จะยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย อาคารห้องชุดฯ ที่ได้มีการเซ็นต์สัญญาจะซื้อจะขาย
ต้องทำเอกสารยกเลิกไหมคะ
เรื่องเกิดขึ้นวันที่ 11 มกราคม 2560 คะ เป็นวันที่เซ็นต์สัญญา
โดยทางเราก็ไปเซ็นต์สัญญาโดยไม่มีฝั่งผู้จะซื้อนะคะ โดยผ่านตัวแทนเอเจนท์ทางเดียว
เรามีเพื่อนเป็นเอเจนท์ซึ่งเป็นฟรีแลนซ์เราบอกกล่าวเพื่อนไปจะขายห้องของเรา (ในราคาที่ถูกมาก)
แล้วเพื่อนคนนี้ ซึ่งทำงานดิวกับบริษัทเอเจนซี่ และบอกว่ามีลูกค้าในมือกำลังมองหาเพื่อที่จะซื้อพอดี
จึงฉบับนี้ได้เกิดสัญญาฉบับนี้ขึ้นมา
โดยทางเราเอง เป็นผู้จะขาย
ส่วนอีกทางหนึ่งคือ ผู้จะซื้อ
โดยมีบริษัทเอเจนท์เป็นตัวกลางแระ (ซึ่งถ้าถามในใจเราว่า เราต้องการเอเจนท์ช่วยขายไหม ก็ไม่เลย คือถ้าประกาศช่วยบอกต่อ แล้วให้เราขายเองและให้ค่าคอมกับคนที่หาลูกค้ามาเราก็ยินดี แต่ประเด็นสาระของเราไม่ได้อยู่ตรงนี้คะ)
ด้วยความสำเพร่าของเราเองนี่แหละที่เซ็นต์เอกสารไป และเราไม่ต้องการจะขายคอนโดแล้ว
เพราะเมื่อมาเปรียบเทียบความคุ้มทุนที่เราจ่ายธนาคาร ค่าตกแต่ง ค่าเสียเวลาการซื้อของเข้าห้องชุด ค่าดอกเบี้ย ซึ่งไม่โอเคเลยคะ
อย่างน้อยให้ได้เท่าทุนก็ยังดี แต่เรื่องของเรื่องคือ
จะขอพูดว่า
ทางเรา ผู้จะขาย คือ แทนหมายเลข (1) เน๊อะ
เพื่อนเอเจนท์ฟรีแลนซ์ แทนหมายเลข (2)
บริษัทเอเจนซี่ แทนหมายเลข (3)
ฝั่งผู้จะซื้อ หมายเลข (4)
ข้อตกลงก่อนการขาย ทางเราต้องการจะโอนขอหลังวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นระยะที่เราไม่ต้องเสียค่าปรับไถ่ถอนก่อนระยะเวลา 3 ปี (คือครบกำหนดพอดี) และทางบริษัทเอเจนซี่ (3) ได้แจ้งผ่านเอเจนท์ (2) มาให้กับทางผู้จะขาย (1) ว่าขอนัดโอนห้องชุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560
ช่วงที่บอกประมาณวันที่ 10-12 กุมภา นี่แหละ ที่แจ้งทางเรา เพราะทางเราต้องไปทราบยอดปิดกับทางแบงค์และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ในวันที่จะโอน
ซึ่งทางแบงค์บอกมีค่าเบี้ยปรับ จำนวนเงิน ประมาณ 42,000 บาท (ซึ่งก็เกือบ 50,000 บาท) เราก็ตกใจ
เพราะคำนวณก่อนการขาย เรารับได้ที่จะรับเงินประมาณสองแสนกว่าโดยประมาณ ซึ่งเราขาดทุนไปประมาณสามแสนกว่านะ แต่ตอนคำนวณคือรับได้ไง เพราะว่าไม่คิดว่าจะมีค่าเบี้ยปรับที่สูง เพราะถ้าเราขายคือขาดทุนจนรับไม่ไหวเลย จึงให้คำตอบทาง (2) ไปว่า เราโดนเบี้ยขนาดนี้ เลื่อนได้ไหม วันโอน
หลังจากนั้น วันจันทร์ที่ 20 กุมภา ที่ผ่านมา ทาง (3) ได้โทรมา และบอกว่าเราผิดสัญญา ต้องโดนค่าปรับเป็นจำนวน 2 เท่า
ซึ่งเราตกใจมาก จะเป็นไปได้ไง หรืออ่านคาดผิดบรรทัดไป ว่ามี คำว่า " "ปรับ" 2 เท่า "
ทางนั้นรุกเร้าเรามากทางโทรศัพท์ เราไม่คิดว่าจะโดนขนาดนี้ (คิดในใจผิดแล้วจริงๆ อ่านสัญญาไม่ถี่ถ้วน)
