สวัสดีขอรับ เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน และเพื่อนๆ ที่เกิดในปี 2540 ทุกท่านทุกคน
กะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร ในปี 60 เช่นเดียวกัน
ความรู้สึกของการถูกพันธนาการ ในข้อกฎหมายนี้ คงไม่ต่างกับ หมายเรียกผู้ต้องหาของทางตำรวจ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ เรียนอยู่ระดับ มหาวิทยาลัย แต่ยังไงมันก็ต้องเรียนจบเข้าซักวัน หลังจากนั้นก็จำเป็นต้องหางาน
เพื่อให้ พ่อแม่ ที่ส่งเสียเราเรียน จะได้สบายใจ แต่ถ้าว่า บริษัทต่างๆ กำหนดว่า พนักงาน
จะต้อง พ้นภาระทางราชการทหาร หรือก็คือ ต้องมี ส.ด.8. หรือ ส.ด. 43 และทุกท่านอาจเป็นที่รู้กันดีว่า
การกระทำของครูฝึกทหาร
ไม่ได้มีจิตสำนึกของความเป็นครูเลยซักนิดเลย
เพราะเค้า ไม่ได้ จบ ครุศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์ ที่จะประกอบวิชาชืพครูนี้หน่า เป็นที่รู้กันดีว่า
ค่ายทหารไม่ต่างจากคุกในเรือนจำเลย เพราะ พวก พลทหารที่เข้าไป จะต้อง ถูก ทารุณกรรม
ทุกปีทุกที่ ทุกค่าย ไม่มีที่ไหนหรอกที่จะ ไม่มี แต่จะมีแค่ส่วนน้อยนิด ที่เป็นข่าวหรือเร็ดรอดออกมา
ผมได้เห็นการกระทำของ ผู้ที่เรียกตนเองว่า กลุ่มยกเลิกเกรณ์ทหาร แต่ต้องขอบอกตรงๆ ว่า เพราะ พวกเค้าทำได้แค่
ประชาสัมพันธ์ เท่านั้น ไม่ได้จะออกมาเรียกร้อง สิทธิและเสรีภาพ ของ ประชาชน ตาดำๆ
อย่างพวกเราเลย และ ผมก็เห็นข่าว การเสียชีวิตของทหารเกรณ์หลายนาย มากๆที่ไม่ได้รับ
ความเป็น ธรรมจากกองทัพ เลยซักนิด และทางกองทัพกลับไม่เคยสำนึกเลยว่า
กองทัพมีไว้เพื่อประชาชน และ พยายมปกปิด การกระทำที่เป็นรอยด่างบนหน้ากองทัพ
ผมเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย ถือสัญชาติไทย ผมรักชาติ ผมเป็นชาวพุทธ ผมเครพ พระมหากษัติย์
แล้วคนที่ไม่ได้เป็น รับใช้ชาติ ต้อง ถูกตราหน้า ว่า ไม่รักแผ่นดินด้วยเหรอ
ผมเองก็ต้องการทางเลือกในชีวิต เพราะผมเองก็มีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ ถ้าถูกเกรณ์ทหาร อนาคตที่ว่างแผ่นคง พังทลาย ไปเลย
มีนักรัฐศาสตร์ ออกมาบอกว่า ทหารเกรณ์มีความจำเป็นอยู่ เพราะเรื่องผลประโยชน์ ของชาติ แต่ผมกลับมองว่า
พวกเค้าไม่ได้คิดเลยเหรอว่า ทหาร ควรเป็น อาชืพ มากกว่าถือจับมาเป็น
ทุกวันนี้มีคนอยากเป็น ทหารอาชืพปี เป็นแสน แล้วยังจะเกรณ์ทหาร อีกทำไม
เปิดสอบนายสิบ ที่แข่งกันจะเป็นจะตาย ทำไม่ไม่เอาคนที่อยากเป็น
แต่มาจับคนที่ไม่อยากเป็น ไปเป็นทหาร คิดได้ยังไง
จริงๆแล้ว ผมไป เพจหนึ่งชื่อว่า ร่วมรณรงค์ยกเลิกเกรณ์ทหาร ผมบอกตรงๆ ว่า รณรงค์แล้วจะได้อะไรขึ้นมา
ผมไม่เห็นมันเป็นรูปธรรมซักนิด ผมก็คิดว่า จะทำยังไงให้เป็นรูปธรรม
