สาวน้อยพลังจิต
ตอน 4 ความลับถูกเปิดเผย
ที่ห้องเรียนเช้าวันรุ่งขึ้น อีกไม่กี่นาทีออดเข้าเรียนถึงจะดัง ทรายเดินเข้ามาวางกระเป๋าที่โต๊ะ สายตาเหลือบไปเห็นแจ็คนั่งอยู่ที่หลังห้อง ก้มหน้าแววตาเศร้าๆ แต่ที่แปลกคือ เธอมักจะเห็นแจ็คมาถึงห้องเรียนหลังจากออดเข้าเรียนดังได้สัก 10-20 นาทีเสมอ วันนี้นับว่าแจ็คมาเข้าเรียนเช้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครคิดจะจดจำ
“เฮ่ย เป็นไงมั่งวะ เมื่อวานนี้อ่ะ” แพรวเดินถือกระเป๋าตะโกนเข้ามาตั้งแต่หน้าห้อง
ยังไม่ทันที่ทรายจะอ้าปาก แพรวก็หันไปทางแจ็คแล้วตะโกนถาม
“อ้ายแจ็ค วันนี้มาแต่เช้านะเอ็ง เป็นไรวะ ทำหน้ายังกะไมได้กินข้าว วันนี้รีบมาเร็วไปหน่อยมั้ง หือ”
แจ็คเงยหน้าขึ้นยิ้มเจื่อนๆ
แพรวหันกลับมาที่ทรายเหมือนกำลังรอคำตอบ
“ก็ดีอ่ะ เมื่อวานก็ยังฝันอยู่ แต่หลวงน้าให้สติไว้ ความรู้สึกกลัวเลยกลายเป็นให้อภัยแทน รู้สึกเห็นใจคนที่ถูกฆ่าอ่ะ”
แพรวทำหน้างงในคำตอบของทราย แล้วหันไปมองแจ็ค
ทรายก็หันไปทางแจ็ค ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วพูดว่า
“ขอบใจนะโว้ยแจ็ค ที่พาเราไปหาหลวงน้า ได้ประโยชน์มากเลย”
แจ็คหันมาทางเธอแล้วยิ้มเจื่อนๆ แววตาแสดงความขอบคุณกับรอยยิ้มที่ไม่มีความเคลือบแคลงแฝงอยู่ของทราย
แพรวนั่งลงข้างๆ หยิบหวีขึ้นมาสางผมแล้วพูดไปด้วย
“ให้อภัยคนในฝันได้ด้วยเหรอวะ งงอ่ะ ไหน ลองขยายความดิ๊”
“หลวงน้าบอกว่า ให้แผ่เมตตา อาจเป็นกรรมเก่าหรือวิญญาณอาฆาตประมาณนี้”
“ยังไงวะวิญญาณอาฆาต ประมาณว่าเจ้ากรรมนายเวรเหรอ”
“ก็ไม่แน่ใจ หลวงน้าไม่ได้ยืนยัน แต่ให้แผ่เมตตา อย่าจองเวรกัน”
“ประมาณว่าชาติที่แล้วยังงี้เหรอ………โห เหมือนในหนังสือเลยอ่ะ”
แพรวพูดจบ ทรายชะโงกหน้าเข้ามาใกล้
“หนังสือไรอ่ะ”
“ก็พวกสะกดจิตระลึกชาติอย่างนี้อ่ะ มีหมอฝรั่งนะ สะกดจิตแล้วทำให้คนระลึกชาติได้ ปรากฏว่ามีผู้ชายผู้หญิงคู่นึงชาติที่แล้วเคยเป็นคู่กัน แล้วพวกที่ป่วยเป็นโรคประหลาดๆนะ ปรากฎว่าชาติที่แล้วเคยโดนทำร้ายมาก่อนอ่ะ”
“ชื่อไร จำหนังสือได้ป่าววะ” ทรายถาม
“จำไม่ได้ ก็อ่านผ่านๆ มันหลายปีแล้ว”
“แล้วมีจริงเหรอ สะกดจิตระลึกชาติ”
“คงไม่มีมั้ง มันก็นิยาย เอาไรมากมาย............”
...............................................................................................................................................................................
