สวัสดีคะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ หากแท็กผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ไม่มีรูปนะคะ แต่จะพูดถึงเรื่องรวมๆ และเน้นเรื่องการให้บริการของพนักงานคะ และขอให้เป็นกระทู้เตือนภัยสำหรับผู้จะใช้บริการคะ
วันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ เรา และครอบครัว ได้ตกลงไปเที่ยวชะอำ-หัวหินกันคะ จองที่พักกันเสร็จสรรพ พอถึงวันเดินทาง เราก็เริ่มหาข้อมูลร้านสำหรับทานมื้อเย็นกัน ก็ไปสะดุดเข้ากับรีวิวของร้าน Gusto Et Cosy Beach Restaurant ซึ่งเป็นร้านอาหารของในโรงแรม The Blue Sky หัวหิน (เขาเต่า)คะ ทางเราเห็นเป็นวันหยุดยาว กลัว Walk-in แล้วจะไม่มีโต๊ะ จึงโทรจองโต๊ะล่วงหน้าเรียบร้อยคะ
พอไปถึงที่ร้าน เดินผ่านโซนที่พัก ที่พักบรรยากาศดี ดูชิลมากกกกกกกก สระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ห้องพักขนาบ 2 ด้าน เดินมานิดเดียวก็ถึงบริเวณร้านคะ ร้านบรรยากาศดี มีดนตรีสดด้วย ดนตรีสดเล่นดีมากๆเลยคะ เพลงอาจจะย้อนยุคหน่อยแต่เป็นเพลงสากล ฟังเพลงเพลินๆสลับกับเสียงคลื่นลมทะเล อีกทั้งมีฝูงแมวเหมียวสีขาวดูสะอาดสะอ้านมาคลอเคลียไม่ขาด ต้องบอกก่อนคะว่าที่บ้านจะไม่ค่อยชอบพวกน้องหมา น้องแมวเท่าไหร่ ถึงขั้นกลัวเลยก็ว่าได้คะ แต่เราก็ทำใจดีสู้เสือ คิดว่าถ้าต่างคนต่างอยู่คงไม่เป็นไร เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่าถูกน้องเหมียวคุกคามก็จะเป็นฝ่ายเดินลุกหนี หรือหลบเองคะ เพราะถึงเราจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายกัน
สักพักอาหารมาเสิร์ฟคะ อาหารโดยรวมรสชาติดี อร่อยและสมราคาคะ มีบางเมนูเท่านั้นที่ดูไม่สมราคาเท่าไหร่ ทาน 7 คนคะ ราคารวมอยู่ที่ 3,500 บาท อาหารที่เราสั่งก็จะมี BBQ Pork Rib, ปลากะพงทอดน้ำปลา, กะหล่ำปลีฉ่าน้ำปลา, ส้มตำกุ้งลวก, ปลาหมึกทอดกระเทียม, ต้มข่าทะเล, ยำวุ้นเส้นปลาแซลมอน, หอยตลับผัดพริกเผา, น้ำ Italian Soda 1 แก้ว ที่เหลือเป็นน้ำเปล่าคะ โดยรวมถือว่าประทับใจดี แต่ความประทับใจจะอยู่คงนานให้เราบอกต่อและกลับไปใช้บริการ รวมถึงใช้บริการที่จังหวัดอื่นๆได้มากกว่านี้ หากไม่เกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้ขึ้น
พออาหารเริ่มหมด เราก็นั่งพักพุงฟังเพลงเพลินๆคะ ยังไม่ทันเอนกายได้เท่าไหร่ คุณพ่อก็บอกว่าโดนแมวกัดคะ ท่านนั่งท่าปกติคะ แต่เอามือวางบนเก้าอี้ ซึ่งส่วนนิ้วอาจจะเลยขอบเก้าอี้ออกไป เจ้าแมวเหมียวเห็นเข้าเลยงับซะให้ จึงแจ้งน้องพนักงานคะว่าคุณพ่อโดนแมวกัด พนักงานทำท่าตกใจเล็กน้อยคะ แล้วบอกว่าจะเอาชุดปฐมพยาบาลทำแผลให้ และสอบถามเพิ่มเติมว่าเจ้าตัวสีขาวรึเปล่า