แต่ผมไปเจอเพจหนึ่ง คือ การลงชื่อเสนอ กฎหมาย ของ สถาบันพระปกเกล้า
ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า มีเพจที่ทำการลงชื่อในรูปแบบนี้ด้วย แต่ ก็เป็นแค่การกระทำของเด็กเท่านั้น
เพราะต่อให้รวบรวมรายชื่อผ่านอินเตอร์เน็ต ได้เป็นแสน แต่ก็ไร้ความหมาย เพราะ ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนทาง กฎหมาย
แต่ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ที่ กล่าวมาเป็นเพียงความคิดของเด็ก รัฐศาสตร์ ปี 1 เหมือนกัน และจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด โปรดตัดสินใจ ด้วยตัวของท่าน เอง เพราะเป็นผลประโยชน์ของท่านเอง
1.เขียน ร่าง พระราชบัญญัติรับราชการทหาร ใหม่ เปลื่อนเป็นรูปแบบสมัครใจ เรื่องนี้ต้องให้ ท่านอาจาย์ที่มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายทำ เพราะ โดยส่วนตัวเรา ก็ ไม่ได่มีความรู้ทางด้านกฎหมายมากเท่าไร
2.การลงชื่อเสนอกฎหมาย ต้อง ใช้เอกสารประกอบ ดังนี้
ใบที่เขียนชื่อที่อยู่ของบุคคลที่เสนอความคิดเห็น และต้องประกอบเหตุผลที่เสนอร่างกฎหมาย พร้อมลายเซ็น
สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลงชื่อกำกับ
สำเนาทะเบียน พร้อมชือกำกับ
หมายเหตุ บุคคลที่มีสิทธิเสนอกฎหมาย ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อายุ 18 ปีขึ้นไป ถึง 60 ปี หมายความว่า พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ของเรา
ล่ารายชื่อมาให้หมดอย่าให้เหลือ แม้แต่คนเดียว
3.การเสนอร่างต่อที่ประชุมรัฐสภา เป็นอะไรที่ลำบากที่สุด เพราะ รัฐสภา อาจดองวาระของ ร่างกฎหมายของเราไว้เป็นปี ในส่วนของเรื่องนี้ ควร ทำ
ร่าง พระราชกำหนด สำรองไว้ ในกรณีที่ การประชุมรัฐสภามีความ ล้าช้า จะได้เสนอรัฐมนตรีได้เลย
4.การระดมทุน ที่กระผมกล่าวมาเบื้องต้น ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติรับราชการทหาร ใหม่ ในการร่างจำเป็นต้องใช้ผู้เชียวชาญ ในด้านต่างๆ
สิ่งที่คาดว่า จะเป็น อุปศักดิ์ใหญ่คือ เงินทุน เพราะเราต้องจ้างเค้ามา เพื่อร่างกฎหมาย เพราะ เป็นการเสนอกฎหมายจากภาคประชาชน
เพราะเหตุนี้จำเป็นต้อง มีการระดมทุน มหาศาล จาก ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเกรณ์ทหารทุกๆ ท่าน
5. องค์กรเจ้าภาพ เราจำเป็นต้องมีองค์กรณ์เจ้าภาพ ในการดำเนินงาน แต่ผมแนะนำให้เป็นพื้นที่ มหาวิทยาลัย เพราะเราต้องการความเป็นกลาง
ปราศจากการแทรกแซกจาก จากหน่วยงานต่างๆ และต้องการ ความร่วมมือ ขององค์กรณ์ นิสิต นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
ในการดำเนินการ ล่า รายชื่อ ตามข้อ 2 และ จะต้องได้ มากกว่า 1000000 รายชื่อ เพราะ ตามกฎหมายจริงๆ ให้หนึ่งแสนรายชื่อ แต่ ถ้า