“หนูกินยามาเกือบเดือน ไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะแม่ ยังฝันอยู่ดี ที่ไปหาหลวงน้าท่านก็ช่วยเตือนสติ แต่เรื่องที่ค้างในใจอยากจะหาคนแก้ไขให้ ช่วงนี้หนูลองหาซื้อหนังสือมาศึกษาหลายเล่ม ปรากฎว่าคนที่มีปัญหาอย่างนี้ก็มีเหมือนกันนะคะ พวกนี้ถ้าได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ไม่กลับมาเป็นอีก”
ทรายบอกกับแม่อรที่โต๊ะอาหารคืนวันหนึ่ง
“หนังสือที่แกไปซื้อน่ะ พวกศาสตร์ลับทำนายฝันนะเปล่า ประมาณว่าถอดตัวเลขจากความฝัน จะได้เอาไปแทงหวยใช่มั้ย นี่สิถึงจะมีประโยชน์ เขาเรียกพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส”
วินพูดแทรกขึ้น แม่อรหันไปสบตา วินเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจที่ถูกเตือนด้วยสายตา แต่ก็ยอมเงียบไม่พูดอะไรต่อ
“แล้วหนูมีความคิดยังไงจ๊ะ”
แม่อรถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หนูขอไปหาจิตแพทย์ที่เคยบอกแม่ไว้เมื่อต้นเดือนค่ะ จิตแพทย์คนนั้นเขาพูดถึงการสะกดจิตแก้ปัญหาจากความฝันด้วยนะคะ เขาบอกว่าอาจเป็นความฝังใจที่ได้รับ และความฝังใจนั้นยังคงกระตุ้นเราให้ฝันอยู่เสมอๆ”
“อือ เอา.....เอาก็เอา ถ้าหนูไม่อยากไปหาหมอคนเดิมอีกแล้วก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบังคับ หนูสะดวกไปเมื่อไหร่ก็ไปหาด้วยตัวเองนะจ๊ะ”
แม่อรถอนหายใจ ใช้มือลูบศีรษะทราย แล้วมองเธอด้วยแววตาที่ให้กำลังใจ
..................................................................................................................................................................................
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ทรายขอแม่อรไปพบจิตแพทย์คนนั้น ที่เธอรู้จักจากหนังสือที่ซื้อมา
“ขอบคุณที่เป็นแฟนหนังสือ แต่เรื่องที่หนูถามก็ตอบยากเหมือนกันนะ”
หมอพนมทวนยิ้มให้ทรายอย่างเอ็นดู หลังจากฟังทรายลำดับเรื่องราวและเล่าความฝันให้ฟัง
“เรื่องสะกดจิตหมอก็เคยไปเรียนมา ส่วนจะถึงขั้นระลึกชาติได้หรือเปล่า อันนี้หมอไม่ตอบ เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้”
“แล้วสะกดจิตมีจริงๆเหรอคะ”
“คนส่วนใหญ่ฟังแล้วจะกลัว ความจริงจะเรียกว่าสะกดจิตก็ไม่ถูก มันเป็นแค่วิธีการหนึ่งในการเรียนรู้และเข้าใจจิตใต้สำนึกเท่านั้น เพราะจิตใต้สำนึกมีอิทธิพลต่อเรามาก ทำหน้าที่รวบรวมความทรงจำ แล้วทำให้เกิดการสร้างบุคลิกความเป็นตัวตนของเรา ไปจนถึง ความเชื่อ ลักษณะนิสัย”
“เห็นเพื่อนบอกว่ามีหมอฝรั่งสะกดจิตระลึกชาติให้คนไข้ด้วย ตกลงมันเป็นแค่นิยายนะเปล่าคะ”
หมอพนมทวนหัวเราะ ยิ้มให้กับความช่างซักช่างถามของทราย
“เอางี้ เรื่องที่หนูถามบางทีก็ไม่เกี่ยวกับการรักษา หมอเองก็มีคนไข้มาก มีอาจารย์คนนึงที่อาจให้คำตอบกับหนูได้ แต่บอกก่อนนะ หมอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย เพราะเขาไม่ใช่หมอ แล้วก็ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลรัฐบาล อาจมีค่าใช้จ่าย หนูไปติดต่อเอาเอง ได้ความยังไงแล้วอยากมาเล่าให้ฟังหมอก็ยินดี…..
อ้อ....แล้วที่มาวันนี้หมอจะไม่จ่ายยาให้นะ เพราะหนูไม่ได้ป่วยเป็นอะไร”
ทรายรับกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ใบเล็กๆมาถือในมือ แล้วกราบลาหมอออกมา
...............................................................................................................................................................................
ที่โรงเรียน ทรายกับแพรวนั่งคุยกันอยู่บนม้าหินข้างสวนหย่อม
“โทรไปถามแล้ว ถูกต้องตรงเผงอย่างที่อยากรู้เลยอ่ะ มีสะกดจิตระลึกชาติด้วย เขาบอกอีกนะ ว่ามีคนที่มีปัญหาคล้ายๆกันมาหาอยู่เรื่อยๆ ประมาณว่ามีเหตุการณ์ประหลาดหรือฝันแปลกๆ ตอนท้ายพอสะกดจิตแล้วก็แก้ปัญหาได้ หรือไม่ก็ทำใจได้ บางคนก็จะเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาของตัวเองที่เกิดขึ้นในชาตินี้.................
