29
คืนต่อมา...
ฉันเข้านอนเร็วกว่าปกติเพราะคิดถึงพี่บริงค์ใจจะขาดรอนๆ ฮ่าๆ เว่อร์ = =^ แต่จริงๆ นะ ฉันคิดถึงเขา ถึงกับยอมเสียสละไม่ดูละครน้ำเน่าเรื่องใหม่ที่เพิ่งออกอากาศวันนี้เลยล่ะ ก่อนขึ้นมาแม่ฉันก็ถามอีกด้วยความสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้ฉันถึงได้เข้านอนเร็วนัก และฉันก็ตอบไปเสมอว่าฉันง่วง ทั้งง่าย สั้น และเชื่อถือได้มากที่สุด อิอิ
“พี่บริงค์จ๋า เดี๋ยวนิกิมจะไปหาแล้วนะ คิคิ >///<” หลังจากที่ฉันสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยก็ล้มตัวนอนลงทันที
คร่อกกก zZz
ปิ๊ง!
ฉันลืมตาโพลง แล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความดีใจ
“พี่บริงค์! ^O^” ฉันเรียกเขาเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าคงตื่นขึ้นมาในอีกโลกหนึ่งแล้ว แต่ทว่า...
เงียบ...
ฉันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็พบแต่ความมืด บรรยากาศรอบๆ เงียบสงัด ที่นี่มันที่ไหน? ทำไมถึงไม่ใช่ห้องพี่บริงค์
ตึกๆๆ
“หือ?” ฉันหันไปมองทางต้นเสียงทันที เสียงฝีเท้าคนสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ใช่ ประตู...ฉันเห็นลางๆ
ประตูที่เป็นแบบธรรมดาท่ามกลางห้องสไตล์แปลกประหลาดที่มืดสลัวด้วยเพราะไฟไม่ได้เปิด ฉันทำหน้าพิอักพิอ่วนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องจนเหลือบไปเห็น...
“ถะ...ถุงยาง!”
แกร็ก ผั่วะ!
“เฮือก!”
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงพร้อมกับร่างของใครสองคนที่ฉันไม่ทันได้มองให้ชัดๆ ว่าเป็นใครเพราะมัวแต่ตกใจและรีบหาที่ซ่อนให้เร็วที่สุด โดยสมองของฉันได้สั่งให้ลงไปหลบซ่อนตัวอยู่ข้างเตียงของอีกฝั่ง เพราะถ้าหนีไปไหนไกล สองคนนั้นจะต้องเห็นฉันแน่ ให้ตายสิ นี่ฉันโผล่มาที่ไหนกันฟะเนี่ย? =O=lll
“อือ~ อืมมม” - -^ สะ...เสียงนี้มัน เสียงนี้มันเหมือน...??? ด้วยความอยากรู้ฉันจึงค่อยๆ ชะเง้อคอขึ้นดู และก็ต้องสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบมุดหัวหลบลงที่เดิมอีกครั้งเมื่อร่างสองร่างที่กอดรัดกันอย่างสวีวี้ดวิ่วได้ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรง เสียงพิศวาสพรอดรักของใครก็ไม่รู้ดังอยู่ใกล้ๆ ฉันนี่เอง ตะ...ตายแล้ว นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย
พรึ่บ
“O_O!” ฉันเบิกตาโตเมื่อเสื้อรึอะไรสักอย่างปลิวมาจากบนเตียงและก็ตกกองอยู่ใกล้ๆ เท้าฉัน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสื้อผ้าหลายตัวที่ถอดโยนถอดโยนอย่างไม่ใยดี ฉันเบิกตามองซากกางเกงเจี๊ยกๆ ที่ลอยเฉียดหน้าไปนิดหนึ่งด้วยความโมโห สักพักเสียงยั่วสวาทก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันทำให้ฉันทนไม่ไหว ฉันอยากเจอพี่บริงค์! ไม่ได้อยากมาดูเบื้องหลังหนังเอวีนะเฟ้ย!!!
พรวด!
