1. ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ จะปรากฏตัวครั้งสำคัญ ครั้งแรกในสภาคองเกรสในวันอังคาร
เวลา ในเลา 02:00GMT หรือตรงกับวันพุธ เวลา 09:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย นักลงทุน
ตั้งความหวังไว้ว่าเขาจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจมากขึ้น และมีความชัดเจน
เรื่องการปฏิรูปภาษีมากขึ้นด้วย
ตลาดจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเรื่องการปรับภาษีตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะปรับเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับสินค้าที่นำเข้า และไม่มีภาษีเลยในการส่งออก
นอกจากการปรับภาษีแล้ว ตลาดยังให้ความสนใจในแผนการปรับนโยบายทางสุขภาพของประเทศ
การลดกฏระเบียบในการทำธุรกิจ และการปรับเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย
นักวิเคราะห์เตือนว่าตลาดจะผันผวนในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะหากการปฏิบัติจริงตามนโยบาย
ดูช้าลง หรือคลุมเคลือต่อไป จะส่งผลลบต่อตลาด
2. ประธานเฟด นางเจเน็ท เยลเลน ปรากฏตัวในวันศุกร์ เวลา 16:00GMT หรือเวลา 23:00 น.
ตามเวลาในประเทศไทย ที่ชิคาโก ก่อนหน้านั้นจะมีประธานเฟดจากหลายมลรัฐฯออกมาพูดตลอด
ทั้งสัปดาห์
รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดในสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ในตอนนี้มีความเหมาะสม
ว่าในเร็วๆนี้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ( fairly soon ) ถึงแม้จะยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนในการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป
ตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนมีนาคม ไว้ที่ 27% ในขณะที่โอกาส
ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม มีโอกาส 50% และในเดือนมิถุนายนมีโอกาส 70%
3. รายงานข้อมูลตัวเลขการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ : ตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ไว้คือ การเติบโต
2.1% เพิ่มขึ้นจากการรายงานในขั้นต้นที่ 1.9% โดยจะรายงานตัวเลขดังกล่าวในวันอังคาร เวลา
13:30GMT หรือเวลา 20:30 น. ตามเวลาในประเทศไทย
นอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว ในสัปดาห์นี้ยังมีรายงานตัวเลขที่น่าสนใจของสหรัฐฯ คือ รายงานการสั่งซื้อ
สินค้าคงทน และตัวเลขยอดบ้านรอการขายในวันจันทร์ ดัชนีตัวเลขความมั่นใจผู้บริโภคในวันอังคาร
ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขการจัดการซัพไพล์ในอุตสาหกรรมในวันพุธ
ตัวเลขต่างๆที่รายงานตลอดห้วงสัปดาห์ จะเป็นสัญญาณที่แสดงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ซึ่งนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดในเดือนหน้านี้
4. รายงานตัวเลข PMI(Purchasing Managers Index) ของอังกฤษ : อังกฤษจะรายงานตัวเลขพีเอ็มไอ
ของโรงงานอุตสาหกรรมในวันพุธ และส่วนการก่อสร้างในวันพฤหัสบดี ตามด้วยส่วนการบริการในวันศุกร์
ตัวเลขดัชนีพีเอ็มไอ ส่วนอุตสาหกรรม ตลาดคาดไว้ที่ ปรับตัวลดลงไปที่ 55.5 จากตัวเลข 55.9
ในเดือนก่อน ตัวเลขพีเอ็มไอส่วนก่อสร้าง ตลาดคาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยไปที่ 52.4 จากเดือนก่อน 52.2
ส่วนการบริการคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยไปที่ 54.2 จากเดือนก่อนที่ตัวเลข 54.5
ธนาคารกลางอังกฤษ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนนี้ แต่ยังไม่มี
ความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
5. รายงานมุมมองอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มอียูประจำเดือนกุมภาพันธุ์ : กลุ่มอียูจะรายงานมุมมองต่ออัตรา
เงินเฟ้อประจำเดือนกุมภาพันธุ์ ในวันพฤหัสบดี เวลา 10:00GMT หรือเวลา 17:00 น.ตามเวลาในประเทศไทย
ค่าเฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ คาดไว้ที่ตัวเลขดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2% เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารกลางอียู
ตั้งเป้าไว้ นอกจากนั้น สเปน,ฝรั่งเศส,อิตาลี และเยอรมันนี จะรายงานตัวเลข CPI ตลอดห้วงสัปดาห์นี้
ลำดับ 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดการเงินในสัปดาห์นี้มีอะไรบ้าง....?
1. ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ จะปรากฏตัวครั้งสำคัญ ครั้งแรกในสภาคองเกรสในวันอังคาร
เวลา ในเลา 02:00GMT หรือตรงกับวันพุธ เวลา 09:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย นักลงทุน
ตั้งความหวังไว้ว่าเขาจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจมากขึ้น และมีความชัดเจน
เรื่องการปฏิรูปภาษีมากขึ้นด้วย
ตลาดจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเรื่องการปรับภาษีตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะปรับเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับสินค้าที่นำเข้า และไม่มีภาษีเลยในการส่งออก
นอกจากการปรับภาษีแล้ว ตลาดยังให้ความสนใจในแผนการปรับนโยบายทางสุขภาพของประเทศ
การลดกฏระเบียบในการทำธุรกิจ และการปรับเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย
นักวิเคราะห์เตือนว่าตลาดจะผันผวนในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะหากการปฏิบัติจริงตามนโยบาย
ดูช้าลง หรือคลุมเคลือต่อไป จะส่งผลลบต่อตลาด
2. ประธานเฟด นางเจเน็ท เยลเลน ปรากฏตัวในวันศุกร์ เวลา 16:00GMT หรือเวลา 23:00 น.
ตามเวลาในประเทศไทย ที่ชิคาโก ก่อนหน้านั้นจะมีประธานเฟดจากหลายมลรัฐฯออกมาพูดตลอด
ทั้งสัปดาห์
รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดในสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ในตอนนี้มีความเหมาะสม
ว่าในเร็วๆนี้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ( fairly soon ) ถึงแม้จะยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนในการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป
ตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนมีนาคม ไว้ที่ 27% ในขณะที่โอกาส
ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม มีโอกาส 50% และในเดือนมิถุนายนมีโอกาส 70%
3. รายงานข้อมูลตัวเลขการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ : ตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ไว้คือ การเติบโต
2.1% เพิ่มขึ้นจากการรายงานในขั้นต้นที่ 1.9% โดยจะรายงานตัวเลขดังกล่าวในวันอังคาร เวลา
13:30GMT หรือเวลา 20:30 น. ตามเวลาในประเทศไทย
นอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว ในสัปดาห์นี้ยังมีรายงานตัวเลขที่น่าสนใจของสหรัฐฯ คือ รายงานการสั่งซื้อ
สินค้าคงทน และตัวเลขยอดบ้านรอการขายในวันจันทร์ ดัชนีตัวเลขความมั่นใจผู้บริโภคในวันอังคาร
ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขการจัดการซัพไพล์ในอุตสาหกรรมในวันพุธ
ตัวเลขต่างๆที่รายงานตลอดห้วงสัปดาห์ จะเป็นสัญญาณที่แสดงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ซึ่งนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดในเดือนหน้านี้
4. รายงานตัวเลข PMI(Purchasing Managers Index) ของอังกฤษ : อังกฤษจะรายงานตัวเลขพีเอ็มไอ
ของโรงงานอุตสาหกรรมในวันพุธ และส่วนการก่อสร้างในวันพฤหัสบดี ตามด้วยส่วนการบริการในวันศุกร์
ตัวเลขดัชนีพีเอ็มไอ ส่วนอุตสาหกรรม ตลาดคาดไว้ที่ ปรับตัวลดลงไปที่ 55.5 จากตัวเลข 55.9
ในเดือนก่อน ตัวเลขพีเอ็มไอส่วนก่อสร้าง ตลาดคาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยไปที่ 52.4 จากเดือนก่อน 52.2
ส่วนการบริการคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยไปที่ 54.2 จากเดือนก่อนที่ตัวเลข 54.5
ธนาคารกลางอังกฤษ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนนี้ แต่ยังไม่มี
ความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
5. รายงานมุมมองอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มอียูประจำเดือนกุมภาพันธุ์ : กลุ่มอียูจะรายงานมุมมองต่ออัตรา
เงินเฟ้อประจำเดือนกุมภาพันธุ์ ในวันพฤหัสบดี เวลา 10:00GMT หรือเวลา 17:00 น.ตามเวลาในประเทศไทย
ค่าเฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ คาดไว้ที่ตัวเลขดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2% เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารกลางอียู
ตั้งเป้าไว้ นอกจากนั้น สเปน,ฝรั่งเศส,อิตาลี และเยอรมันนี จะรายงานตัวเลข CPI ตลอดห้วงสัปดาห์นี้