เขายกตัวอย่างด้วยนะ บอกว่ามีผู้หญิงคนนึงสวยมาก ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเลย บางคนมาตามจีบอยู่เป็นปี ปรากฎว่าได้มาเจอผู้ชายคนนึง หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไร ใช้เวลายังไม่ถึงเดือนเธอก็ยอมแต่งงานด้วย ตัวเองยังงงว่าทำไมถึงยอมผู้ชายคนนี้ง่ายนัก..............
พอมาสะกดจิตระลึกชาตินะ ปรากฎว่า ชาติที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นไปเที่ยวที่แม่น้ำ ตรงที่เธออยู่ไม่มีใครเห็นเลย เผอิญเธอตกน้ำแถมยังว่ายน้ำไม่เป็นด้วย เธอกระ

กระสนที่จะขึ้นมาจากน้ำแต่ก็ทำไม่ได้ ใจก็นึกว่าขอให้มีใครสักคนมาช่วยเธอให้ได้ ปรากฎว่าวินาทีที่จะตาย มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาดึงเธอขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ แต่ก็ช่วยชีวิตเธอไว้ไม่ได้ เธอตายหลังจากขึ้นมาจากน้ำ เด็กผู้ชายคนนั้นคือสามีเธอในชาตินี้เอง ผู้หญิงคนนั้นยังบอกอีกว่า จากการมาระลึกชาติถึงได้รู้อีกสาเหตุหนึ่งว่า ทำไมเธอถึงไม่ชอบการไปยืนข้างๆบ่อน้ำ สระน้ำ แม่น้ำ หรือไปเที่ยวทะเล ซึ่งเธอก็สงสัยตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ”
ทรายกลืนน้ำลายแล้วเล่าต่ออย่างสนุก
“ผู้หญิงอีกคนเคยฝันซ้ำๆเหมือนกัน ว่ายืนอยู่ในบ้านทรงไทย แล้วก็มีเด็กผู้ชายน่ารักอีกคนยืนอยู่ในบ้าน เธอฝันถึงเรื่องนั้นบ่อยๆ..........
พอมาสะกดจิตระลึกชาติ ถึงได้รู้ว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านที่เธอเคยอยู่ในชาติที่แล้ว และเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นลูกของเธอ กลายมาเป็นคนที่เธอกับเขาจีบกันอยู่ในชาตินี้ และที่น่าทึ่งกว่านั้น หลังจากวันที่มาสะกดจิต ผู้หญิงคนนั้นไปเล่าให้ผู้ชายฟัง ผู้ชายเลยชวนให้ผู้หญิงไปเยี่ยมบ้านของผู้ชายที่ต่างจังหวัด ปรากฎว่าบ้านหลังนั้นก็คือบ้านที่เธอเห็นในความฝัน ผู้ชายบอกว่าบ้านที่อยู่นี้ก็อยู่กันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย......”
ทรายเล่าให้แพรวฟัง ตาลุกวาวเป็นประกาย
แพรวพลอยสนุกและตื่นเต้นยินดีไปกับเพื่อนแล้วถามขึ้น
“เออ ดี แล้วจะไปเมื่อไหร่วะ ขอตามไปด้วย ตื่นเต้นว่ะ”
“สงสัยไม่ไปว่ะ เพราะราคา แพงโคตร...........”
ทรายอึ้งก่อนจะพูดต่อ พูดแล้วก็ก้มหน้าเศร้า
แพรวขยับตัวจะถาม ทรายเหมือนรู้ ชิงตอบก่อน
“หนละเป็นพัน ขอโทษ........ แล้วไม่ใช่ว่าหนแรกจะเห็นนะ บางคนต้อง 3 – 4 หน กว่าจะรู้เรื่องรู้ราวสงสัยล่อไปเป็นหมื่น”
ทรายพูดจบก็ถอนใจ แพรวฟังจบเลยนั่งซึมไปด้วย ความตั้งใจของทรายคงจะจบลงเท่านี้ด้วยเรื่องของเงินเป็นอุปสรรค เธอคงไม่มีเงินมากมายที่จะมาใช้จ่ายในเรื่องพวกนี้ หรือแม้คิดเธอก็ไม่อยาก ทำใจว่า คงปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปวันๆคอยรักษาเยียวยาสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของเธอต่อไป
ที่มุมหนึ่งใกล้กันนั้น มีสายตาของใครบางคน จับจ้องลอบมองและค่อยสังเกตพฤติกรรมของคนทั้งสอง
ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่ามีใครบางคนแอบมองความเคลื่อนไหวของตนอยู่ทุกฝีก้าว ไม่มีใครบังอาจรู้ได้ ว่าการกระทำนั้นมาจากเจตนาอย่างไร
.................................................................................................................................................................................