ถ้าทางคุณผิดต้องเสียตรงนี้ จนมาถึงคำที่เค้ากล่าวหาเราด้วยที่ทำให้เราฉุกใจ (เจ็บใจในคำพูด ซึ่งบางคนอาจมองว่านิดหน่อย แต่สำหรับเรา แคร์คะ คำพูดนี้)
คุณ.... ก็ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาตั้ง 4-5 ปี ไม่ทราบเลยหรอคะ ว่าต้องมีค่าปรับไปอ่านใหม่นะคะ (น้ำเสียงคือ เราก็ไม่ชอบแล้ว)
เรา (อยู่ในช่วงไม่สบาย แต่ไม่เกี่ยวกันเน๊อะ) เราก็แบบอึ้งไปเลย (สงสัยเราอ่านไม่ดี แต่ก็แปลกใจ เราอ่านข้ามไปหรอ มีคำว่า 2 เท่าด้วย)
ที่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เราก็บอกว่าเราโอนไม่ได้ 24 นี้ ไม่อย่างนั้น เราก็ได้เงินน้อย ซึ่งเราไม่โอเคอยู่แล้ว เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์นะ
คุณจะมาขู่ว่าต้องไปโอนให้ได้ ในวันที่ 24 นี้ ถ้าไม่มาคือ ลูกค้า (4) เค้าเสียเงินค่าทำเครดิตบูโร นู้นนี่นั่น ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนการจะซื้อจะขายนี้
ทางคุณผิดต้องมีค่าปรับ ทางเราก็ไปไม่ถูกได้แต่นิ่งและอึ้งจริงๆ และบอกเหตุผลว่าลูกค้าเคยกู้แล้วครั้งหนึ่งไม่ผ่าน ครั้งนี้คือผ่าน และลูกค้าที่จะกู้เค้าเพิ่งเปลี่ยนงาน ถ้าต้องมาขอกู้ใหม่ก็ต้องใชัระยะเวลา บลาๆๆ เหตุผลทางนู้นใส่มาเต็มๆ (เราก็เลยคิดนะ ถ้าเราต้องเสียค่าปรับ เราต้องจ่ายค่าเครดิตบูโรด้วยหรอ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้กู้ที่มี คชจ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว / แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ คชจ กับทางแบงค์ในการที่เค้ามาประเมิน และ ค่ามัดจำคืนเท่านั้น ในความคิดของเรานะ) จากนั้นเราก็อึ้ง ชา ไปหมด คือ แบบเงียบไปเลย และก็พูดไปว่า เราผิดตรงไหนในสัญญา ในเมื่อเอกสารที่เขียนไว้ ภายในวันที่ 11 เมษายน 2560 จึงสามารถมีการโอนห้องชุดได้ ซึ่งเวลายังไม่ถึง
ทางฝั่งบริษัท (3) จึงอึ้งเลย เราก็เลยไม่ได้คุยไป ----ตัดสายไป---
ในค่ำวันนั้น (3) ก็โทรมาบอกว่า เดี๋ยวจะลองคุยกับทางแบงค์ดู ว่าเลื่อนได้ไหม
กลับภาพมาที่เรา.... คือโดนขนาดนี้ เราแย่แล้ว ใจแบบว่าไม่อยากขายเลย คือ ไม่โอเคกับการขายแน่ๆ
เครียด เครียด เครียด
จนวันพุธทที่ผ่านมา 22 ก.พ. (2) จึงโทรมาหาเราบอกว่า ทางฝั่งนั้นเลื่อนแบงค์ได้แล้วนะ เอาที่เราสะดวกหลัง 31 มีนา ก็ได้
แล้วแจ้งเรานะ เราเลยบอกกลับไปว่า เด๋ววัน พฤ.-ศ. จะไปให้นะ แล้วจะบอกคำตอบ
ประเด็นในใจ.... ค้ือวันจันทร์ที่ผ่านมาคือคุณ (3) พูดกับเราไม่ดีเลย แบบเหมือนเราต้องขอร้องเค้าให้ขายอย่างไรอย่างนั้นในน้ำเสียง
เหมือนคอนโดนี้ ไม่ใช่ของเรา คือ เหมือนจะอยากได้ไวๆ (อารมณ์ว่าเร็วๆ เร่งรีบ แล้วกัน เหมาะกับคนนี้) แล้วให้เพื่อนของเรา (2) โทรมาแจ้งข่าวว่า
