สวัสดีคะเพื่อนๆในพันทิฟทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนี้เป็นกระทู้แรกที่หัดเขียน ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เริ่ม!...วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปเรียนภาษา และทำงานพาร์ทไทม์ที่ประเทศนิวซีแลนด์มา เป็นเวลา 1 ปี จะบอกว่าเป็นประสบการ์ณ์ที่ดีมากๆในชีวิตที่ไม่มีวันลืมเลยคะ เลยอยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆฟังกัน เผื่อใครสนใจจะไป มีอะไรปรึกษาได้นะคะ เราเชียร์เต็มทีเลย.. คือมันดีอะแก!
เข้าเรื่อง..คือเราใฝ่ฝันอยากที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ไปใช้ชีวิต ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของต่างชาติ (และหนุ่มๆต่างชาติ 555+) เลยคุยและปรึกษาแม่เพื่อขอไปเรียนภาษา เพราะคิดว่าตอนนี้ ภาษามันสำคัญมากๆในการชีวิตการทำงาน ตอนแรกๆเลยเราคิดว่าอยากจะไปประเทศอเมริกา ซึ่งหลายๆคงอยากไปเช่นกัน แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงคนเดียว และอเมริกาค่อนข้างอันตราย แม่จึงไม่อนุญาติ แต่พอดีคนรู้จักแม่ เคยคิดที่จะไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ แล้วแกก็ศึกษาข้อมูลมาพอสมควร ว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่เงียบสงบ ธรรมชาติ ไม่ค่อยมีสิ่งบรรเทิงยั่วยุ เหมาะสำหรับการเรียนการศึกษา แกเลยให้เบอร์พี่คนหนึ่งที่คอยดูแลให้คำปรึกษาด้านนี้
ชื่อพี่วิลลค่ะ แกก็ให้คำปรึกษาต่างๆ ถามว่าเราอยากเรียนโรงเรียนแบบไหน แพงหรือถูก คนไทยเยอะหรือน้อย เราเลือกได้หมด คือพี่เค้าดี ไม่เน้นเอาราคาแพงอย่างเดียว ถามความต้องการตลอด พี่เค้าก็ให้ตัวเลือกมา 3 ที ราคาก็ไล่ๆกัน แล้วเราก็มาตกที่ Languages International School เป็นโรงเรียนที่ติดท๊อปๆของ Auckland เลยคะ ทำเลดีมากๆ ติดกับ Albert Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ และร่มรื่นมากๆในเมือง และสวยมากๆ พอจัดแจงเลือกที่เรียนได้เสร็จ เราก็ทำการกรอกรายละเอียดและสแกนไปให้พี่เค้า เพื่อส่งให้กับโรงเรียน แล้วโรงเรียนก็จะส่งใบรายละเอียดค่าเทอม+ประกันชีวิต+โฮมสเตย์ 1 เดือนคะ (เราจะเลือกอยู่โฮมสเตย์หรืออพาร์เม้นก็ได้คะ แล้วแต่เรา แต่เดือนแรก เราอยากไปสัมผัสวัฒนธรรมจริงๆของคนประเทศนิวซีแลน์ เราเลยเลือกที่จะลองอยู่ 1 เดือนคะ แต่หลังจากนั่น เราจะต่อ หรือย้ายออก เราติดต่อทางโรงเรียนโดยตรงได้เลยคะ) พอได้ใบค่าเทอมมา เราก็ทำการโอนผ่านทางธนาคารไทยไปยังบัญชีของโรงเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์โดยตรงเลยคะ โดยที่ไม่ผ่านเอเจ้นท์เลย หลังจากนั่นรอใบเสร็จ ก็นำใบเสร็จไปยื่นทำวีซ่าได้เลยคะ ทางพี่วิลล์เค้าจะช่วยเราจัดการ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกเหนือค่าทำวีซ่าและค่าวินมอไซค์ไปส่งเอกสาร (หรือเราจะไปยื่นเอกสารเองก็ได้ค่ะ ที่สถานทูตนิวซีแลนด์) หลังจากนั่นก็ชิวๆรอพาสปอตกับวีซ่ามาส่งถึงบ้านคะ สำหรับเราเร็วมากๆคะ แค่ 1 อาทิตย์ ก็ได้แล้ว แล้วก็รอถึงที่วันเดินทางคะ....
