจะเสกให้แกเอง" อารดาบอกเพื่อน พร้อมกับจับมือเพื่อนรักไว้แน่น อย่างต้องการจะส่งผ่านความอบอุ่นและกำลังใจไปให้ เท่านั้นล่ะความตื้นตันและซึ้งใจในตัวเพื่อนรักถูกตีขึ้นมาถึงดวงตาของหญิงสาวตัวเล็ก จนต้องเข้าสวมกอดเพื่อนไว้แน่นแล้วปล่อยให้สายธารแห่งความตื้นตันนั้นรินไหลออกมา ทั้งสองสาวยืนกอดกันร้องไห้อย่างไม่สนใจสายตาของใคร ๆ ที่ยืนมองมายังเธอ จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"เด็กขี้แยสองคน เลิกร้องไห้ได้แล้วครับ" ทั้งสองสาวผละออกจากกันแล้วหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงยาวสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว แล้วทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้ทั้งสองคนด้วยความเอ็นดูกับพฤติกรรมของสองสาวในขณะนี้
"พี่ว่าก่อนอื่นเราไปดูอาการของคุณย่าก่อนดีกว่า ออกจากไอซียูหรือยัง แล้วค่อยแวะไปดูหลานก่อนจะไปทำเรื่องรับศพของจุ๋ย" พี่บิ๊กหรืออาชาบอกเสต็ปของสิ่งที่ควรทำ จนทั้งสองสาวได้สติและรีบทำตาม