Overview
1. งวดนี้ไปเที่ยว Norway ค่ะ ไม่เน้น Oslo เริ่ม trip ด้วยการนั่งเครื่องไปลง Oslo แล้วต่อเครื่องไปลง Tromsø รับรถที่เช่าไว้ ค้างที่ Tromsø 1 คืน จากนั้นก็ขับไปเที่ยว Lofoten ค่ะ เดินทางช่วง 4 - 15 เมษา 65 ค่ะ
2. หลังจากเที่ยว Lofoten เสร็จก็ขับกลับมาเท่ียว Tromsø แปร๊บนึง วันรุ่งขึ้นนั่งเครื่องกลับ Oslo เช่ารถขับไปเที่ยว Flåm และ Preikestolen แล้วกลับมาพักที่ Oslo 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านค่ะ
3. จาก BKK ไป Oslo เราบินกับป้าม่วง จาก Oslo ไป Tromsø บินกับ SAS ค่ะ
4. ช่วงที่เที่ยว Tromsø - Lofoten มี plan ว่าจะไปซื้อ tour ล่าแสงเหนือด้วยค่ะ ไม่ได้จองล่วงหน้า ดูฟ้าดูฝนเป็นวันๆ ไปค่ะ
5. รอบน้ีก็ไม่ต้องขอ visa ค่ะ visa ที่มีอยู่ยังไม่หมดอายุค่ะ
6. สำหรับการเช่ารถต้องเตรียมใบขับขี่สากลและใบขับขี่ของไทยไปด้วยค่ะ ตอนรับรถจนท.เขาขอดูทั้ง 2 ใบค่ะ ถ้าใครจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปแล้วให้เอาบัตรเครดิตที่จ่ายค่าเช่าไปด้วยค่ะ
7. รอบนี้ต้องจัดกระเป๋าดีๆ ค่ะ นอกจากเสื้อผ้าปกติและเสื้อหนาวแล้วยังมีไม้ pole และ cleat สำหรับเดิน trail ขาตั้งกล้องสำหรับถ่ายแสงเหนือ ถอยขาตั้งกล้องสดๆ ร้อนๆ เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ
8. เฉพาะขาตั้งกล้องก็ปาเข้าไปโลกว่าๆ แล้วค่ะ ยังไม่นับเสื้อหนาวตัวหนาที่หนักเช่นกัน
9. ถ้าไม่ต้องไปต่อเครื่องภายในประเทศก็จะไม่มีปัญหาเลยค่ะเพราะป้าม่วงให้น้ำหนักเรา 30 kg แต่ SAS ให้น้ำหนักเราแค่ 23 kg ค่ะ เลยต้องจำกัดน้ำหนักกระเป๋าให้ไม่เกิน 23 kg ค่ะ ปลุกปล้ำอยู่นานนนนนนน…. กว่าจะได้ 23 kg นิดๆ
10. จัดกระเป๋าไป ยกชั่งน้ำหนักไป เอาจริงๆ เหมือนยกเวทมากกว่าจัดกระเป๋าค่ะ กว่าจะจัดเสร็จเอวแทบเคล็ด T T
11. อีกเรื่องที่ต้องเตรียมตัวคือการหัดถ่ายรูปแสงเหนือค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าน่าจะถ่ายได้ง่ายๆ แค่เล็งแล้วกดแชะๆ แต่ไม่ใช่ค่ะ การถ่ายแสงเหนือให้ออกมาสวยๆ มีวิธีเฉพาะของมันค่ะ
12. อีกเรื่องที่ต้องหัดคือการถ่ายรูปตัวเองกับแสงเหนือค่ะ ถ่ายยังไงให้เห็นทั้งตัวเราและแสงเหนือ ไม่ใช่เห็นแสงเหนือแต่หน้าเรามืด หรือหน้าชัดแต่เห็นแสงเหนือไม่ชัด
13. ถ้าพร้อมแล้วขออนุญาติเริ่มกระทู้เลยนะคะ
หมายเหตุ :
1. กระทู้ยาวนะคะ ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายลงรวดเดียวจบ
2. รูปด้านบนไม่เกี่ยวกับการเที่ยวนะคะ