เป็น ล้านรายชื่อ รัฐสภา จะต้องพิจรณาแน่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่
6.มันเป็นสิ่งที่จะต้องตามมาแน่ๆ เป็นสิ่งที่ดาดเดาของผมเอง คือ ทางกองทัพจะออกมาบอกว่า ถ้าหากไม่มีการเกรณ์ทหาร กองทัพจะเสียกำลังพล
จำนวนมากในการรักษา อธิปไตร แต่ผมมีคำตอบที่ดีให้ ทางกองทัพคือ ทางเราภาคประชาชน (ชาย อายุระหว่าง 25 ปี - 35-ปี) จะเสียภาษี . บำรุ่งกองทัพ ปี เท่าไร เราค่อยมาคิดกัน จ่ายตรงให้กองทัพไปเลย เพราะกองทัพจะได้จัดสรรณ์เงิน นี้ในการ เป็นสวัสดิการของ อาสาสมัคร
เพราะในเมื่องไทยยังมีคนต้องการ รับใช้ชาติอีกเยอะ แต่ก็มีคนจำนวนมากเช่นกัน ที่ต้องการทางเลือกในชีวิต
เพิ่มเติม หน่อย การทำเพียงลำพังไม่อาจ ประสบความสำเร็จ การขอความร่วมมือจาก พรรคการเมืองน่าจะเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะเพราะ การ เสนอ ร่างแก้ไข้พระราชบัญญัติ หากได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมืองแล้ว ย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกัน ในทาง รัฐศาสตร์
ไม่ว่าใครก็ต้องการทางเลือกในการดำเนินชีวิต กันทั้งนั้น
อ่านแล้วมีประโยชน์บ้างไหมครับ ผมทำได้แค่แนะนำ ส่วนการปฎิบัตร จำเป็นต้องมี องค์กรณ์เจ้าภาพ และ ถ้า มหาวิทยาลัย สนใจ อย่ารอช้า
ทำไปเลย ครับ จาก เด็ก รัฐศาสตร์ ปี 1
* จำเป็นต้องตอบ
1. บทความนี้ มีประโยชน์ต่อท่านมากน้อยเพียงใด *
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
ยกเลิกเกรณ์ทหารไม่ได้เหรอ ( ฉบับรูปธรรม )
กะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร ในปี 60 เช่นเดียวกัน
ความรู้สึกของการถูกพันธนาการ ในข้อกฎหมายนี้ คงไม่ต่างกับ หมายเรียกผู้ต้องหาของทางตำรวจ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ เรียนอยู่ระดับ มหาวิทยาลัย แต่ยังไงมันก็ต้องเรียนจบเข้าซักวัน หลังจากนั้นก็จำเป็นต้องหางาน
เพื่อให้ พ่อแม่ ที่ส่งเสียเราเรียน จะได้สบายใจ แต่ถ้าว่า บริษัทต่างๆ กำหนดว่า พนักงาน
จะต้อง พ้นภาระทางราชการทหาร หรือก็คือ ต้องมี ส.ด.8. หรือ ส.ด. 43 และทุกท่านอาจเป็นที่รู้กันดีว่า
การกระทำของครูฝึกทหาร
ไม่ได้มีจิตสำนึกของความเป็นครูเลยซักนิดเลย
เพราะเค้า ไม่ได้ จบ ครุศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์ ที่จะประกอบวิชาชืพครูนี้หน่า เป็นที่รู้กันดีว่า
ค่ายทหารไม่ต่างจากคุกในเรือนจำเลย เพราะ พวก พลทหารที่เข้าไป จะต้อง ถูก ทารุณกรรม
ทุกปีทุกที่ ทุกค่าย ไม่มีที่ไหนหรอกที่จะ ไม่มี แต่จะมีแค่ส่วนน้อยนิด ที่เป็นข่าวหรือเร็ดรอดออกมา
ผมได้เห็นการกระทำของ ผู้ที่เรียกตนเองว่า กลุ่มยกเลิกเกรณ์ทหาร แต่ต้องขอบอกตรงๆ ว่า เพราะ พวกเค้าทำได้แค่