แต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรับผิดชอบอื่นๆเพิ่มเติมนอกจากชุดยาแอลกอฮอล์ล้างแผลและเบตาดีนนั้น คุณพ่อเลยถามว่าแมวได้ฉีดยามั้ย พนักงานแจ้งว่าแมวพวกนี้ไม่ใช่แมวของที่ร้านคะ เป็นแมวจรจัด เลยไม่ได้จับฉีดยาใดๆทั้งสิ้น ความน่าสงสารของที่ร้านคือ แมวเหล่านี้มีมากกว่า 20 ตัว หมุนเวียนกันมาเยี่ยมเยียนที่ร้านแต่ละวันไม่ซ้ำหน้ากัน และกัดลูกค้าและลูกของพนักงานไปแล้วหลายคน ไล่ยังไงก็ไม่ไป (ข้อมูลตามที่ร้านแจ้ง)
เมื่อแมวไม่เคยโดนฉีดยา ก็ต้องเป็นคุณพ่อเราเองคะที่ต้องไปฉีดยา เราจึงถามหาความรับผิดชอบจากทางร้าน ทางร้านจึงแจ้งว่ายังไงเบื้องต้นวันนี้จะพาคุณพ่อไปฉีดยาที่โรงพยาบาลที่หัวหินและจะรับผิดชอบค่าใฃ้จ่ายทั้งหมดของวันนี้ให้คะ และพนักงานก็ขับรถของที่ร้านพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล โดยเราขับตามไปอีก 2 คัน คุณพ่อพบแพทย์เสร็จฉีดยาไป 2 เข็มคะ พิษสุนัขบ้า และบาดทะยัก และมีนัดฉีดยาตามระยะเวลาอีก 6-7 เข็ม โดยพนักงานที่ร้านแจ้งว่าจะส่งเรื่องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่ในกทม. ให้ทางเรารอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับคะ ยังไงติดต่อกลับแน่นอนอยู่แล้ว และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะติดต่อเค้าไม่ได้เพราะเค้ามีคลินิคทันตกรรมอยู่ในกทม.ด้วย เราก็เลยแลกเบอร์กันไว้ และไม่ติดใจอะไรรอให้ทางสำนักงานใหญ่ติดต่อกลับ
และแล้วก็ไม่มีวี่แววจากสำนักงานใหญ่เลยคะ เรื่องเกิดค่ำวันเสาร์ที่ 11 กพ. จนวันนี้วันที่ 23 กพ. ยังไม่ได้คุยกับทาง สนง.ใหญ่เลยคะ แต่เราก็ได้ติดตามกับทางพนักงานที่ร้านอยู่หลายครั้งจนเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา เราโทรหาพนง.ที่ร้านอีกครั้ง พนง.จึงบอกว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทาง สนง.ใหญ่แจ้งมาว่า ไม่มีนโยบายรับผิดชอบในเรื่องนี้เนื่องจากร้านเป็นพื้นที่เปิด แมวจึงเข้ามาได้ และค่ารักษาพยาบาลวันนั้นที่ทางร้านสำรองจ่ายไปให้ พนง.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โดยนำมาหารเฉลี่ยช่วยกันจ่ายให้
สิ่งที่เรายังคลางแคลงใจอยู่ มีดังนี้คะ
1. คุณจะอ้างว่าร้านเป็นพื้นที่เปิดได้อย่างไรคะ ในเมื่อร้านทุกร้านต้องมีพื้นที่จำกัดในความควบคุมดูแล คุณเลือกที่จะออกแบบร้านแบบไม่มีรั้วรอบขอบชิด คุณต้องมีความับผิดชอบดูแลพื้นที่ของคุณอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความสะดวก ปลอดภัย และประทับใจในการบริการมากที่สุดไม่ใช่หรอคะ
2. การติดต่อกับเจ้าหน้าที่สำนักงานใหญ่ คุณไม่พร้อมจะคุยและแก้ปัญหากับลูกค้า แต่คุณปล่อยให้พนักงานทางร้านเป็นผู้รับมือกับลูกค้าเอง
- เราโทรหาพนักงานที่ร้านเพื่อสอบถามความคืบหน้าหลายครั้งคะ ถึงจะรับสายยากแต่ก็ยังรับ