เอาที่เราสะดวกนะ แบงค์โอเคแล้ว สามารถเลื่อนได้ ซึ่งมองกลับ คุณเคยบอกว่า เลื่อนไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ไม่ได้ เต็มที่คือสิ้นเดือนกุมภา เท่านั้นที่สามารถโอนได้
วันต่อไป เราก็ไปแบงค์นะ แต่ไปผิดสาขา ดันไปสาขาสำนักงานใหญ่ คำตอบที่ต้องนัดวันโอนทำธุรกรรมต้องแจ้งสาขาที่เราขอกู้นะ
แต่ระหว่าง 3-4 วันตั้งแต่ที่ผ่านพ้นวันจันทร์มา ใจคือเปลี่ยนจากคำที่ได้ยินจากหูของ (3) มากๆ เลยไม่อยากขาย
แต่ไม่ใช่เพราะโกรธเค้านะ มันทำให้เราไตรตรองการขายห้องชุดนี้ คุ้มไหมกับการขาย และเราจะหาซื้อได้อีกไหม
ทำเลเราดีมาก อยู่บนเขาพระตำหนักพัทยา แค่เราไม่ค่อยได้อยู่ ไม่อยากดูแล เราเลยคิดแค่อยากจะขาย ไม่อยากหาลูกค้าไง
คือถามว่าผ่อนต่อได้ไหม คือ ก็พยายามดิ้นไปได้อ่ะคะ เลยทำให้เกิดการอ่านสัญญาข้อ 10 จากหนังสือสัญญาเขียนไว้ว่า
10. หากผู้จะขายไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย ให้กับผู้จะซื้อในวันที่กำหนดไว้ในข้อที่ 5 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม หรือกระทำการใดที่เป็นการละเมิดต่อสัญญาฉบับนี้ ผู้จะซื้อมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาฉบับนี้ด้วยการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้กับผู้จะขาย และผลจากการบอกเลิกสัญญานี้ ผู้จะขายต้องคืนเงินมัดจำที่ผู้จะซื้อชำระไว้แล้วพร้อมชำระค่าเสียหายให้กับผู้จะซื้อเป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินวางมัดจำดังกล่าวภายใน 7 วันนับจากวันที่บอกเลิกสัญญา
สัญญาข้อ 5 เขียนไว้ว่า
ผู้จะขายตกลงที่จะโอนและผู้จะซื้อตกลงที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ (โดยปลอดจากจำนองและภาระผูกพันอื่นๆ) ภายในวันที่ 11 เมษายน 2560 ณ สำนักงานที่ดิน และผู้จะขายจะส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่จะซื้อขายทะเบียนบ้านของห้องชุด และกุญแจของทรัพย์ที่จะซื้อขายแก่ผู้ที่จะซื้อในวันที่โอนกรรมสิทธิ์
คือตอนนี้ตัดสินใจได้เลยคะ ว่าไม่ขายแล้ว
ฉะนั้นทางเราผิดสัญญา ต้องจ่ายเงินคืนผู้จะซื้อเป็นจำนวนเงินที่มัดจำ คือ 50,000 บาท พร้อมชำระค่าเสียหายซึ่งก็คือจำนวน 50,000 บาท
ซึ่งในสัญญาข้อ 10 บอกว่า "ผู้จะซื้อมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาฉบับนี้ด้วยการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้กับผู้จะขาย"
จะถามว่า เอกสารนี้ ผู้จะซื้อต้องเป็นคนทำใช่ไหมคะ
และ ไม่มีระบุไว้เลยเรื่อง ค่าเสียเวลาทั้งสิ้นให้กับเอเจท์ใดๆ
เพราะในหนังสือระบุคือ ต้องคืนให้กับผู้จะซื้อ ซึ่งทางเค้าก็ถือว่าเป็นผู้บริโภคและเราก็ผิดที่ไม่โอนจริง จึงต้องมีการจ่ายค่าเสียหาย