ประชาสัมพันธ์ เท่านั้น ไม่ได้จะออกมาเรียกร้อง สิทธิและเสรีภาพ ของ ประชาชน ตาดำๆ
อย่างพวกเราเลย และ ผมก็เห็นข่าว การเสียชีวิตของทหารเกรณ์หลายนาย มากๆที่ไม่ได้รับ
ความเป็น ธรรมจากกองทัพ เลยซักนิด และทางกองทัพกลับไม่เคยสำนึกเลยว่า
กองทัพมีไว้เพื่อประชาชน และ พยายมปกปิด การกระทำที่เป็นรอยด่างบนหน้ากองทัพ
ผมเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย ถือสัญชาติไทย ผมรักชาติ ผมเป็นชาวพุทธ ผมเครพ พระมหากษัติย์
แล้วคนที่ไม่ได้เป็น รับใช้ชาติ ต้อง ถูกตราหน้า ว่า ไม่รักแผ่นดินด้วยเหรอ
ผมเองก็ต้องการทางเลือกในชีวิต เพราะผมเองก็มีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ ถ้าถูกเกรณ์ทหาร อนาคตที่ว่างแผ่นคง พังทลาย ไปเลย
มีนักรัฐศาสตร์ ออกมาบอกว่า ทหารเกรณ์มีความจำเป็นอยู่ เพราะเรื่องผลประโยชน์ ของชาติ แต่ผมกลับมองว่า
พวกเค้าไม่ได้คิดเลยเหรอว่า ทหาร ควรเป็น อาชืพ มากกว่าถือจับมาเป็น
ทุกวันนี้มีคนอยากเป็น ทหารอาชืพปี เป็นแสน แล้วยังจะเกรณ์ทหาร อีกทำไม
เปิดสอบนายสิบ ที่แข่งกันจะเป็นจะตาย ทำไม่ไม่เอาคนที่อยากเป็น
แต่มาจับคนที่ไม่อยากเป็น ไปเป็นทหาร คิดได้ยังไง
จริงๆแล้ว ผมไป เพจหนึ่งชื่อว่า ร่วมรณรงค์ยกเลิกเกรณ์ทหาร ผมบอกตรงๆ ว่า รณรงค์แล้วจะได้อะไรขึ้นมา
ผมไม่เห็นมันเป็นรูปธรรมซักนิด ผมก็คิดว่า จะทำยังไงให้เป็นรูปธรรม
แต่ผมไปเจอเพจหนึ่ง คือ การลงชื่อเสนอ กฎหมาย ของ สถาบันพระปกเกล้า
ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า มีเพจที่ทำการลงชื่อในรูปแบบนี้ด้วย แต่ ก็เป็นแค่การกระทำของเด็กเท่านั้น
เพราะต่อให้รวบรวมรายชื่อผ่านอินเตอร์เน็ต ได้เป็นแสน แต่ก็ไร้ความหมาย เพราะ ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนทาง กฎหมาย
แต่ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ที่ กล่าวมาเป็นเพียงความคิดของเด็ก รัฐศาสตร์ ปี 1 เหมือนกัน และจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด โปรดตัดสินใจ ด้วยตัวของท่าน เอง เพราะเป็นผลประโยชน์ของท่านเอง
1.เขียน ร่าง พระราชบัญญัติรับราชการทหาร ใหม่ เปลื่อนเป็นรูปแบบสมัครใจ เรื่องนี้ต้องให้ ท่านอาจาย์ที่มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายทำ เพราะ โดยส่วนตัวเรา ก็ ไม่ได่มีความรู้ทางด้านกฎหมายมากเท่าไร
2.การลงชื่อเสนอกฎหมาย ต้อง ใช้เอกสารประกอบ ดังนี้
ใบที่เขียนชื่อที่อยู่ของบุคคลที่เสนอความคิดเห็น และต้องประกอบเหตุผลที่เสนอร่างกฎหมาย พร้อมลายเซ็น
สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลงชื่อกำกับ
สำเนาทะเบียน พร้อมชือกำกับ
หมายเหตุ บุคคลที่มีสิทธิเสนอกฎหมาย ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อายุ 18 ปีขึ้นไป ถึง 60 ปี หมายความว่า พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ของเรา