“เฮือก!!! กรี๊ดดด แก...แกเป็นใครอ่ะ!?” ด้วยสายตาที่ปรับรับกับความมืดได้ดีแล้วทำให้ฉันมองชัดขึ้นท่ามกลางความมืด ฉันมองสองคนนั้นอย่างเหยียดๆ รู้สึกว่าขวางหูขวางตา และรู้สึกว่าขยะแขยงเต็มที
“บรึ๊ย! ขนลุก ไอ้พวกทุเรศ แหวะ ;P” ฉันทำตัวสั่นบรื้อเพื่อประกอบให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้
“เดี๋ยว ยัยเด็กบ้า! อย่าหนีนะ กลับมา!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงของผู้ชายคนนั้นดังตามไล่หลังมาจากม่านรูด ฉันวิ่งออกมาจนถึงหน้าโรงแรมแห่งนี้ก็มองหารถแท็กซี่ที่พอจะมีวิ่งผ่านบ้าง โอ๊ยยย ทำไมมันถึงไม่มีรถจอดรับสักคันเลยว้า
“ยัยเด็กจุ้น!”
เฮือก! O_O ฉันหันไปมองผู้ชายคนนั้นข้างหลังที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ใกล้เข้ามาอีก ใกล้เข้ามาแล้ว! และก็กำลังจะเข้ามาบีบคอฉัน เฮือกกก!!!
แว้บบบบ
“หือ?” ฉันรู้สึกว่าตัวเองขนลุกซู่ และร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้ ฉันยกมือตัวเองขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง
“ตี๋เล็ก! แกอย่าหนีนะ” เสียงของตำรวจที่กำลังวิ่งไล่คนที่ชื่อตี๋เล็กตะโกนแหกปากลั่นเพื่อให้ชายคนนั้นหยุด ทว่าเขากลับไม่หยุด ยังคงวิ่งหน้าตั้งต่อไปพร้อมปืนหนึ่งกระบอกในมือที่ไม่ยอมใช้ยิงขู่สกัดกั้นตำรวจอย่างที่ควรจะทำ
ปัง!!!
“หยุดหนีได้แล้วไอ้ตี๋เล็ก! แกยอมมอบตัวกับพวกเราซะดีๆ เถอะ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้!” ฉันที่ยืนจังก้าอยู่กลางถนน เบิกตามองนายตี๋เล็กหน้าหนวดที่มองฉันแล้ววิ่งเข้าใส่ ง่ะ...นี่อย่าบอกนะว่าแกจะ...
ควับ!
“หยุดนะพวกแก ไอ้โพลิสหน้าเงิน! ถ้าขืนยังตามข้ามาอีก อีนังนี่ตายแน่!!!”
“หา! O[]O” ฉันอ้าปากค้างมองตำรวจนับสิบที่ชะงักกึกทันที โอว ไม่นะ ไอ้ตี๋เล็ก...แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ! ฉันชำเลืองมองปืนแข็งๆ สีดำที่จ่อขมับฉันอย่างแนบสนิท มันจะยิ่งดันเข้ามาชิดกับสมองของฉันถ้าหากตำรวจคนใดคนหนึ่งแสดงพิรุธให้เห็น
“แก...แกอย่าทำร้ายผู้หญิงนะ หล่อนไม่เกี่ยวอะไรด้วย ปล่อยตัวหล่อนซะ นะ” ตำรวจคนหน้าสุดที่ฉันคิดว่าน่าจะใหญ่สุดในนี้เอ่ยเกลี้ยกล่อมนายตี๋เล็กด้วยน้ำเสียงที่ผิดไปจากก่อนหน้านี้มาก
“หึๆ” นายตี๋เล็กหัวเราะในลำคออย่างเหยียดๆ
“ปล่อยก็โง่สิวะ! นี่จะบอกอะไรให้นะคุณตำรวจ ข้าไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีสกปรกๆ แบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่ข้าเป็นโจรมา แต่พวกแก! พวกแกใส่ร้ายโจรอย่างข้าว่าไปปล้นบ้านไอ้อธิบดีนั่น! ทั้งที่ข้าไม่ได้ทำ หมดแล้วโว้ย จรรยาบรรณของคนเป็นโจรอย่างข้า คราวนี้ล่ะ...ข้าจะกลายเป็นโจรชั่วช้าต่ำทรามอย่างที่พวกแกต้องการ...ตายซะเถอะ!”
“เฮือก! O_O” ฉันเบิกตาโตแล้วรู้สึกว่าปืนที่จ่อขมับอยู่จะยิ่งดันให้แนบเข้ามามากกว่าเดิม ฮึก ไม่นะ อย่า!!!
ปัง!!!