แอบโกรธค่า บริษัทเอเจนซี่บอกเราเลยนะ มีค่าปรับ 2 เท่า คือพูดแบบนี้ถือว่าพูดเท็จไหมคะ คือพูดแบบว่าใส่ความเราเลย ว่าเราผิด
ยอมรับจริงๆ อ่านสัญญาไม่ดี
อยากบอกเพื่อนๆ ในกระทู้เลยคะ ไม่ว่าการจะลงนามสัญญาใดๆ ไม่ควรที่จะเซ็นต์แบบ เซ็นต์ตรงนี้นะและอ่านไม่ดี แล้วจะเป็นเคสเหมือนเค้าเอง
คือต้องมาเสียเงินโดยไม่ใช่เรื่อง และทำให้ ราคาคอนโดที่เราซื้อมากลายเป็นว่ามีราคาสูงขึ้นจากค่า cost ที่เราผิดเองอีกตั้ง 50,000 บาท
กรณีนี้เราคิดว่า ทางบริษัทเอเจนซี่คงไม่อยากที่จะเขียนหนังสือสัญญาบอกยกเลิกให้คะ
เพราะว่า เงินที่คิดว่าจะได้ค่าคอมมิชชั่นก็ไม่ได้ แล้วจะมาเขียนให้เสียเวลาเค้าทำไม
ตอนนี้ แค่รอยืนยันกับทางผู้จะซื้อ
และจะนัดเจอกันในห้างสรรพสินค้า เพราะทางเราต้องไปเอาเงินเป็นเงินสดออกจากธนาคาร
(จะร้องไห้ที่เป็นการเสียโง่ของเรา เสียไปเลย 50,000 บาท เราก็คิดซะว่าเราทำบุญ เคยเอาของเค้ามา ชาตินี้เลยต้องมาให้เค้าไป ใจเราจะได้สบายใจ)
ตอนนี้เราเพิ่งออกจากงาน ก็คงต้องสปีดในการหาเงินผ่อนชำระหนี้คอนโดกันต่อไป
ไม่คิดว่าตัวเองจะมาตั้งกระทู้ถามเรื่องคอนโด
แต่ใน 3 ปีที่แล้ว ภาพทุกอย่างพร้อม
อยากรีวิวห้องตัวเอง ที่ตกแต่งและภูมิใจมากๆ เลยกลายเป็นเรื่องของการ จะซื้อจะขายห้องชุดไป
อ้อจะบอกว่า หนังสือสัญญาไม่สมบูรณ์คะ เพราะเอกสารคู่สัญญาที่ทางเราถือ (ฝั่งผู้จะขาย ฉบับที่1) มีลายเซ็นต์ตรงผู้จะขาย และส่วนของผู้จะซื้อยังไม่มีลายเซ็นต์คะ / แต่ในส่วนของฝั่งผู้จะซื้อ อีก 1 ฉบับ (เอกสารที่เราให้ไป คือมีลายเซ็นต์ลอยจากฝั่งผู้จะซื้อ จากทางเราไป) ซึ่งทางนั้น ฝั่งผู้จะซื้อได้เซ็นต์เอกสารไปแล้ว เพราะคงต้องใช้ในการกู้ธนาคารคะ
โดยที่ทางเอเจนท์ก็ไม่ได้แจ้งมานะคะ ว่าทางเราทำไมไม่ส่งคืนทั้ง 2 ฉบับในวันทำสัญญา
ซึ่งก็ถือว่าโชคดีของเรานะ ที่ทางฝั่งนู้นฝั่งผู้จะซื้อไม่ได้เซ็นต์ ในฉบับของเรา
แต่ถึงอย่างไร เราก็อยากทำเพื่อความสบายใจ โดยการจะคืนเงินให้กับผู้จะซื้อ
แต่ ณ ตอนนี้ คือ ต้องดูก่อนว่า เอกสารยกเลิกสัญญา ต้องมีใช่ไหมคะ
นี่คือ คำถามที่อยากรู้คะ
และอยากได้ตัวอย่างของการยกเลิกสัญญาคะ
เพราะทางตัวเราเอง เคยเห็นเอกสารการยกเลิก แต่มีเป็นภาษาอังกฤษ
จึงอยากจะถามว่า ถ้าเราร่างขึ้นมา ใจความครอบคลุมว่า
ทุกอย่างเป็นการยกเลิกการจะซื้อจะขาย ชำระเงินมัดจำคืน.... บาท พร้อมทั้งค่าปรับ จำนวน.... บาท
เอกสารฉบับนี้ถือมีผลสมบูรณ์ นับตั้งแต่ผู้จะซื้อได้รับเงินคืนตามจำนวน
และลงชื่อทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมพยาน 2 คน
แบบนี้ถือว่าครอบคลุมไหมคะ
เพราะถึงเอกสารที่เราถือไม่สมบูรณ์ แต่อยากจะจบกับเรื่องราวตรงนี้คะ
ขอคำปรึกษาและขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
และแนะแนวทางให้ด้วยคะ ขอบคุณคะ
จะขอยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย ต้องทำเอกสารยกเลิกไหมคะ
ต้องทำเอกสารยกเลิกไหมคะ
เรื่องเกิดขึ้นวันที่ 11 มกราคม 2560 คะ เป็นวันที่เซ็นต์สัญญา
โดยทางเราก็ไปเซ็นต์สัญญาโดยไม่มีฝั่งผู้จะซื้อนะคะ โดยผ่านตัวแทนเอเจนท์ทางเดียว
เรามีเพื่อนเป็นเอเจนท์ซึ่งเป็นฟรีแลนซ์เราบอกกล่าวเพื่อนไปจะขายห้องของเรา (ในราคาที่ถูกมาก)
แล้วเพื่อนคนนี้ ซึ่งทำงานดิวกับบริษัทเอเจนซี่ และบอกว่ามีลูกค้าในมือกำลังมองหาเพื่อที่จะซื้อพอดี
จึงฉบับนี้ได้เกิดสัญญาฉบับนี้ขึ้นมา
โดยทางเราเอง เป็นผู้จะขาย
ส่วนอีกทางหนึ่งคือ ผู้จะซื้อ
โดยมีบริษัทเอเจนท์เป็นตัวกลางแระ (ซึ่งถ้าถามในใจเราว่า เราต้องการเอเจนท์ช่วยขายไหม ก็ไม่เลย คือถ้าประกาศช่วยบอกต่อ แล้วให้เราขายเองและให้ค่าคอมกับคนที่หาลูกค้ามาเราก็ยินดี แต่ประเด็นสาระของเราไม่ได้อยู่ตรงนี้คะ)
ด้วยความสำเพร่าของเราเองนี่แหละที่เซ็นต์เอกสารไป และเราไม่ต้องการจะขายคอนโดแล้ว
เพราะเมื่อมาเปรียบเทียบความคุ้มทุนที่เราจ่ายธนาคาร ค่าตกแต่ง ค่าเสียเวลาการซื้อของเข้าห้องชุด ค่าดอกเบี้ย ซึ่งไม่โอเคเลยคะ
อย่างน้อยให้ได้เท่าทุนก็ยังดี แต่เรื่องของเรื่องคือ
จะขอพูดว่า
ทางเรา ผู้จะขาย คือ แทนหมายเลข (1) เน๊อะ
เพื่อนเอเจนท์ฟรีแลนซ์ แทนหมายเลข (2)
บริษัทเอเจนซี่ แทนหมายเลข (3)
ฝั่งผู้จะซื้อ หมายเลข (4)
ข้อตกลงก่อนการขาย ทางเราต้องการจะโอนขอหลังวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นระยะที่เราไม่ต้องเสียค่าปรับไถ่ถอนก่อนระยะเวลา 3 ปี (คือครบกำหนดพอดี) และทางบริษัทเอเจนซี่ (3) ได้แจ้งผ่านเอเจนท์ (2) มาให้กับทางผู้จะขาย (1) ว่าขอนัดโอนห้องชุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560
ช่วงที่บอกประมาณวันที่ 10-12 กุมภา นี่แหละ ที่แจ้งทางเรา เพราะทางเราต้องไปทราบยอดปิดกับทางแบงค์และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ในวันที่จะโอน
ซึ่งทางแบงค์บอกมีค่าเบี้ยปรับ จำนวนเงิน ประมาณ 42,000 บาท (ซึ่งก็เกือบ 50,000 บาท) เราก็ตกใจ
เพราะคำนวณก่อนการขาย เรารับได้ที่จะรับเงินประมาณสองแสนกว่าโดยประมาณ ซึ่งเราขาดทุนไปประมาณสามแสนกว่านะ แต่ตอนคำนวณคือรับได้ไง เพราะว่าไม่คิดว่าจะมีค่าเบี้ยปรับที่สูง เพราะถ้าเราขายคือขาดทุนจนรับไม่ไหวเลย จึงให้คำตอบทาง (2) ไปว่า เราโดนเบี้ยขนาดนี้ เลื่อนได้ไหม วันโอน
หลังจากนั้น วันจันทร์ที่ 20 กุมภา ที่ผ่านมา ทาง (3) ได้โทรมา และบอกว่าเราผิดสัญญา ต้องโดนค่าปรับเป็นจำนวน 2 เท่า
ซึ่งเราตกใจมาก จะเป็นไปได้ไง หรืออ่านคาดผิดบรรทัดไป ว่ามี คำว่า " "ปรับ" 2 เท่า "
ทางนั้นรุกเร้าเรามากทางโทรศัพท์ เราไม่คิดว่าจะโดนขนาดนี้ (คิดในใจผิดแล้วจริงๆ อ่านสัญญาไม่ถี่ถ้วน)