ต่อนะคะ...เราทำการจองตั๋วเครื่องบินของการบินไทยทั้งไปและกลับ (จะต้องจองกลับด้วยนะคะ เพราะไม่งั้นจะมีปันหาการทำวีซ่า และเข้าประเทศคะ) และการบินไทยเป็นสายการบินตรง ที่ไม่ต้องต่อเครื่อง ราคาก็ค่อนข้างจะแพงหน่อยคะ (บางช่วงมีโปรถูกคะ แต่ส่วนมาจะมีอายุแค่เดือนเดียว) แต่ถ้าเราอยากได้ราคาถูกหน่อย ก็หาแบบต่อเครื่องได้คะ แต่เราไม่กล้าพอ กลัวหลง กลัวตกเครื่อง 555+
พอถึงวันเดินทางคะ ครอบครัวและเพื่อนก็มาส่ง เราก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก พอได้เข้าไปในเกต ขึ้นเครื่องไปนึกในใจ เราจะไปจริงๆหรือเนี่ย เราจะอยู่ได้ไหม ที่นั่นเป็นยังไง จะหาคนมารับเราเจอไหม กังวลมากๆ แล้วน้ำตาก็คลอ (เรากลับมานึก ยังขำ และนับถือถึงความกล้าตัวเองที่ไปคนเดียวเลย ไม่มีเพื่อนหรือใครไปด้วย แถมภาษาอังกฤษก็ง่อย ไม่เก่งมาก)
11-12 ชั่วโมงผ่านไปค่ะ และนี้คือวิวแรกที่เราได้เจอบนเครื่องบนคะ สวยมากๆ เหมือนที่เค้าว่าขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติเลย

พอลงจากเครื่อง ก็เดิมตามๆกันไป แอบบอกว่าด่านตรวจที่นิวซีแลนด์แอบโหดนิดนึ่งคะ หลายชั้น ไปด่านแรก เราไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร เราต้องเข้าไปพบคนตรวจที่ละคน หรือถ้าไปด้วยกันก็เดินเข้าไปพร้อมกันได้คะ เค้าก็จะเช็คใบที่เรากรอกๆและถามๆ อีนี่งงคะ ได้แค่ เยส โน โอเค เกือบไม่ได้ผ่าน ถึงตอนนี้ก็จำไม่ได้มากว่าเค้าถามว่าอะไรบ้าง จำได้อันเดียวคือมาทำอะไร ก็บอกว่ามาเรียนภาษา แล้วก็ผ่านไปแบบงงๆคะ 555+
พอผ่านไปเราก็ไปรับกระเป๋าคะ อยากจะบอกว่า ขนไปเยอะมากๆ ของกินของใช้ก็เกือบ 20 โลแล้ว (พอชั่งน้ำหนักเกิน จนต้องขนพวกเครื่องปรุงบางอย่างออกคะ ฮ่าๆ เอาจริงๆ พวกของใช้เอาไปที่จำเป็น ที่เหลือไปหาซื้อที่นู่นได้คะ ไม่แพงเท่าไหร่) คือเตรียมพร้อมกันอดตายมากๆ

จากที่เห็นในรูป จะรู้ว่าเยอะมากจริงๆ กระเป๋าเล็กๆสะพานขึ้นเครื่อง ถือเป็นกระเป๋าส่วนตัว ไม่นับชั่งคะ แต่ถ้าชั่งจริงๆสิบกว่าโล พวกหนักสือ สมุด ไอแพดเตรียมไป หนักมากกก ส่วนกระเป๋าผ้า เป็นกระเป๋าที่เอาขึ้นเครื่องได้ 7 โล จริงๆเกินมานิดหน่อยเค้าอนุโลมคะ (ตอนลากมาขึ้นเครื่องทุละทุกเลมาก แต่สรุปก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ใจดี เอาไปโหลดให้ฟรีคะ) ส่วนกล่องลังคืออาหารล้วนๆ พวกเครื่องปรุง ของกินทั้งหลาย และกล่องนี้คือเจ้าปันหาคะ!