เฮือกกก ก!
ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที นึกถึงภาพตัวเองที่กำลังจะถูกยิงก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป และกลับทำให้ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกซะอย่างนั้น นี่...นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงได้ฝันเละเทะแบบนี้? แล้ว...แล้วทำไมถึงไม่โผล่ขึ้นมาในห้องพี่บริงค์ โอ...ไม่นะ นี่อย่าบอกนะว่าฉัน...
“ทำไงดี” ฉันครางกับตัวเองพลางกุมหน้าผากไว้อย่างทุกข์ใจ นี่ถ้าเกิดฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้ เวลาที่ขาดช่วงไประหว่างอดีตกับปัจจุบันจะห่างไกลกันมาก ไม่แน่ตอนนี้พี่บริงค์อาจจะรอฉันอยู่ก็ได้ ไม่แน่พี่บริงค์อาจจะลุกขึ้นไปทำงานแล้วก็ได้ แต่...มันไม่สำคัญ เรื่องนั้นน่ะมันไม่สำคัญ! โอ๊ย เครียดจังเลยนิกิม ทำไมเธอถึงได้เป็นอย่างนี้นะ เธอสวดมนต์ครบจบบทรึเปล่านะยัยนิกิม โอ๊ยยยย! เครียดๆๆ
และคืนต่อๆ มา ฉันก็ฝันว่าโผล่ขึ้นมาที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ห้องพี่บริงค์ หลากหลายสถานที่ที่ฉันไม่เคยเห็น บางทีก็เหมือนหลุดเข้ามาในหนังบู๊ยังไงไม่รู้ บางทีก็โผล่ขึ้นมากลางละครเวทีซะอย่างนั้น! บ้า! บ้าไปแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้ ทำไม!
“นิกิมลูก” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแม่ที่เดินมาหาฉันที่ชิงช้าหน้าบ้านด้วยสายตาที่ห่วงใยก่อนจะก้มหน้าลงมองต้นหญ้าเล็กๆ ใต้ฝ่าเท้าอีกครั้งเหมือนเดิม แม่ยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยและเจือปนไปด้วยความกังวล
“เป็นอะไรไปลูก ทำไมพักนี้ถึงได้ซึมๆ จัง ดูสิ ดูหน้าตาเราตอนนี้สิ...หมองไปหมดแล้วลูกเอ๊ย มีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็บอกแม่สิ อย่าเก็บไว้คนเดียว แม่เป็นแม่ของลูกนะ...ยังจำได้อยู่รึเปล่า” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแม่อีกครั้งแล้วถึงกับน้ำตาร่วง
“แม่” ฉันเรียกแม่เสียงเครือก่อนจะโผเข้ากอดรอบตัวแม่แล้วซบหน้าร้องไห้กับอกแม่อย่างปิดไม่อยู่ น้ำตามันไหลอาบแก้มและเสียงสะอื้นฮักๆ ทำให้ฉันพูดไม่ถนัดและเกิดรำคาญตัวเองขึ้นมาอย่างหนัก แต่แม่ก็ยังลูบหัวฉันอย่างปลอบโยน
“แม่...แม่จ๋า ฮึกๆ หนู...หนูรักเขา หนู...ฮึกๆ หนูรักเขา ฮือๆ หนูอยากเจอเขา หนูอยากกลับไปหาเขา ฮือๆ ฮึก...ผู้ชายคนนั้นที่หนู...ที่หนูเคยถามแม่ว่าเคยฝันถึงผู้ชายในฝันบ้างไหม ฮึกๆ เขา...เขาคนนั้นของหนู เขา...ฮือออ หนูฝันถึงเขาไม่ได้อีกแล้ว แม่” ฉันปล่อยโฮเสียงดังลั่นจนนายบัสที่เดินผ่านมาต้องรีบวิ่งเข้ามาดูฉันแล้วเอ่ยด้วยความตกใจ
“คุณน้า เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”
“แม่...ฮือๆๆ” แต่ฉันยังคงร้องไห้โฮต่อไปโดยไม่ปล่อยให้ที่พึ่งอย่างแม่หันไปคุยกับใครทั้งนั้น แม่ไม่พูดอะไรได้แต่ลูบหัวฉันไปมา ตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรที่ดังไปกว่าเสียงร้องไห้ของฉันแล้ว ฉัน...ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ฮือๆๆ
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 29]
คืนต่อมา...