ออดเลิกเรียนดังได้สักพัก ทรายกับแพรวแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน แพรวนึกอยากกินกล้วยทอด เลยแวะแผงขายกล้วยทอดก่อนที่จะไปยืนรอรถที่ป้าย
“แพรว มาทางนี้หน่อยดิ”
หลังจากแพรวจ่ายตังค์ค่ากล้วยทอดก็มีเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนเรียก
แพรวมองไปตามเสียงเห็นแจ็คยืนยิ้มให้อยู่หน้าร้านกาแฟริมถนนในละแวกของโรงเรียน
“มีไรเหรอแจ็ค”
“แจ็คมีอะไรอยากคุยด้วยอ่ะ”
แพรวเดินมาที่แจ็ค มองอย่างพินิจพิเคราะห์ หยิบกล้วยทอดขึ้นมาฉีกใส่ปาก แล้วโพล่งขึ้น
“อย่ามาจีบนะโว้ย แกไม่ใช่เสปค”
“ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิด มีเรื่องอะไรจะคุยด้วย”
“มีไรคุยก็ว่ามาเด่ะ”
“คุยต่อหน้าคนไม่ได้ หาที่ที่คนอื่นจะไม่ได้ยินได้มั้ย”
“เอ้ย ไม่เอาหรอก เดี๋ยวใครเห็นหาว่าแอบกิ๊กกัน ไม่เอาด้วยหรอก”
“เรามีความลับจะเล่าให้ฟังว่ะ สำคัญมากด้วย”
แจ็คพูดเรียกร้องความสนใจ แววตาวิงวอน
“ความลับไรวะ ความลับของแกฉันไม่อยากรู้หรอกว่ะ”
แพรวมองแจ็คอย่างดูถูก ปากยังคงเคี้ยวกล้วยตุ้ยๆ
“ความลับระหว่างข้ากับทราย สำคัญมาก แกไม่อยากรู้เหรอ รับรองเด็ด”
แจ็คพูดจายิ้มกรุ้มกริ่ม เล่นเอาอีกฝ่ายทำหน้าตาตื่นหลงเชื่อขึ้นมาทันที
“ความลับไร อย่ามาลูกเล่นนะ เพื่อนฉันไปทำไร พูดดีๆ เดี๋ยวมีเฮ เดี๊ยะ เดี๊ยะ”
ปากที่เคี้ยวกล้วยตุ้ยๆหยุดกึกทันที แพรวทำหน้าตาไม่พอใจ แต่ก็อยากรู้ว่าความลับนั้นมีจริงหรือไม่ และคืออะไร และความลับเกี่ยวข้องอะไรกับแจ็ค หรือเป็นเรื่องลับระหว่างสองคนที่ไม่อาจจะเปิดเผยได้
. แพรวเดินตามแจ็คไปอย่างว่าง่าย สนามตะกร้อหลังโรงเรียนยามนี้ ไม่มีใครอีกแล้ว ม้านั่งหินข้างสนามเป็นที่ๆที่ทั้งสองเลือก
.................................................................................................................................................................................
เสียงโป๊กดังขึ้นพร้อมเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว จะทำอะไรฉันก็ยอม”
อีกฝ่ายได้ฟังถึงแสยะยิ้ม เลิกแขนเสื้อขึ้นจนเห็นรักแร้
“อ้ายแจ็ค อ้ายสันดานชั่ว เอ็งกล้าทำอย่างนี้เลยเหรอ”
แพรวตะโกนด่าอย่างไม่พอใจ
“เออ ซีวะ ก็คนมันหน้ามืดนี่หว่า”
แจ็คพูดอย่างสำนึกผิด ทำหน้าสลดแล้วพูดต่อ มือข้างหนึ่งลูบหัวโนตรงที่โดนแพรวเขกอย่างแรง
“เรื่องร้ายขนาดนี้ ทรายมันยังเห็นแก่ข้าปิดจนสนิท เพื่อนซี้ที่สุดอย่างแกมันยังไม่แพลมให้แกได้ระแคะระคายเลย...
คืนนั้นนะ หลวงน้าโทรศัพท์ไปฟ้องแม่ข้า แม่ข้าถึงกับนอนร้องไห้ 3 วัน 3 คืน พูดอย่างเดียวว่าอยากตาย อยากตาย ข้าสงสารแม่ว่ะ แถมแกบอกว่าให้พาทรายมาหา แกจะขอกราบตีนอีกคนที่ไม่เอาเรื่องลูกชายแก ข้างี้ขี้จุกอกเลย แต่ข้าบอกแม่ว่าเดี๋ยวนี้แม้แต่มองหน้าทรายมันยังไม่ทำเลย ข้าไม่กล้าเรียกให้ไปที่บ้านหรอก..............
