อาทิตย์ที่แล้วไปเที่ยวเชียงใหม่ – ลำปาง มาค่ะ ตอนขากลับได้มีโอกาสนั่งรถไฟกลับ เนื่องจากตั๋วรถทัวร์ ตั๋วเครื่องบินเต็มหมดยาวจนถึงวันอาทิตย์ต่อมา เพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่
ดิฉันซื้อตั๋วนั่งชั้น 2 จากลำปางมาลงกรุงเทพฯ เดินทางตอนกลางวัน ขบวนนี้มีพ่วงรถไฟฟรีตามนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาลมาด้วยนะคะ แต่ดิฉันเต็มใจจ่ายเงินซื้อตั๋วค่าโดยสาร เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เค้าลำบากกว่าได้นั่งตั๋วฟรีจะดีกว่า
ตามที่ระบุในตั๋วคือ รถไฟจะออกจากสถานีนครลำปางเวลา 8.37 น.ถึงสถานีปลายทางเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ค่าโดยสารก็ไม่แพงประมาณสามร้อยกว่าบาทค่ะ
ดิฉันมาถึงสถานีเวลา 8 โมงตรง ก็เดินหามุมถ่ายรูปรอเวลา จนถึงเวลาที่รถไฟจะมาก็มารออยู่ที่ชานชาลาเตรียมตัวจะขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงประกาศว่า รถไฟจะดีเลย์ไปประมาณชั่วโมงหนึ่ง คำนวณดูแล้วที่จะถึงสถานีปลายทางก็คงจะประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ยังไม่ดึกมาก ก็โอเคค่ะพอไหว
แต่เอาเข้าจริงๆ รถไฟดีเลย์ไปถึงเกือบ 10 โมง
รถคันที่ดิฉันนั่งมามองดูมอมแมมนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับสกปรก อาจเป็นเพราะรถมันเก่าแล้ว ตอนแรกดิฉันกังวลมากเรื่องการเข้าห้องน้ำ ถึงกับไม่ยอมดื่มน้ำเลยทีเดียว แต่การเดินทางทั้งวันมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดื่มน้ำและไม่เข้าห้องน้ำ สุดท้ายก็ต้องเข้า แต่ก็ผิดคาด ห้องน้ำสะอาดพอใช้ได้ค่ะ ในสถานการณ์เช่นนี้ เฮ้อ ! โล่งอกไปที
พอตัดปัญหาเรื่องห้องน้ำออกไปได้ ดิฉันก็เริ่มมีความสุขกับการเดินทางโดยรถไฟ ที่นั่งเป็นแบบเบาะเหมือนรถทัวร์ หันหน้าไปทางด้านหน้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ทำให้เจ็บก้น หรือ ตาลายปวดหัวอะไร โชคดีที่วันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น แต่ถึงร้อนก็เปิดพัดลมได้ค่ะ นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปกดชัตเตอร์ไป ก็สนุกดี มีช่วงตื่นเต้นตอนรถไฟลอดอุโมงค์ด้วยค่ะ อาหารการกินก็มีแม่ค้าขึ้นมาขายมาเสิร์ฟถึงที่ทุกสถานีเลย ขายสารพัดอย่าง ปลาช่อนปลาสลิดแดดเดียวก็มี แต่ทางที่ดีเราเตรียมไปเองจะดีกว่านะคะ
รถไฟวิ่งผ่านทุ่งนา มองเห็นนกกาบินกลับรัง ก็เริ่มตระหนักว่า นี่ 6 โมงเย็นแล้วยังไม่ถึงสถานีนครสวรรค์เลย ไอ้ที่คำนวณไว้ว่าจะถึงกรุงเทพฯเอาตอน 3 ทุ่มครึ่งนั้น คงจะไม่ใช่แล้ว น่าจะประมาณ 5 ทุ่มเป็นอย่างน้อยซึ่งดึกมากๆ ... รถไฟวิ่งช้ามาก !!
ถึงดิฉันจะซื้อตั๋วลงสถานีปลายทางที่กรุงเทพฯ แต่สถานีที่จะลงนั้น ถ้าเวลา 5 ทุ่มคงจะเปลี่ยวมากๆ และเป็นสถานีทางผ่านที่ไม่น่าจะมีคนลง หรือ ถ้ามีก็คงน้อย ความสุขสนุกสนานที่ตะกี๊มี มันเริ่มหายไปแล้ว ความวิตกกังวลเริ่มเข้ามาแทนที่ ดิฉันคิดหนัก เพราะอยู่คอนโดคนเดียวไม่มีใครไปรับที่สถานีปลายทาง เอายังไงดี ?