ฉันเข้านอนเร็วกว่าปกติเพราะคิดถึงพี่บริงค์ใจจะขาดรอนๆ ฮ่าๆ เว่อร์ = =^ แต่จริงๆ นะ ฉันคิดถึงเขา ถึงกับยอมเสียสละไม่ดูละครน้ำเน่าเรื่องใหม่ที่เพิ่งออกอากาศวันนี้เลยล่ะ ก่อนขึ้นมาแม่ฉันก็ถามอีกด้วยความสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้ฉันถึงได้เข้านอนเร็วนัก และฉันก็ตอบไปเสมอว่าฉันง่วง ทั้งง่าย สั้น และเชื่อถือได้มากที่สุด อิอิ
“พี่บริงค์จ๋า เดี๋ยวนิกิมจะไปหาแล้วนะ คิคิ >///<” หลังจากที่ฉันสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยก็ล้มตัวนอนลงทันที
คร่อกกก zZz
ปิ๊ง!
ฉันลืมตาโพลง แล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความดีใจ
“พี่บริงค์! ^O^” ฉันเรียกเขาเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าคงตื่นขึ้นมาในอีกโลกหนึ่งแล้ว แต่ทว่า...
เงียบ...
ฉันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็พบแต่ความมืด บรรยากาศรอบๆ เงียบสงัด ที่นี่มันที่ไหน? ทำไมถึงไม่ใช่ห้องพี่บริงค์
ตึกๆๆ
“หือ?” ฉันหันไปมองทางต้นเสียงทันที เสียงฝีเท้าคนสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ใช่ ประตู...ฉันเห็นลางๆ
ประตูที่เป็นแบบธรรมดาท่ามกลางห้องสไตล์แปลกประหลาดที่มืดสลัวด้วยเพราะไฟไม่ได้เปิด ฉันทำหน้าพิอักพิอ่วนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องจนเหลือบไปเห็น...
“ถะ...ถุงยาง!”
แกร็ก ผั่วะ!
“เฮือก!”
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงพร้อมกับร่างของใครสองคนที่ฉันไม่ทันได้มองให้ชัดๆ ว่าเป็นใครเพราะมัวแต่ตกใจและรีบหาที่ซ่อนให้เร็วที่สุด โดยสมองของฉันได้สั่งให้ลงไปหลบซ่อนตัวอยู่ข้างเตียงของอีกฝั่ง เพราะถ้าหนีไปไหนไกล สองคนนั้นจะต้องเห็นฉันแน่ ให้ตายสิ นี่ฉันโผล่มาที่ไหนกันฟะเนี่ย? =O=lll
“อือ~ อืมมม” - -^ สะ...เสียงนี้มัน เสียงนี้มันเหมือน...??? ด้วยความอยากรู้ฉันจึงค่อยๆ ชะเง้อคอขึ้นดู และก็ต้องสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบมุดหัวหลบลงที่เดิมอีกครั้งเมื่อร่างสองร่างที่กอดรัดกันอย่างสวีวี้ดวิ่วได้ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรง เสียงพิศวาสพรอดรักของใครก็ไม่รู้ดังอยู่ใกล้ๆ ฉันนี่เอง ตะ...ตายแล้ว นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย
พรึ่บ
“O_O!” ฉันเบิกตาโตเมื่อเสื้อรึอะไรสักอย่างปลิวมาจากบนเตียงและก็ตกกองอยู่ใกล้ๆ เท้าฉัน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสื้อผ้าหลายตัวที่ถอดโยนถอดโยนอย่างไม่ใยดี ฉันเบิกตามองซากกางเกงเจี๊ยกๆ ที่ลอยเฉียดหน้าไปนิดหนึ่งด้วยความโมโห สักพักเสียงยั่วสวาทก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันทำให้ฉันทนไม่ไหว ฉันอยากเจอพี่บริงค์! ไม่ได้อยากมาดูเบื้องหลังหนังเอวีนะเฟ้ย!!!
พรวด!