เหตุการณ์นี้ทำให้ข้าสำนึกอย่างแรง เพราะที่แล้วมาข้าคิดว่าไม่มีใครดีด้วย ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีใครรักข้า แม้แต่แม่ก็ไม่เคยสนใจใยดีข้า แต่ที่จริงแล้วแม่ข้ารักข้าที่สุด แกกลัวข้าจะติดคุกจนเป็นลมไปเลย”
ตอนนี้อ้ายแจ็คถึงกับร้องไห้โฮ
“เหมือนคำสาบานที่ข้าให้กับทรายไว้มันจุกอยู่ที่อกว่ะ วันนี้ข้าเห็นเอ็งกับทรายหน้าตาเครียด เดินไปไหนก็มีแต่สีหน้าบึ้งตึง ใ
สาวน้อยพลังจิต ตอน 4 ความลับถูกเปิดเผย
ตอน 4 ความลับถูกเปิดเผย
ที่ห้องเรียนเช้าวันรุ่งขึ้น อีกไม่กี่นาทีออดเข้าเรียนถึงจะดัง ทรายเดินเข้ามาวางกระเป๋าที่โต๊ะ สายตาเหลือบไปเห็นแจ็คนั่งอยู่ที่หลังห้อง ก้มหน้าแววตาเศร้าๆ แต่ที่แปลกคือ เธอมักจะเห็นแจ็คมาถึงห้องเรียนหลังจากออดเข้าเรียนดังได้สัก 10-20 นาทีเสมอ วันนี้นับว่าแจ็คมาเข้าเรียนเช้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครคิดจะจดจำ
“เฮ่ย เป็นไงมั่งวะ เมื่อวานนี้อ่ะ” แพรวเดินถือกระเป๋าตะโกนเข้ามาตั้งแต่หน้าห้อง
ยังไม่ทันที่ทรายจะอ้าปาก แพรวก็หันไปทางแจ็คแล้วตะโกนถาม
“อ้ายแจ็ค วันนี้มาแต่เช้านะเอ็ง เป็นไรวะ ทำหน้ายังกะไมได้กินข้าว วันนี้รีบมาเร็วไปหน่อยมั้ง หือ”
แจ็คเงยหน้าขึ้นยิ้มเจื่อนๆ
แพรวหันกลับมาที่ทรายเหมือนกำลังรอคำตอบ
“ก็ดีอ่ะ เมื่อวานก็ยังฝันอยู่ แต่หลวงน้าให้สติไว้ ความรู้สึกกลัวเลยกลายเป็นให้อภัยแทน รู้สึกเห็นใจคนที่ถูกฆ่าอ่ะ”
แพรวทำหน้างงในคำตอบของทราย แล้วหันไปมองแจ็ค
ทรายก็หันไปทางแจ็ค ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วพูดว่า
“ขอบใจนะโว้ยแจ็ค ที่พาเราไปหาหลวงน้า ได้ประโยชน์มากเลย”
แจ็คหันมาทางเธอแล้วยิ้มเจื่อนๆ แววตาแสดงความขอบคุณกับรอยยิ้มที่ไม่มีความเคลือบแคลงแฝงอยู่ของทราย
แพรวนั่งลงข้างๆ หยิบหวีขึ้นมาสางผมแล้วพูดไปด้วย
“ให้อภัยคนในฝันได้ด้วยเหรอวะ งงอ่ะ ไหน ลองขยายความดิ๊”
“หลวงน้าบอกว่า ให้แผ่เมตตา อาจเป็นกรรมเก่าหรือวิญญาณอาฆาตประมาณนี้”
“ยังไงวะวิญญาณอาฆาต ประมาณว่าเจ้ากรรมนายเวรเหรอ”
“ก็ไม่แน่ใจ หลวงน้าไม่ได้ยืนยัน แต่ให้แผ่เมตตา อย่าจองเวรกัน”
“ประมาณว่าชาติที่แล้วยังงี้เหรอ………โห เหมือนในหนังสือเลยอ่ะ”
แพรวพูดจบ ทรายชะโงกหน้าเข้ามาใกล้
“หนังสือไรอ่ะ”
“ก็พวกสะกดจิตระลึกชาติอย่างนี้อ่ะ มีหมอฝรั่งนะ สะกดจิตแล้วทำให้คนระลึกชาติได้ ปรากฏว่ามีผู้ชายผู้หญิงคู่นึงชาติที่แล้วเคยเป็นคู่กัน แล้วพวกที่ป่วยเป็นโรคประหลาดๆนะ ปรากฎว่าชาติที่แล้วเคยโดนทำร้ายมาก่อนอ่ะ”
“ชื่อไร จำหนังสือได้ป่าววะ” ทรายถาม
“จำไม่ได้ ก็อ่านผ่านๆ มันหลายปีแล้ว”
“แล้วมีจริงเหรอ สะกดจิตระลึกชาติ”
“คงไม่มีมั้ง มันก็นิยาย เอาไรมากมาย............”
...............................................................................................................................................................................
