How's it going?
วันนี้เรามารู้จักกับความรู้อีกหนึ่งเรื่องที่จัดว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ "
สำคัญที่สุด" ต่อการพูดภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้
ครั้งที่แล้วผมเขียนเรื่อง Word stress ไป พร้อมวีดีโออธิบายจากเจ้าของภาษา (เข้าไปดูวีดีโอได้ในเพจนะครับ ลิ้งข้างล่าง) ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคน (ที่อยากพูดอังกฤษให้ได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา) ควรรู้
วันนี้ผมขอเสนอเรื่อง "Intonation" หรือแปลเป็นไทยให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า "
การใช้เสียงสูง/ต่ำในประโยค"
ไม่รู้เข้าใจง่ายไหม แต่ก่อนจะไปดูคลิป ลองมาอ่านข้อมูลพื้นฐานที่ควรรู้ และสรุป (ค่อนไปทางรีวิวซะมากกว่า) ที่ผมทำมาจากคลิปก่อนไปชมตัวเต็มกันดีกว่า
.
"เราจะไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนที่เราพูดภาษาไทย คือ เราไม่เน้นทุกคำ (ภาษาอังกฤษจะเน้นแค่คำสำคัญ!) และเราจะมีการลงท้ายด้วยเสียงต่ำหรือเสียงสูงเวลาจบประโยค หรือจบวลีหนึ่งวลี"
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าประโยคไหนเราควรจบด้วยเสียงสูงหรือเสียงต่ำ หรือเสียงสูง-ต่ำ-สูง! (อย่าเพิ่งตกใจครับ เดี๋ยวจะมีอธิบายให้ 'ได้ยิน' ในวีดีโอ)
เราแบ่ง Intonation ออกเป็น 2 แบบหลัก (มีหลายแบบรอง แต่วันนี้ขอพูดถึงหลัก ๆ ก่อนนะ)
1. "
Rising Intonation" หรือ "
Rising inflection"
คือ การขึ้นเสียงสูง หรือการพุ่งขึ้นของเสียง (ความหมายเดียวกัน! แต่ภาพอาจจะต่างกัน)
พูดง่าย ๆ คือ การที่เราลงท้ายประโยคด้วยเสียงสูง (เหมือนเวลาที่นางในหนังจีนอุทานเวลาสงสัย)
ซึ่งประโยคที่มักถูกลงท้ายด้วยเสียงสูงได้แก่
-
Question
หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่าเราจะขึ้นเสียงสูงกับประโยคคำถามแบบ Yes-No เท่านั้น ซึ่งนั้นก็จริงบางส่วน แต่ก็มีบางครั้งที่ประโยคคำถามแบบ WH-question ลงท้ายด้วยเสียงสูงเหมือนกัน โดยเฉพาะในตอนที่ผู้พูดกำลังมีความสงสัยอย่างมาก
-
List
คำนี้แปลไทยยาก เพราะเราใช้ทับศัพท์กันมานาน พูดว่าการลิสต์เฉย ๆ ทุกคนน่าจะเข้าใจไม่ยาก หรือถ้าอยากให้แปล ก็น่าจะแปลว่า การสาธยาย การร่ายรายการ อะไรทำนองนั้น 5555
ถ้าเรายังลิสต์ไม่จบรายการ เราจะทิ้งท้ายไว้ด้วยเสียงสูงเสมอ เพื่อเป็นการบอกว่า ยังพูดไม่จบ!
***สำหรับ native speaker เสียงสูงแสดงถึงความไม่จบ (Unfinish-ness) ความมีต่อ (Continuation) หรือ การเชิญชวนให้พูด (Invitation to respond)
.
2. "
Falling Intonation" หรือ "
Falling inflection"
คือ การลงเสียงต่ำ หรือการลากเสียงลงต่ำในตอนท้ายประโยค
สังเกตไหมว่าฝรั่งมักจะพูดแล้วเสียงหายเข้าไปในคอ นั่นเพราะเขากำลังจบประโยคด้วย Falling intonation
เราจะใช้ Falling intonation กับ
-
Statements (ประโยคบอกเล่า)
-
Commands (ประโยคคำสั่ง)
-
Exclamations (ประโยคอุทาน)
*** สำหรับ native speaker เสียงต่ำแสดงถึงความหนักแน่น ความสมบูรณ์ หรือความจบประโยคนั่นเอง เป็นเสียงที่ทำให้รู้ว่า speaker ได้พูดทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
.