กระเป๋าทยอยออกมาตามสายพาน ทุกคนก็ทยอยมาหยิบกระเป๋า เราก็ไปเอารถเข็นมารอรับ กระเป๋าเราทยอยออกมา แต่!! กล่องไม่ออกมา คิดในใจ ตายแล้ว ทำไงดี จะติดต่อ จะคุยกับใครยังไงดี จนทุกคนทยอยมาเอาของไปเกือบหมด ซึ่งเรารอนานมากๆเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าได้ กระเป๋าในสายพานก็เหลือน้อยแล้ว ตอนนั้นในใจกลัวมาก เพราะกลัวคนที่รอรับไม่รอเรา เพราะนานเกิน กลัวเค้าคิดว่าเราไม่ผ่านตม. จะทำไงดี หรือกล่องไม่ผ่าน จะทิ้งกล่องดีไหม หรือยังไง ก็เลยพยายามล๊อคอินไวไฟและติดต่อพี่ที่ดูแล แต่ไวไฟจำกัดการใช้ ใช้ได้แบบเดียวก็ตัดคะ ยังไม่ทันจะได้คุยกันรู้เรื่อง สรุปเราก็ตัดสินใจรอคะ เพราะห่วงของกิน 555+ ผ่านไปสักพักกล่องก็ออกมา เรานี้รีบวิ่งไปยกออกและเช็คของ กล่องถูกเปิดคะ แต่ไม่น่าจะมีอะไรหาย พอได้กล่องกลับมาก็รีบเข็นรถเข็นออกไปเลยคะ
แต่...ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ ต้องออกไปอีกด่านเพื่อเช็คของในกระเป๋า เกี่ยวกับพวกสารเสพติด ของต้องห้ามและถ้าใครมีอาหาร ต้องไปอีกช่องเผื่อทำการเปิดกระเป๋าและตรวจรายละเอียดทั้งหมดคะ (แนะนำนะคะ ถ้าจะเอาอาหารไป แยกกล่องหรือกระเป๋าไว้เลย จะง่ายต่อการตรวจคะ ส่วนกระเป๋าไหนไม่มีอาหาร ก็แค่ผ่านเครื่องสแกนแค่นั้น แต่ระวังนะคะ ห้ามพกของสดทุกอย่างไป เพราะถ้าโดนค่าปรับจะหนาวได้ แพงมากกกกคะ)
ของเราเปิดสองใบคะ ค่อยข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เพราะเค้ารื้อหมด เหนื่อยเวลาเก็บคะ 555+ (ควรมีฉลากภาษาอังกฤษแนบจะดีที่สุด) ส่วนใบไหนไม่เปิดก็เข้าเครื่องสแกนคะ กระเป๋าผ้าเรามีปันหานิดหน่อย ตอนแรกเค้าถามแล้วว่ามีอาหารไหม เราก็บอกมี แต่เป็นมาม่าซองใหญ่ เค้าเลยไม่เปิดค่ะ แต่พอสแกนเจ้าหน้าที่ให้เปิดโชว์ พอเห็นก็ไล่เราไปได้ แต่พอเอาออกมา กลับยัดเข้าไม่ได้ สรุปต้องถือออกมาทั้งอย่างนั้น 555 แอบอายนิดหนึ่ง แต่ต้องรีบคะ กลัวคนรอรับทิ้ง เพราะเราใช้เวลานานมากกว่าจะออกมาได้ เป็นชั่วโมงกว่าได้ค่ะ
หาคนโชว์ชื่อเราสักพักก็เจอ ทุกคนมาครบแล้ว ยกเว้นเราคนเดียวค่ะ แห่ะๆ ก็รีบขึ้นรถ คนขับก็ทยอยไปส่งแต่ละคนที่บ้าน พอถึงบ้านเรา ก็ลงไป ทางที่นิวซีแลนด์โดยส่วนมากลาดชัน เป็นเขาซะส่วนใหญ่คะ เราไม่ได้ถ่ายตัวบ้าน บ้านร่มรื้นมากค่ะ เย็นสบาย และนี้คือเตียงนอนของเราคะ

ห้องค่อนข้างใหญ่คะ อยู่ชั้นใต้ดิน มี 2 ห้อง คือเรากับรูมเมทอีกคนคะ เป็นคนจีน นิสัยดี น่ารัก วันแรกเราก็พักผ่อน งีบหลับ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมากๆ อ๋อ...ลืมบอก ว่าโฮทมีลูกสาว ลูกชายอย่างละคนคะ อายุสิบขวบกว่าๆ น่ารักทั้งคู่ นี้คือครอบครัวโฮสของเรา ขอแอบปิดบังใบหน้า แหะๆ สภาพตอนนั้นโทรมมากๆ

ปล.ไม่ดร่ามานะคะ ไม่ชอบกดออกได้คะ
[CR] รีวิว...ประสบการณ์ไปเรียนภาษาและทำงานที่ต่างประเทศ
เริ่ม!...วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปเรียนภาษา และทำงานพาร์ทไทม์ที่ประเทศนิวซีแลนด์มา เป็นเวลา 1 ปี จะบอกว่าเป็นประสบการ์ณ์ที่ดีมากๆในชีวิตที่ไม่มีวันลืมเลยคะ เลยอยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆฟังกัน เผื่อใครสนใจจะไป มีอะไรปรึกษาได้นะคะ เราเชียร์เต็มทีเลย.. คือมันดีอะแก!