“เฮือก!!! กรี๊ดดด แก...แกเป็นใครอ่ะ!?” ด้วยสายตาที่ปรับรับกับความมืดได้ดีแล้วทำให้ฉันมองชัดขึ้นท่ามกลางความมืด ฉันมองสองคนนั้นอย่างเหยียดๆ รู้สึกว่าขวางหูขวางตา และรู้สึกว่าขยะแขยงเต็มที
“บรึ๊ย! ขนลุก ไอ้พวกทุเรศ แหวะ ;P” ฉันทำตัวสั่นบรื้อเพื่อประกอบให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้
“เดี๋ยว ยัยเด็กบ้า! อย่าหนีนะ กลับมา!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงของผู้ชายคนนั้นดังตามไล่หลังมาจากม่านรูด ฉันวิ่งออกมาจนถึงหน้าโรงแรมแห่งนี้ก็มองหารถแท็กซี่ที่พอจะมีวิ่งผ่านบ้าง โอ๊ยยย ทำไมมันถึงไม่มีรถจอดรับสักคันเลยว้า
“ยัยเด็กจุ้น!”
เฮือก! O_O ฉันหันไปมองผู้ชายคนนั้นข้างหลังที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ใกล้เข้ามาอีก ใกล้เข้ามาแล้ว! และก็กำลังจะเข้ามาบีบคอฉัน เฮือกกก!!!
แว้บบบบ
“หือ?” ฉันรู้สึกว่าตัวเองขนลุกซู่ และร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้ ฉันยกมือตัวเองขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง
“ตี๋เล็ก! แกอย่าหนีนะ” เสียงของตำรวจที่กำลังวิ่งไล่คนที่ชื่อตี๋เล็กตะโกนแหกปากลั่นเพื่อให้ชายคนนั้นหยุด ทว่าเขากลับไม่หยุด ยังคงวิ่งหน้าตั้งต่อไปพร้อมปืนหนึ่งกระบอกในมือที่ไม่ยอมใช้ยิงขู่สกัดกั้นตำรวจอย่างที่ควรจะทำ
ปัง!!!
“หยุดหนีได้แล้วไอ้ตี๋เล็ก! แกยอมมอบตัวกับพวกเราซะดีๆ เถอะ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้!” ฉันที่ยืนจังก้าอยู่กลางถนน เบิกตามองนายตี๋เล็กหน้าหนวดที่มองฉันแล้ววิ่งเข้าใส่ ง่ะ...นี่อย่าบอกนะว่าแกจะ...
ควับ!
“หยุดนะพวกแก ไอ้โพลิสหน้าเงิน! ถ้าขืนยังตามข้ามาอีก อีนังนี่ตายแน่!!!”
“หา! O[]O” ฉันอ้าปากค้างมองตำรวจนับสิบที่ชะงักกึกทันที โอว ไม่นะ ไอ้ตี๋เล็ก...แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ! ฉันชำเลืองมองปืนแข็งๆ สีดำที่จ่อขมับฉันอย่างแนบสนิท มันจะยิ่งดันเข้ามาชิดกับสมองของฉันถ้าหากตำรวจคนใดคนหนึ่งแสดงพิรุธให้เห็น
“แก...แกอย่าทำร้ายผู้หญิงนะ หล่อนไม่เกี่ยวอะไรด้วย ปล่อยตัวหล่อนซะ นะ” ตำรวจคนหน้าสุดที่ฉันคิดว่าน่าจะใหญ่สุดในนี้เอ่ยเกลี้ยกล่อมนายตี๋เล็กด้วยน้ำเสียงที่ผิดไปจากก่อนหน้านี้มาก
“หึๆ” นายตี๋เล็กหัวเราะในลำคออย่างเหยียดๆ
“ปล่อยก็โง่สิวะ! นี่จะบอกอะไรให้นะคุณตำรวจ ข้าไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีสกปรกๆ แบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่ข้าเป็นโจรมา แต่พวกแก! พวกแกใส่ร้ายโจรอย่างข้าว่าไปปล้นบ้านไอ้อธิบดีนั่น! ทั้งที่ข้าไม่ได้ทำ หมดแล้วโว้ย จรรยาบรรณของคนเป็นโจรอย่างข้า คราวนี้ล่ะ...ข้าจะกลายเป็นโจรชั่วช้าต่ำทรามอย่างที่พวกแกต้องการ...ตายซะเถอะ!”
“เฮือก! O_O” ฉันเบิกตาโตแล้วรู้สึกว่าปืนที่จ่อขมับอยู่จะยิ่งดันให้แนบเข้ามามากกว่าเดิม ฮึก ไม่นะ อย่า!!!
ปัง!!!