3. "
Circumflex Intonation"
คือ การขึ้นเสียงสูง-ต่ำ-สูง
นั่นก็คือที่เราจบประโยคการขึ้นเสียงสูง ลงเสียงต่ำ และกลับไปขึ้นเสียงสูงอีก (ถ้าใครคิดเสียงตามไม่ออก พอได้ดูวีดีโอแล้วจะอ๋อครับ ตอนนี้อ่านไปคร่าว ๆ ก่อนละกันเนอะ)
Circumflex จะให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับ Rising Intonation คือ เป็นการบอกว่าผู้พูดยังพูดไม่จบนะ อย่าเพิ่งขัดจังหวะ อย่าเพิ่งพูดแทรก
แต่จะต่างกันตรงที่เราจะใช้ Circumflex กับประโยคบอกเล่าครับ ไม่ได้ใช้กับคำถามหรือลิสต์
********ทั้งนี้ทั้งนั้น********
ทั้งหมดนี้ไม่ใช้กฎตายตัวนะครับ แต่ 90% เราสามารถใช้ตามแบบนี้ได้เลย ที่เหลือมันจะอยู่ที่ประสบการณ์และอารมณ์ของตัวเราเองในตอนนั้นครับ
อ่านจบแล้วเข้าไปดูวีดีโอเลยครับ!
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/videos/vb.409501445840561/517356728388365/?type=2&theater
ถ้าใครสนใจความรู้ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ แบบนี้ก็เข้าไปติดตามได้ในเพจเลยนะครับ (ตามลิ้งค์วีดีโอเลย!)
Stay tuned.
JGC.
มันไม่ใช่แค่การออกเสียง! อยากพูดอังกฤษเป๊ะต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วย
วันนี้เรามารู้จักกับความรู้อีกหนึ่งเรื่องที่จัดว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ "สำคัญที่สุด" ต่อการพูดภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้
ครั้งที่แล้วผมเขียนเรื่อง Word stress ไป พร้อมวีดีโออธิบายจากเจ้าของภาษา (เข้าไปดูวีดีโอได้ในเพจนะครับ ลิ้งข้างล่าง) ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคน (ที่อยากพูดอังกฤษให้ได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา) ควรรู้
วันนี้ผมขอเสนอเรื่อง "Intonation" หรือแปลเป็นไทยให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า "การใช้เสียงสูง/ต่ำในประโยค"
ไม่รู้เข้าใจง่ายไหม แต่ก่อนจะไปดูคลิป ลองมาอ่านข้อมูลพื้นฐานที่ควรรู้ และสรุป (ค่อนไปทางรีวิวซะมากกว่า) ที่ผมทำมาจากคลิปก่อนไปชมตัวเต็มกันดีกว่า
.
"เราจะไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนที่เราพูดภาษาไทย คือ เราไม่เน้นทุกคำ (ภาษาอังกฤษจะเน้นแค่คำสำคัญ!) และเราจะมีการลงท้ายด้วยเสียงต่ำหรือเสียงสูงเวลาจบประโยค หรือจบวลีหนึ่งวลี"
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าประโยคไหนเราควรจบด้วยเสียงสูงหรือเสียงต่ำ หรือเสียงสูง-ต่ำ-สูง! (อย่าเพิ่งตกใจครับ เดี๋ยวจะมีอธิบายให้ 'ได้ยิน' ในวีดีโอ)
เราแบ่ง Intonation ออกเป็น 2 แบบหลัก (มีหลายแบบรอง แต่วันนี้ขอพูดถึงหลัก ๆ ก่อนนะ)
1. "Rising Intonation" หรือ "Rising inflection"
คือ การขึ้นเสียงสูง หรือการพุ่งขึ้นของเสียง (ความหมายเดียวกัน! แต่ภาพอาจจะต่างกัน)
พูดง่าย ๆ คือ การที่เราลงท้ายประโยคด้วยเสียงสูง (เหมือนเวลาที่นางในหนังจีนอุทานเวลาสงสัย)
ซึ่งประโยคที่มักถูกลงท้ายด้วยเสียงสูงได้แก่
- Question
หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่าเราจะขึ้นเสียงสูงกับประโยคคำถามแบบ Yes-No เท่านั้น ซึ่งนั้นก็จริงบางส่วน แต่ก็มีบางครั้งที่ประโยคคำถามแบบ WH-question ลงท้ายด้วยเสียงสูงเหมือนกัน โดยเฉพาะในตอนที่ผู้พูดกำลังมีความสงสัยอย่างมาก
- List
คำนี้แปลไทยยาก เพราะเราใช้ทับศัพท์กันมานาน พูดว่าการลิสต์เฉย ๆ ทุกคนน่าจะเข้าใจไม่ยาก หรือถ้าอยากให้แปล ก็น่าจะแปลว่า การสาธยาย การร่ายรายการ อะไรทำนองนั้น 5555
ถ้าเรายังลิสต์ไม่จบรายการ เราจะทิ้งท้ายไว้ด้วยเสียงสูงเสมอ เพื่อเป็นการบอกว่า ยังพูดไม่จบ!
***สำหรับ native speaker เสียงสูงแสดงถึงความไม่จบ (Unfinish-ness) ความมีต่อ (Continuation) หรือ การเชิญชวนให้พูด (Invitation to respond)
.
2. "Falling Intonation" หรือ "Falling inflection"
คือ การลงเสียงต่ำ หรือการลากเสียงลงต่ำในตอนท้ายประโยค
สังเกตไหมว่าฝรั่งมักจะพูดแล้วเสียงหายเข้าไปในคอ นั่นเพราะเขากำลังจบประโยคด้วย Falling intonation
เราจะใช้ Falling intonation กับ
- Statements (ประโยคบอกเล่า)
- Commands (ประโยคคำสั่ง)
- Exclamations (ประโยคอุทาน)
*** สำหรับ native speaker เสียงต่ำแสดงถึงความหนักแน่น ความสมบูรณ์ หรือความจบประโยคนั่นเอง เป็นเสียงที่ทำให้รู้ว่า speaker ได้พูดทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
.
3. "Circumflex Intonation"
คือ การขึ้นเสียงสูง-ต่ำ-สูง
นั่นก็คือที่เราจบประโยคการขึ้นเสียงสูง ลงเสียงต่ำ และกลับไปขึ้นเสียงสูงอีก (ถ้าใครคิดเสียงตามไม่ออก พอได้ดูวีดีโอแล้วจะอ๋อครับ ตอนนี้อ่านไปคร่าว ๆ ก่อนละกันเนอะ)
Circumflex จะให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับ Rising Intonation คือ เป็นการบอกว่าผู้พูดยังพูดไม่จบนะ อย่าเพิ่งขัดจังหวะ อย่าเพิ่งพูดแทรก
แต่จะต่างกันตรงที่เราจะใช้ Circumflex กับประโยคบอกเล่าครับ ไม่ได้ใช้กับคำถามหรือลิสต์
********ทั้งนี้ทั้งนั้น********
ทั้งหมดนี้ไม่ใช้กฎตายตัวนะครับ แต่ 90% เราสามารถใช้ตามแบบนี้ได้เลย ที่เหลือมันจะอยู่ที่ประสบการณ์และอารมณ์ของตัวเราเองในตอนนั้นครับ
อ่านจบแล้วเข้าไปดูวีดีโอเลยครับ!
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/videos/vb.409501445840561/517356728388365/?type=2&theater
ถ้าใครสนใจความรู้ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ แบบนี้ก็เข้าไปติดตามได้ในเพจเลยนะครับ (ตามลิ้งค์วีดีโอเลย!)
Stay tuned.
JGC.