เข้าเรื่อง..คือเราใฝ่ฝันอยากที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ไปใช้ชีวิต ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของต่างชาติ (และหนุ่มๆต่างชาติ 555+) เลยคุยและปรึกษาแม่เพื่อขอไปเรียนภาษา เพราะคิดว่าตอนนี้ ภาษามันสำคัญมากๆในการชีวิตการทำงาน ตอนแรกๆเลยเราคิดว่าอยากจะไปประเทศอเมริกา ซึ่งหลายๆคงอยากไปเช่นกัน แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงคนเดียว และอเมริกาค่อนข้างอันตราย แม่จึงไม่อนุญาติ แต่พอดีคนรู้จักแม่ เคยคิดที่จะไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ แล้วแกก็ศึกษาข้อมูลมาพอสมควร ว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่เงียบสงบ ธรรมชาติ ไม่ค่อยมีสิ่งบรรเทิงยั่วยุ เหมาะสำหรับการเรียนการศึกษา แกเลยให้เบอร์พี่คนหนึ่งที่คอยดูแลให้คำปรึกษาด้านนี้
ชื่อพี่วิลลค่ะ แกก็ให้คำปรึกษาต่างๆ ถามว่าเราอยากเรียนโรงเรียนแบบไหน แพงหรือถูก คนไทยเยอะหรือน้อย เราเลือกได้หมด คือพี่เค้าดี ไม่เน้นเอาราคาแพงอย่างเดียว ถามความต้องการตลอด พี่เค้าก็ให้ตัวเลือกมา 3 ที ราคาก็ไล่ๆกัน แล้วเราก็มาตกที่ Languages International School เป็นโรงเรียนที่ติดท๊อปๆของ Auckland เลยคะ ทำเลดีมากๆ ติดกับ Albert Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ และร่มรื่นมากๆในเมือง และสวยมากๆ พอจัดแจงเลือกที่เรียนได้เสร็จ เราก็ทำการกรอกรายละเอียดและสแกนไปให้พี่เค้า เพื่อส่งให้กับโรงเรียน แล้วโรงเรียนก็จะส่งใบรายละเอียดค่าเทอม+ประกันชีวิต+โฮมสเตย์ 1 เดือนคะ (เราจะเลือกอยู่โฮมสเตย์หรืออพาร์เม้นก็ได้คะ แล้วแต่เรา แต่เดือนแรก เราอยากไปสัมผัสวัฒนธรรมจริงๆของคนประเทศนิวซีแลน์ เราเลยเลือกที่จะลองอยู่ 1 เดือนคะ แต่หลังจากนั่น เราจะต่อ หรือย้ายออก เราติดต่อทางโรงเรียนโดยตรงได้เลยคะ) พอได้ใบค่าเทอมมา เราก็ทำการโอนผ่านทางธนาคารไทยไปยังบัญชีของโรงเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์โดยตรงเลยคะ โดยที่ไม่ผ่านเอเจ้นท์เลย หลังจากนั่นรอใบเสร็จ ก็นำใบเสร็จไปยื่นทำวีซ่าได้เลยคะ ทางพี่วิลล์เค้าจะช่วยเราจัดการ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกเหนือค่าทำวีซ่าและค่าวินมอไซค์ไปส่งเอกสาร (หรือเราจะไปยื่นเอกสารเองก็ได้ค่ะ ที่สถานทูตนิวซีแลนด์) หลังจากนั่นก็ชิวๆรอพาสปอตกับวีซ่ามาส่งถึงบ้านคะ สำหรับเราเร็วมากๆคะ แค่ 1 อาทิตย์ ก็ได้แล้ว แล้วก็รอถึงที่วันเดินทางคะ....