พอรถไฟวิ่งมาถึงสถานีนครสวรรค์ ได้ยินเสียงเค้าประกาศแจ้งว่า สถานีที่จะจอดรับ – ส่งผู้โดยสารสถานีต่อไปอีก 2 สถานีคือ หนองโพ และ บ้านตาคลี มองดูนาฬิกาก็เกือบจะหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว ผู้คนที่สถานีก็ดูโหรงเหรง ผู้โดยสารขึ้นลงก็น้อย นี่ขนาดเป็นสถานีในตัวเมือง พาลคิดไปว่าถ้าห้าทุ่มกว่าที่สถานีปลายทางในกรุงเทพฯล่ะ จะเปลี่ยวแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก
ในที่สุดก็นึกได้ว่าบ้านพี่สะใภ้อยู่แถวๆ อำเภอบ้านหมอ แต่ไม่แน่ใจว่ารถไฟขบวนนี้จะผ่านและจะจอดที่สถานีนี้ไหม พอดีเจ้าหน้าที่ประจำขบวนเดินผ่านมาจึงถามพี่เค้า พี่เค้าก็ไม่แน่ใจแต่บอกจะเช็คให้ ครู่ต่อมา พี่เค้าก็มาบอกว่า ผ่านและจอดที่สถานีบ้านหมอ ดิฉันจึงรีบโทรบอกพี่ชายให้มารับ ... ในที่สุดก็ถึงสถานีบ้านหมอในเวลา 20.40 น.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณเจ้าหน้าที่พนักงานรถไฟสถานีนครลำปาง และ ที่ประจำอยู่ขบวนรถไฟขบวนนี้ทุกท่าน ที่อำนวยความสะดวกในข้อมูลการเดินทางและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพเรียบร้อยนะคะ
Main Point
1. การระบุชื่อและเลขที่บัตรประชาชนลงในตั๋วโดยสาร อาจไม่ปลอดภัยกับผู้โดยสาร ในด้านการสวมรอยหรือปลอมแปลงข้อมูลส่วนตัว
2. เวลาการจอดรับ – ส่งผู้โดยสารในแต่ละสถานีน้อยเกินไป (ประมาณ 2 นาที) อาจเกิดอันตรายกับผู้โดยสารได้ในกรณีรีบเร่ง
และมีสัมภาระติดตัวมาก
3. สอบถามสาเหตุของการดีเลย์ ได้รับคำตอบว่า เพราะหัวขบวนที่จะมาลาก ขึ้นมาจากต้นสายช้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ ทั้งๆที่
รถไฟไม่ว่าจะเป็นหัวขบวน หรือ ขบวนสั้น ขบวนยาว ก็ไม่ติดไฟแดงและรถทุกชนิดต้องหยุดรอให้ผ่านก่อนอยู่แล้ว ?
4. อยากให้ขับรถไฟเร็วกว่านี้ค่ะ
5. อยากให้ดูแลรักษาความสะอาดมากกว่านี้ค่ะ
+ + + รีวิวประสบการณ์การนั่งรถไฟครั้งแรกในรอบ 30 ปี (Pechnamnil) + + +
อาทิตย์ที่แล้วไปเที่ยวเชียงใหม่ – ลำปาง มาค่ะ ตอนขากลับได้มีโอกาสนั่งรถไฟกลับ เนื่องจากตั๋วรถทัวร์ ตั๋วเครื่องบินเต็มหมดยาวจนถึงวันอาทิตย์ต่อมา เพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่
ดิฉันซื้อตั๋วนั่งชั้น 2 จากลำปางมาลงกรุงเทพฯ เดินทางตอนกลางวัน ขบวนนี้มีพ่วงรถไฟฟรีตามนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาลมาด้วยนะคะ แต่ดิฉันเต็มใจจ่ายเงินซื้อตั๋วค่าโดยสาร เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เค้าลำบากกว่าได้นั่งตั๋วฟรีจะดีกว่า
ตามที่ระบุในตั๋วคือ รถไฟจะออกจากสถานีนครลำปางเวลา 8.37 น.ถึงสถานีปลายทางเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ค่าโดยสารก็ไม่แพงประมาณสามร้อยกว่าบาทค่ะ
ดิฉันมาถึงสถานีเวลา 8 โมงตรง ก็เดินหามุมถ่ายรูปรอเวลา จนถึงเวลาที่รถไฟจะมาก็มารออยู่ที่ชานชาลาเตรียมตัวจะขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงประกาศว่า รถไฟจะดีเลย์ไปประมาณชั่วโมงหนึ่ง คำนวณดูแล้วที่จะถึงสถานีปลายทางก็คงจะประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ยังไม่ดึกมาก ก็โอเคค่ะพอไหว
แต่เอาเข้าจริงๆ รถไฟดีเลย์ไปถึงเกือบ 10 โมง
รถคันที่ดิฉันนั่งมามองดูมอมแมมนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับสกปรก อาจเป็นเพราะรถมันเก่าแล้ว ตอนแรกดิฉันกังวลมากเรื่องการเข้าห้องน้ำ ถึงกับไม่ยอมดื่มน้ำเลยทีเดียว แต่การเดินทางทั้งวันมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดื่มน้ำและไม่เข้าห้องน้ำ สุดท้ายก็ต้องเข้า แต่ก็ผิดคาด ห้องน้ำสะอาดพอใช้ได้ค่ะ ในสถานการณ์เช่นนี้ เฮ้อ ! โล่งอกไปที
พอตัดปัญหาเรื่องห้องน้ำออกไปได้ ดิฉันก็เริ่มมีความสุขกับการเดินทางโดยรถไฟ ที่นั่งเป็นแบบเบาะเหมือนรถทัวร์ หันหน้าไปทางด้านหน้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ทำให้เจ็บก้น หรือ ตาลายปวดหัวอะไร โชคดีที่วันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น แต่ถึงร้อนก็เปิดพัดลมได้ค่ะ นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปกดชัตเตอร์ไป ก็สนุกดี มีช่วงตื่นเต้นตอนรถไฟลอดอุโมงค์ด้วยค่ะ อาหารการกินก็มีแม่ค้าขึ้นมาขายมาเสิร์ฟถึงที่ทุกสถานีเลย ขายสารพัดอย่าง ปลาช่อนปลาสลิดแดดเดียวก็มี แต่ทางที่ดีเราเตรียมไปเองจะดีกว่านะคะ
รถไฟวิ่งผ่านทุ่งนา มองเห็นนกกาบินกลับรัง ก็เริ่มตระหนักว่า นี่ 6 โมงเย็นแล้วยังไม่ถึงสถานีนครสวรรค์เลย ไอ้ที่คำนวณไว้ว่าจะถึงกรุงเทพฯเอาตอน 3 ทุ่มครึ่งนั้น คงจะไม่ใช่แล้ว น่าจะประมาณ 5 ทุ่มเป็นอย่างน้อยซึ่งดึกมากๆ ... รถไฟวิ่งช้ามาก !!