ถ้าทางคุณผิดต้องเสียตรงนี้ จนมาถึงคำที่เค้ากล่าวหาเราด้วยที่ทำให้เราฉุกใจ (เจ็บใจในคำพูด ซึ่งบางคนอาจมองว่านิดหน่อย แต่สำหรับเรา แคร์คะ คำพูดนี้)
คุณ.... ก็ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาตั้ง 4-5 ปี ไม่ทราบเลยหรอคะ ว่าต้องมีค่าปรับไปอ่านใหม่นะคะ (น้ำเสียงคือ เราก็ไม่ชอบแล้ว)
เรา (อยู่ในช่วงไม่สบาย แต่ไม่เกี่ยวกันเน๊อะ) เราก็แบบอึ้งไปเลย (สงสัยเราอ่านไม่ดี แต่ก็แปลกใจ เราอ่านข้ามไปหรอ มีคำว่า 2 เท่าด้วย)
ที่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เราก็บอกว่าเราโอนไม่ได้ 24 นี้ ไม่อย่างนั้น เราก็ได้เงินน้อย ซึ่งเราไม่โอเคอยู่แล้ว เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์นะ
คุณจะมาขู่ว่าต้องไปโอนให้ได้ ในวันที่ 24 นี้ ถ้าไม่มาคือ ลูกค้า (4) เค้าเสียเงินค่าทำเครดิตบูโร นู้นนี่นั่น ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนการจะซื้อจะขายนี้
ทางคุณผิดต้องมีค่าปรับ ทางเราก็ไปไม่ถูกได้แต่นิ่งและอึ้งจริงๆ และบอกเหตุผลว่าลูกค้าเคยกู้แล้วครั้งหนึ่งไม่ผ่าน ครั้งนี้คือผ่าน และลูกค้าที่จะกู้เค้าเพิ่งเปลี่ยนงาน ถ้าต้องมาขอกู้ใหม่ก็ต้องใชัระยะเวลา บลาๆๆ เหตุผลทางนู้นใส่มาเต็มๆ (เราก็เลยคิดนะ ถ้าเราต้องเสียค่าปรับ เราต้องจ่ายค่าเครดิตบูโรด้วยหรอ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้กู้ที่มี คชจ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว / แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ คชจ กับทางแบงค์ในการที่เค้ามาประเมิน และ ค่ามัดจำคืนเท่านั้น ในความคิดของเรานะ) จากนั้นเราก็อึ้ง ชา ไปหมด คือ แบบเงียบไปเลย และก็พูดไปว่า เราผิดตรงไหนในสัญญา ในเมื่อเอกสารที่เขียนไว้ ภายในวันที่ 11 เมษายน 2560 จึงสามารถมีการโอนห้องชุดได้ ซึ่งเวลายังไม่ถึง
ทางฝั่งบริษัท (3) จึงอึ้งเลย เราก็เลยไม่ได้คุยไป ----ตัดสายไป---
ในค่ำวันนั้น (3) ก็โทรมาบอกว่า เดี๋ยวจะลองคุยกับทางแบงค์ดู ว่าเลื่อนได้ไหม
กลับภาพมาที่เรา.... คือโดนขนาดนี้ เราแย่แล้ว ใจแบบว่าไม่อยากขายเลย คือ ไม่โอเคกับการขายแน่ๆ
เครียด เครียด เครียด
จนวันพุธทที่ผ่านมา 22 ก.พ. (2) จึงโทรมาหาเราบอกว่า ทางฝั่งนั้นเลื่อนแบงค์ได้แล้วนะ เอาที่เราสะดวกหลัง 31 มีนา ก็ได้
แล้วแจ้งเรานะ เราเลยบอกกลับไปว่า เด๋ววัน พฤ.-ศ. จะไปให้นะ แล้วจะบอกคำตอบ
ประเด็นในใจ.... ค้ือวันจันทร์ที่ผ่านมาคือคุณ (3) พูดกับเราไม่ดีเลย แบบเหมือนเราต้องขอร้องเค้าให้ขายอย่างไรอย่างนั้นในน้ำเสียง
เหมือนคอนโดนี้ ไม่ใช่ของเรา คือ เหมือนจะอยากได้ไวๆ (อารมณ์ว่าเร็วๆ เร่งรีบ แล้วกัน เหมาะกับคนนี้) แล้วให้เพื่อนของเรา (2) โทรมาแจ้งข่าวว่า