ต่อนะคะ...เราทำการจองตั๋วเครื่องบินของการบินไทยทั้งไปและกลับ (จะต้องจองกลับด้วยนะคะ เพราะไม่งั้นจะมีปันหาการทำวีซ่า และเข้าประเทศคะ) และการบินไทยเป็นสายการบินตรง ที่ไม่ต้องต่อเครื่อง ราคาก็ค่อนข้างจะแพงหน่อยคะ (บางช่วงมีโปรถูกคะ แต่ส่วนมาจะมีอายุแค่เดือนเดียว) แต่ถ้าเราอยากได้ราคาถูกหน่อย ก็หาแบบต่อเครื่องได้คะ แต่เราไม่กล้าพอ กลัวหลง กลัวตกเครื่อง 555+
พอถึงวันเดินทางคะ ครอบครัวและเพื่อนก็มาส่ง เราก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก พอได้เข้าไปในเกต ขึ้นเครื่องไปนึกในใจ เราจะไปจริงๆหรือเนี่ย เราจะอยู่ได้ไหม ที่นั่นเป็นยังไง จะหาคนมารับเราเจอไหม กังวลมากๆ แล้วน้ำตาก็คลอ (เรากลับมานึก ยังขำ และนับถือถึงความกล้าตัวเองที่ไปคนเดียวเลย ไม่มีเพื่อนหรือใครไปด้วย แถมภาษาอังกฤษก็ง่อย ไม่เก่งมาก)
11-12 ชั่วโมงผ่านไปค่ะ และนี้คือวิวแรกที่เราได้เจอบนเครื่องบนคะ สวยมากๆ เหมือนที่เค้าว่าขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติเลย
พอลงจากเครื่อง ก็เดิมตามๆกันไป แอบบอกว่าด่านตรวจที่นิวซีแลนด์แอบโหดนิดนึ่งคะ หลายชั้น ไปด่านแรก เราไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร เราต้องเข้าไปพบคนตรวจที่ละคน หรือถ้าไปด้วยกันก็เดินเข้าไปพร้อมกันได้คะ เค้าก็จะเช็คใบที่เรากรอกๆและถามๆ อีนี่งงคะ ได้แค่ เยส โน โอเค เกือบไม่ได้ผ่าน ถึงตอนนี้ก็จำไม่ได้มากว่าเค้าถามว่าอะไรบ้าง จำได้อันเดียวคือมาทำอะไร ก็บอกว่ามาเรียนภาษา แล้วก็ผ่านไปแบบงงๆคะ 555+
พอผ่านไปเราก็ไปรับกระเป๋าคะ อยากจะบอกว่า ขนไปเยอะมากๆ ของกินของใช้ก็เกือบ 20 โลแล้ว (พอชั่งน้ำหนักเกิน จนต้องขนพวกเครื่องปรุงบางอย่างออกคะ ฮ่าๆ เอาจริงๆ พวกของใช้เอาไปที่จำเป็น ที่เหลือไปหาซื้อที่นู่นได้คะ ไม่แพงเท่าไหร่) คือเตรียมพร้อมกันอดตายมากๆ
จากที่เห็นในรูป จะรู้ว่าเยอะมากจริงๆ กระเป๋าเล็กๆสะพานขึ้นเครื่อง ถือเป็นกระเป๋าส่วนตัว ไม่นับชั่งคะ แต่ถ้าชั่งจริงๆสิบกว่าโล พวกหนักสือ สมุด ไอแพดเตรียมไป หนักมากกก ส่วนกระเป๋าผ้า เป็นกระเป๋าที่เอาขึ้นเครื่องได้ 7 โล จริงๆเกินมานิดหน่อยเค้าอนุโลมคะ (ตอนลากมาขึ้นเครื่องทุละทุกเลมาก แต่สรุปก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ใจดี เอาไปโหลดให้ฟรีคะ) ส่วนกล่องลังคืออาหารล้วนๆ พวกเครื่องปรุง ของกินทั้งหลาย และกล่องนี้คือเจ้าปันหาคะ!