“หนูกินยามาเกือบเดือน ไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะแม่ ยังฝันอยู่ดี ที่ไปหาหลวงน้าท่านก็ช่วยเตือนสติ แต่เรื่องที่ค้างในใจอยากจะหาคนแก้ไขให้ ช่วงนี้หนูลองหาซื้อหนังสือมาศึกษาหลายเล่ม ปรากฎว่าคนที่มีปัญหาอย่างนี้ก็มีเหมือนกันนะคะ พวกนี้ถ้าได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ไม่กลับมาเป็นอีก”
ทรายบอกกับแม่อรที่โต๊ะอาหารคืนวันหนึ่ง
“หนังสือที่แกไปซื้อน่ะ พวกศาสตร์ลับทำนายฝันนะเปล่า ประมาณว่าถอดตัวเลขจากความฝัน จะได้เอาไปแทงหวยใช่มั้ย นี่สิถึงจะมีประโยชน์ เขาเรียกพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส”
วินพูดแทรกขึ้น แม่อรหันไปสบตา วินเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจที่ถูกเตือนด้วยสายตา แต่ก็ยอมเงียบไม่พูดอะไรต่อ
“แล้วหนูมีความคิดยังไงจ๊ะ”
แม่อรถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หนูขอไปหาจิตแพทย์ที่เคยบอกแม่ไว้เมื่อต้นเดือนค่ะ จิตแพทย์คนนั้นเขาพูดถึงการสะกดจิตแก้ปัญหาจากความฝันด้วยนะคะ เขาบอกว่าอาจเป็นความฝังใจที่ได้รับ และความฝังใจนั้นยังคงกระตุ้นเราให้ฝันอยู่เสมอๆ”
“อือ เอา.....เอาก็เอา ถ้าหนูไม่อยากไปหาหมอคนเดิมอีกแล้วก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบังคับ หนูสะดวกไปเมื่อไหร่ก็ไปหาด้วยตัวเองนะจ๊ะ”
แม่อรถอนหายใจ ใช้มือลูบศีรษะทราย แล้วมองเธอด้วยแววตาที่ให้กำลังใจ
..................................................................................................................................................................................
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ทรายขอแม่อรไปพบจิตแพทย์คนนั้น ที่เธอรู้จักจากหนังสือที่ซื้อมา
“ขอบคุณที่เป็นแฟนหนังสือ แต่เรื่องที่หนูถามก็ตอบยากเหมือนกันนะ”
หมอพนมทวนยิ้มให้ทรายอย่างเอ็นดู หลังจากฟังทรายลำดับเรื่องราวและเล่าความฝันให้ฟัง
“เรื่องสะกดจิตหมอก็เคยไปเรียนมา ส่วนจะถึงขั้นระลึกชาติได้หรือเปล่า อันนี้หมอไม่ตอบ เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้”
“แล้วสะกดจิตมีจริงๆเหรอคะ”
“คนส่วนใหญ่ฟังแล้วจะกลัว ความจริงจะเรียกว่าสะกดจิตก็ไม่ถูก มันเป็นแค่วิธีการหนึ่งในการเรียนรู้และเข้าใจจิตใต้สำนึกเท่านั้น เพราะจิตใต้สำนึกมีอิทธิพลต่อเรามาก ทำหน้าที่รวบรวมความทรงจำ แล้วทำให้เกิดการสร้างบุคลิกความเป็นตัวตนของเรา ไปจนถึง ความเชื่อ ลักษณะนิสัย”
“เห็นเพื่อนบอกว่ามีหมอฝรั่งสะกดจิตระลึกชาติให้คนไข้ด้วย ตกลงมันเป็นแค่นิยายนะเปล่าคะ”
หมอพนมทวนหัวเราะ ยิ้มให้กับความช่างซักช่างถามของทราย
“เอางี้ เรื่องที่หนูถามบางทีก็ไม่เกี่ยวกับการรักษา หมอเองก็มีคนไข้มาก มีอาจารย์คนนึงที่อาจให้คำตอบกับหนูได้ แต่บอกก่อนนะ หมอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย เพราะเขาไม่ใช่หมอ แล้วก็ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลรัฐบาล อาจมีค่าใช้จ่าย หนูไปติดต่อเอาเอง ได้ความยังไงแล้วอยากมาเล่าให้ฟังหมอก็ยินดี…..
อ้อ....แล้วที่มาวันนี้หมอจะไม่จ่ายยาให้นะ เพราะหนูไม่ได้ป่วยเป็นอะไร”
ทรายรับกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ใบเล็กๆมาถือในมือ แล้วกราบลาหมอออกมา
...............................................................................................................................................................................
ที่โรงเรียน ทรายกับแพรวนั่งคุยกันอยู่บนม้าหินข้างสวนหย่อม
“โทรไปถามแล้ว ถูกต้องตรงเผงอย่างที่อยากรู้เลยอ่ะ มีสะกดจิตระลึกชาติด้วย เขาบอกอีกนะ ว่ามีคนที่มีปัญหาคล้ายๆกันมาหาอยู่เรื่อยๆ ประมาณว่ามีเหตุการณ์ประหลาดหรือฝันแปลกๆ ตอนท้ายพอสะกดจิตแล้วก็แก้ปัญหาได้ หรือไม่ก็ทำใจได้ บางคนก็จะเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาของตัวเองที่เกิดขึ้นในชาตินี้.................