เฮือกกก ก!
ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที นึกถึงภาพตัวเองที่กำลังจะถูกยิงก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป และกลับทำให้ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกซะอย่างนั้น นี่...นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงได้ฝันเละเทะแบบนี้? แล้ว...แล้วทำไมถึงไม่โผล่ขึ้นมาในห้องพี่บริงค์ โอ...ไม่นะ นี่อย่าบอกนะว่าฉัน...
“ทำไงดี” ฉันครางกับตัวเองพลางกุมหน้าผากไว้อย่างทุกข์ใจ นี่ถ้าเกิดฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้ เวลาที่ขาดช่วงไประหว่างอดีตกับปัจจุบันจะห่างไกลกันมาก ไม่แน่ตอนนี้พี่บริงค์อาจจะรอฉันอยู่ก็ได้ ไม่แน่พี่บริงค์อาจจะลุกขึ้นไปทำงานแล้วก็ได้ แต่...มันไม่สำคัญ เรื่องนั้นน่ะมันไม่สำคัญ! โอ๊ย เครียดจังเลยนิกิม ทำไมเธอถึงได้เป็นอย่างนี้นะ เธอสวดมนต์ครบจบบทรึเปล่านะยัยนิกิม โอ๊ยยยย! เครียดๆๆ
และคืนต่อๆ มา ฉันก็ฝันว่าโผล่ขึ้นมาที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ห้องพี่บริงค์ หลากหลายสถานที่ที่ฉันไม่เคยเห็น บางทีก็เหมือนหลุดเข้ามาในหนังบู๊ยังไงไม่รู้ บางทีก็โผล่ขึ้นมากลางละครเวทีซะอย่างนั้น! บ้า! บ้าไปแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้ ทำไม!
“นิกิมลูก” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแม่ที่เดินมาหาฉันที่ชิงช้าหน้าบ้านด้วยสายตาที่ห่วงใยก่อนจะก้มหน้าลงมองต้นหญ้าเล็กๆ ใต้ฝ่าเท้าอีกครั้งเหมือนเดิม แม่ยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยและเจือปนไปด้วยความกังวล
“เป็นอะไรไปลูก ทำไมพักนี้ถึงได้ซึมๆ จัง ดูสิ ดูหน้าตาเราตอนนี้สิ...หมองไปหมดแล้วลูกเอ๊ย มีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็บอกแม่สิ อย่าเก็บไว้คนเดียว แม่เป็นแม่ของลูกนะ...ยังจำได้อยู่รึเปล่า” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแม่อีกครั้งแล้วถึงกับน้ำตาร่วง
“แม่” ฉันเรียกแม่เสียงเครือก่อนจะโผเข้ากอดรอบตัวแม่แล้วซบหน้าร้องไห้กับอกแม่อย่างปิดไม่อยู่ น้ำตามันไหลอาบแก้มและเสียงสะอื้นฮักๆ ทำให้ฉันพูดไม่ถนัดและเกิดรำคาญตัวเองขึ้นมาอย่างหนัก แต่แม่ก็ยังลูบหัวฉันอย่างปลอบโยน
“แม่...แม่จ๋า ฮึกๆ หนู...หนูรักเขา หนู...ฮึกๆ หนูรักเขา ฮือๆ หนูอยากเจอเขา หนูอยากกลับไปหาเขา ฮือๆ ฮึก...ผู้ชายคนนั้นที่หนู...ที่หนูเคยถามแม่ว่าเคยฝันถึงผู้ชายในฝันบ้างไหม ฮึกๆ เขา...เขาคนนั้นของหนู เขา...ฮือออ หนูฝันถึงเขาไม่ได้อีกแล้ว แม่” ฉันปล่อยโฮเสียงดังลั่นจนนายบัสที่เดินผ่านมาต้องรีบวิ่งเข้ามาดูฉันแล้วเอ่ยด้วยความตกใจ
“คุณน้า เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”
“แม่...ฮือๆๆ” แต่ฉันยังคงร้องไห้โฮต่อไปโดยไม่ปล่อยให้ที่พึ่งอย่างแม่หันไปคุยกับใครทั้งนั้น แม่ไม่พูดอะไรได้แต่ลูบหัวฉันไปมา ตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรที่ดังไปกว่าเสียงร้องไห้ของฉันแล้ว ฉัน...ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ฮือๆๆ