แชร์ประสบการณ์ : เที่ยว Norway : Tromsø - Lofoten - Flåm - Trollpikken - Oslo
Overview
1. งวดนี้ไปเที่ยว Norway ค่ะ ไม่เน้น Oslo เริ่ม trip ด้วยการนั่งเครื่องไปลง Oslo แล้วต่อเครื่องไปลง Tromsø รับรถที่เช่าไว้ ค้างที่ Tromsø 1 คืน จากนั้นก็ขับไปเที่ยว Lofoten ค่ะ เดินทางช่วง 4 - 15 เมษา 65 ค่ะ
2. หลังจากเที่ยว Lofoten เสร็จก็ขับกลับมาเท่ียว Tromsø แปร๊บนึง วันรุ่งขึ้นนั่งเครื่องกลับ Oslo เช่ารถขับไปเที่ยว Flåm และ Preikestolen แล้วกลับมาพักที่ Oslo 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านค่ะ
3. จาก BKK ไป Oslo เราบินกับป้าม่วง จาก Oslo ไป Tromsø บินกับ SAS ค่ะ
4. ช่วงที่เที่ยว Tromsø - Lofoten มี plan ว่าจะไปซื้อ tour ล่าแสงเหนือด้วยค่ะ ไม่ได้จองล่วงหน้า ดูฟ้าดูฝนเป็นวันๆ ไปค่ะ
5. รอบน้ีก็ไม่ต้องขอ visa ค่ะ visa ที่มีอยู่ยังไม่หมดอายุค่ะ
6. สำหรับการเช่ารถต้องเตรียมใบขับขี่สากลและใบขับขี่ของไทยไปด้วยค่ะ ตอนรับรถจนท.เขาขอดูทั้ง 2 ใบค่ะ ถ้าใครจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปแล้วให้เอาบัตรเครดิตที่จ่ายค่าเช่าไปด้วยค่ะ
7. รอบนี้ต้องจัดกระเป๋าดีๆ ค่ะ นอกจากเสื้อผ้าปกติและเสื้อหนาวแล้วยังมีไม้ pole และ cleat สำหรับเดิน trail ขาตั้งกล้องสำหรับถ่ายแสงเหนือ ถอยขาตั้งกล้องสดๆ ร้อนๆ เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ
8. เฉพาะขาตั้งกล้องก็ปาเข้าไปโลกว่าๆ แล้วค่ะ ยังไม่นับเสื้อหนาวตัวหนาที่หนักเช่นกัน
9. ถ้าไม่ต้องไปต่อเครื่องภายในประเทศก็จะไม่มีปัญหาเลยค่ะเพราะป้าม่วงให้น้ำหนักเรา 30 kg แต่ SAS ให้น้ำหนักเราแค่ 23 kg ค่ะ เลยต้องจำกัดน้ำหนักกระเป๋าให้ไม่เกิน 23 kg ค่ะ ปลุกปล้ำอยู่นานนนนนนน…. กว่าจะได้ 23 kg นิดๆ
10. จัดกระเป๋าไป ยกชั่งน้ำหนักไป เอาจริงๆ เหมือนยกเวทมากกว่าจัดกระเป๋าค่ะ กว่าจะจัดเสร็จเอวแทบเคล็ด T T
11. อีกเรื่องที่ต้องเตรียมตัวคือการหัดถ่ายรูปแสงเหนือค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าน่าจะถ่ายได้ง่ายๆ แค่เล็งแล้วกดแชะๆ แต่ไม่ใช่ค่ะ การถ่ายแสงเหนือให้ออกมาสวยๆ มีวิธีเฉพาะของมันค่ะ
12. อีกเรื่องที่ต้องหัดคือการถ่ายรูปตัวเองกับแสงเหนือค่ะ ถ่ายยังไงให้เห็นทั้งตัวเราและแสงเหนือ ไม่ใช่เห็นแสงเหนือแต่หน้าเรามืด หรือหน้าชัดแต่เห็นแสงเหนือไม่ชัด
13. ถ้าพร้อมแล้วขออนุญาติเริ่มกระทู้เลยนะคะ
หมายเหตุ :
1. กระทู้ยาวนะคะ ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายลงรวดเดียวจบ
2. รูปด้านบนไม่เกี่ยวกับการเที่ยวนะคะ