ถึงดิฉันจะซื้อตั๋วลงสถานีปลายทางที่กรุงเทพฯ แต่สถานีที่จะลงนั้น ถ้าเวลา 5 ทุ่มคงจะเปลี่ยวมากๆ และเป็นสถานีทางผ่านที่ไม่น่าจะมีคนลง หรือ ถ้ามีก็คงน้อย ความสุขสนุกสนานที่ตะกี๊มี มันเริ่มหายไปแล้ว ความวิตกกังวลเริ่มเข้ามาแทนที่ ดิฉันคิดหนัก เพราะอยู่คอนโดคนเดียวไม่มีใครไปรับที่สถานีปลายทาง เอายังไงดี ?
พอรถไฟวิ่งมาถึงสถานีนครสวรรค์ ได้ยินเสียงเค้าประกาศแจ้งว่า สถานีที่จะจอดรับ – ส่งผู้โดยสารสถานีต่อไปอีก 2 สถานีคือ หนองโพ และ บ้านตาคลี มองดูนาฬิกาก็เกือบจะหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว ผู้คนที่สถานีก็ดูโหรงเหรง ผู้โดยสารขึ้นลงก็น้อย นี่ขนาดเป็นสถานีในตัวเมือง พาลคิดไปว่าถ้าห้าทุ่มกว่าที่สถานีปลายทางในกรุงเทพฯล่ะ จะเปลี่ยวแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก
ในที่สุดก็นึกได้ว่าบ้านพี่สะใภ้อยู่แถวๆ อำเภอบ้านหมอ แต่ไม่แน่ใจว่ารถไฟขบวนนี้จะผ่านและจะจอดที่สถานีนี้ไหม พอดีเจ้าหน้าที่ประจำขบวนเดินผ่านมาจึงถามพี่เค้า พี่เค้าก็ไม่แน่ใจแต่บอกจะเช็คให้ ครู่ต่อมา พี่เค้าก็มาบอกว่า ผ่านและจอดที่สถานีบ้านหมอ ดิฉันจึงรีบโทรบอกพี่ชายให้มารับ ... ในที่สุดก็ถึงสถานีบ้านหมอในเวลา 20.40 น.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณเจ้าหน้าที่พนักงานรถไฟสถานีนครลำปาง และ ที่ประจำอยู่ขบวนรถไฟขบวนนี้ทุกท่าน ที่อำนวยความสะดวกในข้อมูลการเดินทางและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพเรียบร้อยนะคะ
Main Point
1. การระบุชื่อและเลขที่บัตรประชาชนลงในตั๋วโดยสาร อาจไม่ปลอดภัยกับผู้โดยสาร ในด้านการสวมรอยหรือปลอมแปลงข้อมูลส่วนตัว
2. เวลาการจอดรับ – ส่งผู้โดยสารในแต่ละสถานีน้อยเกินไป (ประมาณ 2 นาที) อาจเกิดอันตรายกับผู้โดยสารได้ในกรณีรีบเร่ง
และมีสัมภาระติดตัวมาก
3. สอบถามสาเหตุของการดีเลย์ ได้รับคำตอบว่า เพราะหัวขบวนที่จะมาลาก ขึ้นมาจากต้นสายช้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ ทั้งๆที่
รถไฟไม่ว่าจะเป็นหัวขบวน หรือ ขบวนสั้น ขบวนยาว ก็ไม่ติดไฟแดงและรถทุกชนิดต้องหยุดรอให้ผ่านก่อนอยู่แล้ว ?
4. อยากให้ขับรถไฟเร็วกว่านี้ค่ะ
5. อยากให้ดูแลรักษาความสะอาดมากกว่านี้ค่ะ