- ส่วนที่ สนง.ใหญ่ ไม่เคยรับสายเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงบ่าย
3. คุณไม่มีนโยบายรับผิดชอบที่แมวที่อยู่ในบริเวณร้านคุณกัดลูกค้า แปลว่าคุณจะให้ลูกค้าดูแลรับผิดชอบตัวเอง ทั้งที่มาใช้บริการที่ร้านคุณ และเจ็บตัวในร้านคุณ
4. หากคุณและที่ร้านทราบดีอยู่แล้วว่าแมวเหล่านี้เป็นแมวจรจัด ชอบมาวิ่งเล่น และกัดลูกค้าและลูกๆของพนักงาน ทำไมไม่ทำป้าย หรือให้พนักงานแจ้งเตือนลูกค้าเพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น หากไม่มีมาตรการจัดการใดๆ จะต้องมีลูกค้าโดนแมวกัดที่ร้านอีกกี่คนกันคะ
ตามที่แจ้งด้านบนคะ เราเห็นว่าเป็นแมวสีขาวดูสะอาดสะอ้าน และวนเวียนอยู่แถวๆที่เรานั่งเพียง 2 ตัว จึงเข้าใจว่าเป็นแมวของที่ร้าน คงจะดูแลเป็นอย่างดี (แต่จริงๆเป็นแมวจรจัด) ทั้งที่อีกใจนึงก็นึกตำหนิอยู่เบาๆว่านี่เป็นร้านอาหาร ควรจะคำนึงถึงเรื่องความสะอาดให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แมวมาวิ่งเล่นบริเวณร้านอาหาร
ยังไงขอฝากกระทู้นี้เป็นกระทู้เตือนภัยสำหรับผู้เข้าใช้บริการนะคะ หากใครไม่ติดขัดเรื่องน้องแมว ก็สามารถใช้บริการได้ตามปกติคะ แต่ส่วนตัวต้องขอบายคะ รู้สึกไม่ประทับใจการบริการและนโยบายความรับผิดชอบของที่นี่แล้วหละคะ
[CR] รีวิว ร้านอาหาร Gusto Et Cosy Beach Restaurant (เตือนภัย แมวเยอะ และโดนกัดคะ)
รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ไม่มีรูปนะคะ แต่จะพูดถึงเรื่องรวมๆ และเน้นเรื่องการให้บริการของพนักงานคะ และขอให้เป็นกระทู้เตือนภัยสำหรับผู้จะใช้บริการคะ
วันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ เรา และครอบครัว ได้ตกลงไปเที่ยวชะอำ-หัวหินกันคะ จองที่พักกันเสร็จสรรพ พอถึงวันเดินทาง เราก็เริ่มหาข้อมูลร้านสำหรับทานมื้อเย็นกัน ก็ไปสะดุดเข้ากับรีวิวของร้าน Gusto Et Cosy Beach Restaurant ซึ่งเป็นร้านอาหารของในโรงแรม The Blue Sky หัวหิน (เขาเต่า)คะ ทางเราเห็นเป็นวันหยุดยาว กลัว Walk-in แล้วจะไม่มีโต๊ะ จึงโทรจองโต๊ะล่วงหน้าเรียบร้อยคะ
พอไปถึงที่ร้าน เดินผ่านโซนที่พัก ที่พักบรรยากาศดี ดูชิลมากกกกกกกก สระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ห้องพักขนาบ 2 ด้าน เดินมานิดเดียวก็ถึงบริเวณร้านคะ ร้านบรรยากาศดี มีดนตรีสดด้วย ดนตรีสดเล่นดีมากๆเลยคะ เพลงอาจจะย้อนยุคหน่อยแต่เป็นเพลงสากล ฟังเพลงเพลินๆสลับกับเสียงคลื่นลมทะเล อีกทั้งมีฝูงแมวเหมียวสีขาวดูสะอาดสะอ้านมาคลอเคลียไม่ขาด ต้องบอกก่อนคะว่าที่บ้านจะไม่ค่อยชอบพวกน้องหมา น้องแมวเท่าไหร่ ถึงขั้นกลัวเลยก็ว่าได้คะ แต่เราก็ทำใจดีสู้เสือ คิดว่าถ้าต่างคนต่างอยู่คงไม่เป็นไร เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่าถูกน้องเหมียวคุกคามก็จะเป็นฝ่ายเดินลุกหนี หรือหลบเองคะ เพราะถึงเราจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายกัน
สักพักอาหารมาเสิร์ฟคะ อาหารโดยรวมรสชาติดี อร่อยและสมราคาคะ มีบางเมนูเท่านั้นที่ดูไม่สมราคาเท่าไหร่ ทาน 7 คนคะ ราคารวมอยู่ที่ 3,500 บาท อาหารที่เราสั่งก็จะมี BBQ Pork Rib, ปลากะพงทอดน้ำปลา, กะหล่ำปลีฉ่าน้ำปลา, ส้มตำกุ้งลวก, ปลาหมึกทอดกระเทียม, ต้มข่าทะเล, ยำวุ้นเส้นปลาแซลมอน, หอยตลับผัดพริกเผา, น้ำ Italian Soda 1 แก้ว ที่เหลือเป็นน้ำเปล่าคะ โดยรวมถือว่าประทับใจดี แต่ความประทับใจจะอยู่คงนานให้เราบอกต่อและกลับไปใช้บริการ รวมถึงใช้บริการที่จังหวัดอื่นๆได้มากกว่านี้ หากไม่เกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้ขึ้น
พออาหารเริ่มหมด เราก็นั่งพักพุงฟังเพลงเพลินๆคะ ยังไม่ทันเอนกายได้เท่าไหร่ คุณพ่อก็บอกว่าโดนแมวกัดคะ ท่านนั่งท่าปกติคะ แต่เอามือวางบนเก้าอี้ ซึ่งส่วนนิ้วอาจจะเลยขอบเก้าอี้ออกไป เจ้าแมวเหมียวเห็นเข้าเลยงับซะให้ จึงแจ้งน้องพนักงานคะว่าคุณพ่อโดนแมวกัด พนักงานทำท่าตกใจเล็กน้อยคะ แล้วบอกว่าจะเอาชุดปฐมพยาบาลทำแผลให้ และสอบถามเพิ่มเติมว่าเจ้าตัวสีขาวรึเปล่า แต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรับผิดชอบอื่นๆเพิ่มเติมนอกจากชุดยาแอลกอฮอล์ล้างแผลและเบตาดีนนั้น คุณพ่อเลยถามว่าแมวได้ฉีดยามั้ย พนักงานแจ้งว่าแมวพวกนี้ไม่ใช่แมวของที่ร้านคะ เป็นแมวจรจัด เลยไม่ได้จับฉีดยาใดๆทั้งสิ้น ความน่าสงสารของที่ร้านคือ แมวเหล่านี้มีมากกว่า 20 ตัว หมุนเวียนกันมาเยี่ยมเยียนที่ร้านแต่ละวันไม่ซ้ำหน้ากัน และกัดลูกค้าและลูกของพนักงานไปแล้วหลายคน ไล่ยังไงก็ไม่ไป (ข้อมูลตามที่ร้านแจ้ง)
เมื่อแมวไม่เคยโดนฉีดยา ก็ต้องเป็นคุณพ่อเราเองคะที่ต้องไปฉีดยา เราจึงถามหาความรับผิดชอบจากทางร้าน ทางร้านจึงแจ้งว่ายังไงเบื้องต้นวันนี้จะพาคุณพ่อไปฉีดยาที่โรงพยาบาลที่หัวหินและจะรับผิดชอบค่าใฃ้จ่ายทั้งหมดของวันนี้ให้คะ และพนักงานก็ขับรถของที่ร้านพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล โดยเราขับตามไปอีก 2 คัน คุณพ่อพบแพทย์เสร็จฉีดยาไป 2 เข็มคะ พิษสุนัขบ้า และบาดทะยัก และมีนัดฉีดยาตามระยะเวลาอีก 6-7 เข็ม โดยพนักงานที่ร้านแจ้งว่าจะส่งเรื่องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่ในกทม. ให้ทางเรารอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับคะ ยังไงติดต่อกลับแน่นอนอยู่แล้ว และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะติดต่อเค้าไม่ได้เพราะเค้ามีคลินิคทันตกรรมอยู่ในกทม.ด้วย เราก็เลยแลกเบอร์กันไว้ และไม่ติดใจอะไรรอให้ทางสำนักงานใหญ่ติดต่อกลับ