เอาที่เราสะดวกนะ แบงค์โอเคแล้ว สามารถเลื่อนได้ ซึ่งมองกลับ คุณเคยบอกว่า เลื่อนไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ไม่ได้ เต็มที่คือสิ้นเดือนกุมภา เท่านั้นที่สามารถโอนได้
วันต่อไป เราก็ไปแบงค์นะ แต่ไปผิดสาขา ดันไปสาขาสำนักงานใหญ่ คำตอบที่ต้องนัดวันโอนทำธุรกรรมต้องแจ้งสาขาที่เราขอกู้นะ
แต่ระหว่าง 3-4 วันตั้งแต่ที่ผ่านพ้นวันจันทร์มา ใจคือเปลี่ยนจากคำที่ได้ยินจากหูของ (3) มากๆ เลยไม่อยากขาย
แต่ไม่ใช่เพราะโกรธเค้านะ มันทำให้เราไตรตรองการขายห้องชุดนี้ คุ้มไหมกับการขาย และเราจะหาซื้อได้อีกไหม
ทำเลเราดีมาก อยู่บนเขาพระตำหนักพัทยา แค่เราไม่ค่อยได้อยู่ ไม่อยากดูแล เราเลยคิดแค่อยากจะขาย ไม่อยากหาลูกค้าไง
คือถามว่าผ่อนต่อได้ไหม คือ ก็พยายามดิ้นไปได้อ่ะคะ เลยทำให้เกิดการอ่านสัญญาข้อ 10 จากหนังสือสัญญาเขียนไว้ว่า
10. หากผู้จะขายไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย ให้กับผู้จะซื้อในวันที่กำหนดไว้ในข้อที่ 5 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม หรือกระทำการใดที่เป็นการละเมิดต่อสัญญาฉบับนี้ ผู้จะซื้อมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาฉบับนี้ด้วยการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้กับผู้จะขาย และผลจากการบอกเลิกสัญญานี้ ผู้จะขายต้องคืนเงินมัดจำที่ผู้จะซื้อชำระไว้แล้วพร้อมชำระค่าเสียหายให้กับผู้จะซื้อเป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินวางมัดจำดังกล่าวภายใน 7 วันนับจากวันที่บอกเลิกสัญญา
สัญญาข้อ 5 เขียนไว้ว่า
ผู้จะขายตกลงที่จะโอนและผู้จะซื้อตกลงที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ (โดยปลอดจากจำนองและภาระผูกพันอื่นๆ) ภายในวันที่ 11 เมษายน 2560 ณ สำนักงานที่ดิน และผู้จะขายจะส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่จะซื้อขายทะเบียนบ้านของห้องชุด และกุญแจของทรัพย์ที่จะซื้อขายแก่ผู้ที่จะซื้อในวันที่โอนกรรมสิทธิ์
คือตอนนี้ตัดสินใจได้เลยคะ ว่าไม่ขายแล้ว
ฉะนั้นทางเราผิดสัญญา ต้องจ่ายเงินคืนผู้จะซื้อเป็นจำนวนเงินที่มัดจำ คือ 50,000 บาท พร้อมชำระค่าเสียหายซึ่งก็คือจำนวน 50,000 บาท
ซึ่งในสัญญาข้อ 10 บอกว่า "ผู้จะซื้อมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาฉบับนี้ด้วยการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้กับผู้จะขาย"
จะถามว่า เอกสารนี้ ผู้จะซื้อต้องเป็นคนทำใช่ไหมคะ
และ ไม่มีระบุไว้เลยเรื่อง ค่าเสียเวลาทั้งสิ้นให้กับเอเจท์ใดๆ
เพราะในหนังสือระบุคือ ต้องคืนให้กับผู้จะซื้อ ซึ่งทางเค้าก็ถือว่าเป็นผู้บริโภคและเราก็ผิดที่ไม่โอนจริง จึงต้องมีการจ่ายค่าเสียหาย