เขายกตัวอย่างด้วยนะ บอกว่ามีผู้หญิงคนนึงสวยมาก ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเลย บางคนมาตามจีบอยู่เป็นปี ปรากฎว่าได้มาเจอผู้ชายคนนึง หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไร ใช้เวลายังไม่ถึงเดือนเธอก็ยอมแต่งงานด้วย ตัวเองยังงงว่าทำไมถึงยอมผู้ชายคนนี้ง่ายนัก..............
พอมาสะกดจิตระลึกชาตินะ ปรากฎว่า ชาติที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นไปเที่ยวที่แม่น้ำ ตรงที่เธออยู่ไม่มีใครเห็นเลย เผอิญเธอตกน้ำแถมยังว่ายน้ำไม่เป็นด้วย เธอกระ
ทรายกลืนน้ำลายแล้วเล่าต่ออย่างสนุก
“ผู้หญิงอีกคนเคยฝันซ้ำๆเหมือนกัน ว่ายืนอยู่ในบ้านทรงไทย แล้วก็มีเด็กผู้ชายน่ารักอีกคนยืนอยู่ในบ้าน เธอฝันถึงเรื่องนั้นบ่อยๆ..........
พอมาสะกดจิตระลึกชาติ ถึงได้รู้ว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านที่เธอเคยอยู่ในชาติที่แล้ว และเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นลูกของเธอ กลายมาเป็นคนที่เธอกับเขาจีบกันอยู่ในชาตินี้ และที่น่าทึ่งกว่านั้น หลังจากวันที่มาสะกดจิต ผู้หญิงคนนั้นไปเล่าให้ผู้ชายฟัง ผู้ชายเลยชวนให้ผู้หญิงไปเยี่ยมบ้านของผู้ชายที่ต่างจังหวัด ปรากฎว่าบ้านหลังนั้นก็คือบ้านที่เธอเห็นในความฝัน ผู้ชายบอกว่าบ้านที่อยู่นี้ก็อยู่กันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย......”
ทรายเล่าให้แพรวฟัง ตาลุกวาวเป็นประกาย
แพรวพลอยสนุกและตื่นเต้นยินดีไปกับเพื่อนแล้วถามขึ้น
“เออ ดี แล้วจะไปเมื่อไหร่วะ ขอตามไปด้วย ตื่นเต้นว่ะ”
“สงสัยไม่ไปว่ะ เพราะราคา แพงโคตร...........”
ทรายอึ้งก่อนจะพูดต่อ พูดแล้วก็ก้มหน้าเศร้า
แพรวขยับตัวจะถาม ทรายเหมือนรู้ ชิงตอบก่อน
“หนละเป็นพัน ขอโทษ........ แล้วไม่ใช่ว่าหนแรกจะเห็นนะ บางคนต้อง 3 – 4 หน กว่าจะรู้เรื่องรู้ราวสงสัยล่อไปเป็นหมื่น”
ทรายพูดจบก็ถอนใจ แพรวฟังจบเลยนั่งซึมไปด้วย ความตั้งใจของทรายคงจะจบลงเท่านี้ด้วยเรื่องของเงินเป็นอุปสรรค เธอคงไม่มีเงินมากมายที่จะมาใช้จ่ายในเรื่องพวกนี้ หรือแม้คิดเธอก็ไม่อยาก ทำใจว่า คงปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปวันๆคอยรักษาเยียวยาสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของเธอต่อไป
ที่มุมหนึ่งใกล้กันนั้น มีสายตาของใครบางคน จับจ้องลอบมองและค่อยสังเกตพฤติกรรมของคนทั้งสอง
ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่ามีใครบางคนแอบมองความเคลื่อนไหวของตนอยู่ทุกฝีก้าว ไม่มีใครบังอาจรู้ได้ ว่าการกระทำนั้นมาจากเจตนาอย่างไร
.................................................................................................................................................................................