และแล้วก็ไม่มีวี่แววจากสำนักงานใหญ่เลยคะ เรื่องเกิดค่ำวันเสาร์ที่ 11 กพ. จนวันนี้วันที่ 23 กพ. ยังไม่ได้คุยกับทาง สนง.ใหญ่เลยคะ แต่เราก็ได้ติดตามกับทางพนักงานที่ร้านอยู่หลายครั้งจนเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา เราโทรหาพนง.ที่ร้านอีกครั้ง พนง.จึงบอกว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทาง สนง.ใหญ่แจ้งมาว่า ไม่มีนโยบายรับผิดชอบในเรื่องนี้เนื่องจากร้านเป็นพื้นที่เปิด แมวจึงเข้ามาได้ และค่ารักษาพยาบาลวันนั้นที่ทางร้านสำรองจ่ายไปให้ พนง.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โดยนำมาหารเฉลี่ยช่วยกันจ่ายให้
สิ่งที่เรายังคลางแคลงใจอยู่ มีดังนี้คะ
1. คุณจะอ้างว่าร้านเป็นพื้นที่เปิดได้อย่างไรคะ ในเมื่อร้านทุกร้านต้องมีพื้นที่จำกัดในความควบคุมดูแล คุณเลือกที่จะออกแบบร้านแบบไม่มีรั้วรอบขอบชิด คุณต้องมีความับผิดชอบดูแลพื้นที่ของคุณอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความสะดวก ปลอดภัย และประทับใจในการบริการมากที่สุดไม่ใช่หรอคะ
2. การติดต่อกับเจ้าหน้าที่สำนักงานใหญ่ คุณไม่พร้อมจะคุยและแก้ปัญหากับลูกค้า แต่คุณปล่อยให้พนักงานทางร้านเป็นผู้รับมือกับลูกค้าเอง
- เราโทรหาพนักงานที่ร้านเพื่อสอบถามความคืบหน้าหลายครั้งคะ ถึงจะรับสายยากแต่ก็ยังรับ
- ส่วนที่ สนง.ใหญ่ ไม่เคยรับสายเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงบ่าย
3. คุณไม่มีนโยบายรับผิดชอบที่แมวที่อยู่ในบริเวณร้านคุณกัดลูกค้า แปลว่าคุณจะให้ลูกค้าดูแลรับผิดชอบตัวเอง ทั้งที่มาใช้บริการที่ร้านคุณ และเจ็บตัวในร้านคุณ
4. หากคุณและที่ร้านทราบดีอยู่แล้วว่าแมวเหล่านี้เป็นแมวจรจัด ชอบมาวิ่งเล่น และกัดลูกค้าและลูกๆของพนักงาน ทำไมไม่ทำป้าย หรือให้พนักงานแจ้งเตือนลูกค้าเพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น หากไม่มีมาตรการจัดการใดๆ จะต้องมีลูกค้าโดนแมวกัดที่ร้านอีกกี่คนกันคะ
ตามที่แจ้งด้านบนคะ เราเห็นว่าเป็นแมวสีขาวดูสะอาดสะอ้าน และวนเวียนอยู่แถวๆที่เรานั่งเพียง 2 ตัว จึงเข้าใจว่าเป็นแมวของที่ร้าน คงจะดูแลเป็นอย่างดี (แต่จริงๆเป็นแมวจรจัด) ทั้งที่อีกใจนึงก็นึกตำหนิอยู่เบาๆว่านี่เป็นร้านอาหาร ควรจะคำนึงถึงเรื่องความสะอาดให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แมวมาวิ่งเล่นบริเวณร้านอาหาร
ยังไงขอฝากกระทู้นี้เป็นกระทู้เตือนภัยสำหรับผู้เข้าใช้บริการนะคะ หากใครไม่ติดขัดเรื่องน้องแมว ก็สามารถใช้บริการได้ตามปกติคะ แต่ส่วนตัวต้องขอบายคะ รู้สึกไม่ประทับใจการบริการและนโยบายความรับผิดชอบของที่นี่แล้วหละคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น