ล่ารายชื่อมาให้หมดอย่าให้เหลือ แม้แต่คนเดียว
3.การเสนอร่างต่อที่ประชุมรัฐสภา เป็นอะไรที่ลำบากที่สุด เพราะ รัฐสภา อาจดองวาระของ ร่างกฎหมายของเราไว้เป็นปี ในส่วนของเรื่องนี้ ควร ทำ
ร่าง พระราชกำหนด สำรองไว้ ในกรณีที่ การประชุมรัฐสภามีความ ล้าช้า จะได้เสนอรัฐมนตรีได้เลย
4.การระดมทุน ที่กระผมกล่าวมาเบื้องต้น ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติรับราชการทหาร ใหม่ ในการร่างจำเป็นต้องใช้ผู้เชียวชาญ ในด้านต่างๆ
สิ่งที่คาดว่า จะเป็น อุปศักดิ์ใหญ่คือ เงินทุน เพราะเราต้องจ้างเค้ามา เพื่อร่างกฎหมาย เพราะ เป็นการเสนอกฎหมายจากภาคประชาชน
เพราะเหตุนี้จำเป็นต้อง มีการระดมทุน มหาศาล จาก ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเกรณ์ทหารทุกๆ ท่าน
5. องค์กรเจ้าภาพ เราจำเป็นต้องมีองค์กรณ์เจ้าภาพ ในการดำเนินงาน แต่ผมแนะนำให้เป็นพื้นที่ มหาวิทยาลัย เพราะเราต้องการความเป็นกลาง
ปราศจากการแทรกแซกจาก จากหน่วยงานต่างๆ และต้องการ ความร่วมมือ ขององค์กรณ์ นิสิต นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
ในการดำเนินการ ล่า รายชื่อ ตามข้อ 2 และ จะต้องได้ มากกว่า 1000000 รายชื่อ เพราะ ตามกฎหมายจริงๆ ให้หนึ่งแสนรายชื่อ แต่ ถ้า
เป็น ล้านรายชื่อ รัฐสภา จะต้องพิจรณาแน่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่
6.มันเป็นสิ่งที่จะต้องตามมาแน่ๆ เป็นสิ่งที่ดาดเดาของผมเอง คือ ทางกองทัพจะออกมาบอกว่า ถ้าหากไม่มีการเกรณ์ทหาร กองทัพจะเสียกำลังพล
จำนวนมากในการรักษา อธิปไตร แต่ผมมีคำตอบที่ดีให้ ทางกองทัพคือ ทางเราภาคประชาชน (ชาย อายุระหว่าง 25 ปี - 35-ปี) จะเสียภาษี . บำรุ่งกองทัพ ปี เท่าไร เราค่อยมาคิดกัน จ่ายตรงให้กองทัพไปเลย เพราะกองทัพจะได้จัดสรรณ์เงิน นี้ในการ เป็นสวัสดิการของ อาสาสมัคร
เพราะในเมื่องไทยยังมีคนต้องการ รับใช้ชาติอีกเยอะ แต่ก็มีคนจำนวนมากเช่นกัน ที่ต้องการทางเลือกในชีวิต
เพิ่มเติม หน่อย การทำเพียงลำพังไม่อาจ ประสบความสำเร็จ การขอความร่วมมือจาก พรรคการเมืองน่าจะเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะเพราะ การ เสนอ ร่างแก้ไข้พระราชบัญญัติ หากได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมืองแล้ว ย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกัน ในทาง รัฐศาสตร์
ไม่ว่าใครก็ต้องการทางเลือกในการดำเนินชีวิต กันทั้งนั้น
อ่านแล้วมีประโยชน์บ้างไหมครับ ผมทำได้แค่แนะนำ ส่วนการปฎิบัตร จำเป็นต้องมี องค์กรณ์เจ้าภาพ และ ถ้า มหาวิทยาลัย สนใจ อย่ารอช้า
ทำไปเลย ครับ จาก เด็ก รัฐศาสตร์ ปี 1