ออดเลิกเรียนดังได้สักพัก ทรายกับแพรวแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน แพรวนึกอยากกินกล้วยทอด เลยแวะแผงขายกล้วยทอดก่อนที่จะไปยืนรอรถที่ป้าย
“แพรว มาทางนี้หน่อยดิ”
หลังจากแพรวจ่ายตังค์ค่ากล้วยทอดก็มีเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนเรียก
แพรวมองไปตามเสียงเห็นแจ็คยืนยิ้มให้อยู่หน้าร้านกาแฟริมถนนในละแวกของโรงเรียน
“มีไรเหรอแจ็ค”
“แจ็คมีอะไรอยากคุยด้วยอ่ะ”
แพรวเดินมาที่แจ็ค มองอย่างพินิจพิเคราะห์ หยิบกล้วยทอดขึ้นมาฉีกใส่ปาก แล้วโพล่งขึ้น
“อย่ามาจีบนะโว้ย แกไม่ใช่เสปค”
“ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิด มีเรื่องอะไรจะคุยด้วย”
“มีไรคุยก็ว่ามาเด่ะ”
“คุยต่อหน้าคนไม่ได้ หาที่ที่คนอื่นจะไม่ได้ยินได้มั้ย”
“เอ้ย ไม่เอาหรอก เดี๋ยวใครเห็นหาว่าแอบกิ๊กกัน ไม่เอาด้วยหรอก”
“เรามีความลับจะเล่าให้ฟังว่ะ สำคัญมากด้วย”
แจ็คพูดเรียกร้องความสนใจ แววตาวิงวอน
“ความลับไรวะ ความลับของแกฉันไม่อยากรู้หรอกว่ะ”
แพรวมองแจ็คอย่างดูถูก ปากยังคงเคี้ยวกล้วยตุ้ยๆ
“ความลับระหว่างข้ากับทราย สำคัญมาก แกไม่อยากรู้เหรอ รับรองเด็ด”
แจ็คพูดจายิ้มกรุ้มกริ่ม เล่นเอาอีกฝ่ายทำหน้าตาตื่นหลงเชื่อขึ้นมาทันที
“ความลับไร อย่ามาลูกเล่นนะ เพื่อนฉันไปทำไร พูดดีๆ เดี๋ยวมีเฮ เดี๊ยะ เดี๊ยะ”
ปากที่เคี้ยวกล้วยตุ้ยๆหยุดกึกทันที แพรวทำหน้าตาไม่พอใจ แต่ก็อยากรู้ว่าความลับนั้นมีจริงหรือไม่ และคืออะไร และความลับเกี่ยวข้องอะไรกับแจ็ค หรือเป็นเรื่องลับระหว่างสองคนที่ไม่อาจจะเปิดเผยได้
. แพรวเดินตามแจ็คไปอย่างว่าง่าย สนามตะกร้อหลังโรงเรียนยามนี้ ไม่มีใครอีกแล้ว ม้านั่งหินข้างสนามเป็นที่ๆที่ทั้งสองเลือก
.................................................................................................................................................................................
เสียงโป๊กดังขึ้นพร้อมเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว จะทำอะไรฉันก็ยอม”
อีกฝ่ายได้ฟังถึงแสยะยิ้ม เลิกแขนเสื้อขึ้นจนเห็นรักแร้
“อ้ายแจ็ค อ้ายสันดานชั่ว เอ็งกล้าทำอย่างนี้เลยเหรอ”
แพรวตะโกนด่าอย่างไม่พอใจ
“เออ ซีวะ ก็คนมันหน้ามืดนี่หว่า”
แจ็คพูดอย่างสำนึกผิด ทำหน้าสลดแล้วพูดต่อ มือข้างหนึ่งลูบหัวโนตรงที่โดนแพรวเขกอย่างแรง
“เรื่องร้ายขนาดนี้ ทรายมันยังเห็นแก่ข้าปิดจนสนิท เพื่อนซี้ที่สุดอย่างแกมันยังไม่แพลมให้แกได้ระแคะระคายเลย...
คืนนั้นนะ หลวงน้าโทรศัพท์ไปฟ้องแม่ข้า แม่ข้าถึงกับนอนร้องไห้ 3 วัน 3 คืน พูดอย่างเดียวว่าอยากตาย อยากตาย ข้าสงสารแม่ว่ะ แถมแกบอกว่าให้พาทรายมาหา แกจะขอกราบตีนอีกคนที่ไม่เอาเรื่องลูกชายแก ข้างี้ขี้จุกอกเลย แต่ข้าบอกแม่ว่าเดี๋ยวนี้แม้แต่มองหน้าทรายมันยังไม่ทำเลย ข้าไม่กล้าเรียกให้ไปที่บ้านหรอก..............
เหตุการณ์นี้ทำให้ข้าสำนึกอย่างแรง เพราะที่แล้วมาข้าคิดว่าไม่มีใครดีด้วย ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีใครรักข้า แม้แต่แม่ก็ไม่เคยสนใจใยดีข้า แต่ที่จริงแล้วแม่ข้ารักข้าที่สุด แกกลัวข้าจะติดคุกจนเป็นลมไปเลย”
ตอนนี้อ้ายแจ็คถึงกับร้องไห้โฮ
“เหมือนคำสาบานที่ข้าให้กับทรายไว้มันจุกอยู่ที่อกว่ะ วันนี้ข้าเห็นเอ็งกับทรายหน้าตาเครียด เดินไปไหนก็มีแต่สีหน้าบึ้งตึง ใ