กระเป๋าทยอยออกมาตามสายพาน ทุกคนก็ทยอยมาหยิบกระเป๋า เราก็ไปเอารถเข็นมารอรับ กระเป๋าเราทยอยออกมา แต่!! กล่องไม่ออกมา คิดในใจ ตายแล้ว ทำไงดี จะติดต่อ จะคุยกับใครยังไงดี จนทุกคนทยอยมาเอาของไปเกือบหมด ซึ่งเรารอนานมากๆเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าได้ กระเป๋าในสายพานก็เหลือน้อยแล้ว ตอนนั้นในใจกลัวมาก เพราะกลัวคนที่รอรับไม่รอเรา เพราะนานเกิน กลัวเค้าคิดว่าเราไม่ผ่านตม. จะทำไงดี หรือกล่องไม่ผ่าน จะทิ้งกล่องดีไหม หรือยังไง ก็เลยพยายามล๊อคอินไวไฟและติดต่อพี่ที่ดูแล แต่ไวไฟจำกัดการใช้ ใช้ได้แบบเดียวก็ตัดคะ ยังไม่ทันจะได้คุยกันรู้เรื่อง สรุปเราก็ตัดสินใจรอคะ เพราะห่วงของกิน 555+ ผ่านไปสักพักกล่องก็ออกมา เรานี้รีบวิ่งไปยกออกและเช็คของ กล่องถูกเปิดคะ แต่ไม่น่าจะมีอะไรหาย พอได้กล่องกลับมาก็รีบเข็นรถเข็นออกไปเลยคะ
แต่...ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ ต้องออกไปอีกด่านเพื่อเช็คของในกระเป๋า เกี่ยวกับพวกสารเสพติด ของต้องห้ามและถ้าใครมีอาหาร ต้องไปอีกช่องเผื่อทำการเปิดกระเป๋าและตรวจรายละเอียดทั้งหมดคะ (แนะนำนะคะ ถ้าจะเอาอาหารไป แยกกล่องหรือกระเป๋าไว้เลย จะง่ายต่อการตรวจคะ ส่วนกระเป๋าไหนไม่มีอาหาร ก็แค่ผ่านเครื่องสแกนแค่นั้น แต่ระวังนะคะ ห้ามพกของสดทุกอย่างไป เพราะถ้าโดนค่าปรับจะหนาวได้ แพงมากกกกคะ)
ของเราเปิดสองใบคะ ค่อยข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เพราะเค้ารื้อหมด เหนื่อยเวลาเก็บคะ 555+ (ควรมีฉลากภาษาอังกฤษแนบจะดีที่สุด) ส่วนใบไหนไม่เปิดก็เข้าเครื่องสแกนคะ กระเป๋าผ้าเรามีปันหานิดหน่อย ตอนแรกเค้าถามแล้วว่ามีอาหารไหม เราก็บอกมี แต่เป็นมาม่าซองใหญ่ เค้าเลยไม่เปิดค่ะ แต่พอสแกนเจ้าหน้าที่ให้เปิดโชว์ พอเห็นก็ไล่เราไปได้ แต่พอเอาออกมา กลับยัดเข้าไม่ได้ สรุปต้องถือออกมาทั้งอย่างนั้น 555 แอบอายนิดหนึ่ง แต่ต้องรีบคะ กลัวคนรอรับทิ้ง เพราะเราใช้เวลานานมากกว่าจะออกมาได้ เป็นชั่วโมงกว่าได้ค่ะ
หาคนโชว์ชื่อเราสักพักก็เจอ ทุกคนมาครบแล้ว ยกเว้นเราคนเดียวค่ะ แห่ะๆ ก็รีบขึ้นรถ คนขับก็ทยอยไปส่งแต่ละคนที่บ้าน พอถึงบ้านเรา ก็ลงไป ทางที่นิวซีแลนด์โดยส่วนมากลาดชัน เป็นเขาซะส่วนใหญ่คะ เราไม่ได้ถ่ายตัวบ้าน บ้านร่มรื้นมากค่ะ เย็นสบาย และนี้คือเตียงนอนของเราคะ
ห้องค่อนข้างใหญ่คะ อยู่ชั้นใต้ดิน มี 2 ห้อง คือเรากับรูมเมทอีกคนคะ เป็นคนจีน นิสัยดี น่ารัก วันแรกเราก็พักผ่อน งีบหลับ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมากๆ อ๋อ...ลืมบอก ว่าโฮทมีลูกสาว ลูกชายอย่างละคนคะ อายุสิบขวบกว่าๆ น่ารักทั้งคู่ นี้คือครอบครัวโฮสของเรา ขอแอบปิดบังใบหน้า แหะๆ สภาพตอนนั้นโทรมมากๆ
ปล.ไม่ดร่ามานะคะ ไม่ชอบกดออกได้คะ