เงินบาทอ่อนค่า จับตาสัปดาห์นี้ 4 ปัจจัยสำคัญ หุ้น-ราคาทองคำตลาดโลก

เงินบาทอ่อนค่า กสิกรไทยคาดสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตาปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทย ผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อย แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนในระหว่างสัปดาห์

เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินเยน หลังตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค. นี้ หากพรรค LDP สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรค Innovation Party และเปิดทางให้นาง Sanae Takaichi ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนในช่วงที่ตลาดรอประเมินผลจากการหารือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับผลกระทบจากทิศทางค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำโลก หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย

ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,777 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,584 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,589 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 4,005 ล้านบาท)

เงินบาท:กรอบสัปดาห์นี้
สำหรับระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทย ผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ

ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผลการประชุม BOJ (29-30 ต.ค.) และการประชุม ECB (30 ต.ค.) รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน และข้อมูล PMI เดือนต.ค. รายงานโดยทางการจีน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.

SET Index ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนลง ประกอบกับตลาดตอบรับเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย (เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 ต.ค.) และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งจะเปิดให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป

ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนต่อเนื่อง โดยกลับมายืนเหนือแนว 1,300 จุดได้อีกครั้งช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาดีกว่าคาด กลุ่มเทคโนโลยีจากการคาดการณ์เรื่องผลประกอบการไตรมาส 3/2568 รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้รายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือนที่ระดับ 1,319.76 จุดในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.91 จุด เพิ่มขึ้น 3.08% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,098.28 ล้านบาท ลดลง 1.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.50% มาปิดที่ระดับ 231.86 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 ต.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,295 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนต.ค. ของจีน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1907874



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่