แอบโกรธค่า บริษัทเอเจนซี่บอกเราเลยนะ มีค่าปรับ 2 เท่า คือพูดแบบนี้ถือว่าพูดเท็จไหมคะ คือพูดแบบว่าใส่ความเราเลย ว่าเราผิด
ยอมรับจริงๆ อ่านสัญญาไม่ดี
อยากบอกเพื่อนๆ ในกระทู้เลยคะ ไม่ว่าการจะลงนามสัญญาใดๆ ไม่ควรที่จะเซ็นต์แบบ เซ็นต์ตรงนี้นะและอ่านไม่ดี แล้วจะเป็นเคสเหมือนเค้าเอง
คือต้องมาเสียเงินโดยไม่ใช่เรื่อง และทำให้ ราคาคอนโดที่เราซื้อมากลายเป็นว่ามีราคาสูงขึ้นจากค่า cost ที่เราผิดเองอีกตั้ง 50,000 บาท
กรณีนี้เราคิดว่า ทางบริษัทเอเจนซี่คงไม่อยากที่จะเขียนหนังสือสัญญาบอกยกเลิกให้คะ
เพราะว่า เงินที่คิดว่าจะได้ค่าคอมมิชชั่นก็ไม่ได้ แล้วจะมาเขียนให้เสียเวลาเค้าทำไม
ตอนนี้ แค่รอยืนยันกับทางผู้จะซื้อ
และจะนัดเจอกันในห้างสรรพสินค้า เพราะทางเราต้องไปเอาเงินเป็นเงินสดออกจากธนาคาร
(จะร้องไห้ที่เป็นการเสียโง่ของเรา เสียไปเลย 50,000 บาท เราก็คิดซะว่าเราทำบุญ เคยเอาของเค้ามา ชาตินี้เลยต้องมาให้เค้าไป ใจเราจะได้สบายใจ)
ตอนนี้เราเพิ่งออกจากงาน ก็คงต้องสปีดในการหาเงินผ่อนชำระหนี้คอนโดกันต่อไป
ไม่คิดว่าตัวเองจะมาตั้งกระทู้ถามเรื่องคอนโด
แต่ใน 3 ปีที่แล้ว ภาพทุกอย่างพร้อม
อยากรีวิวห้องตัวเอง ที่ตกแต่งและภูมิใจมากๆ เลยกลายเป็นเรื่องของการ จะซื้อจะขายห้องชุดไป
อ้อจะบอกว่า หนังสือสัญญาไม่สมบูรณ์คะ เพราะเอกสารคู่สัญญาที่ทางเราถือ (ฝั่งผู้จะขาย ฉบับที่1) มีลายเซ็นต์ตรงผู้จะขาย และส่วนของผู้จะซื้อยังไม่มีลายเซ็นต์คะ / แต่ในส่วนของฝั่งผู้จะซื้อ อีก 1 ฉบับ (เอกสารที่เราให้ไป คือมีลายเซ็นต์ลอยจากฝั่งผู้จะซื้อ จากทางเราไป) ซึ่งทางนั้น ฝั่งผู้จะซื้อได้เซ็นต์เอกสารไปแล้ว เพราะคงต้องใช้ในการกู้ธนาคารคะ
โดยที่ทางเอเจนท์ก็ไม่ได้แจ้งมานะคะ ว่าทางเราทำไมไม่ส่งคืนทั้ง 2 ฉบับในวันทำสัญญา
ซึ่งก็ถือว่าโชคดีของเรานะ ที่ทางฝั่งนู้นฝั่งผู้จะซื้อไม่ได้เซ็นต์ ในฉบับของเรา
แต่ถึงอย่างไร เราก็อยากทำเพื่อความสบายใจ โดยการจะคืนเงินให้กับผู้จะซื้อ
แต่ ณ ตอนนี้ คือ ต้องดูก่อนว่า เอกสารยกเลิกสัญญา ต้องมีใช่ไหมคะ
นี่คือ คำถามที่อยากรู้คะ
และอยากได้ตัวอย่างของการยกเลิกสัญญาคะ
เพราะทางตัวเราเอง เคยเห็นเอกสารการยกเลิก แต่มีเป็นภาษาอังกฤษ
จึงอยากจะถามว่า ถ้าเราร่างขึ้นมา ใจความครอบคลุมว่า
ทุกอย่างเป็นการยกเลิกการจะซื้อจะขาย ชำระเงินมัดจำคืน.... บาท พร้อมทั้งค่าปรับ จำนวน.... บาท
เอกสารฉบับนี้ถือมีผลสมบูรณ์ นับตั้งแต่ผู้จะซื้อได้รับเงินคืนตามจำนวน
และลงชื่อทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมพยาน 2 คน
แบบนี้ถือว่าครอบคลุมไหมคะ
เพราะถึงเอกสารที่เราถือไม่สมบูรณ์ แต่อยากจะจบกับเรื่องราวตรงนี้คะ
ขอคำปรึกษาและขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
และแนะแนวทางให้ด้วยคะ ขอบคุณคะ