เมื่อตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม หมั่นเจริญสติทุกเวลา มีปัญญา ไม่ยึดมั่น รู้จักปล่อยวาง ปฏิบัติธรรมพัฒนาพละอยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี เป็น 10ๆ ปี หรือตลอดทั้งชีวิต
สภาวะของโลก และโลกธรรมนั้นแหละ ด้วยประสบ เกิด แก่บ้าง เจ็บบ้าง จะตายบ้าง หรือเกิดมีโลกธรรมในฝ่าย ผิดหวัง สูญเสีย มีทุกข์ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ไม่ได้ดังที่ประสงค์ ก็เป็นทุกข์ จึงเห็นทุกข์ยิ่ง จากการปฏิบัติธรรมมาตลอดไม่ทอดธุระนั้นเอง จนผลักดันให้ปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง พัฒนาดำเนินปฏิบัตทางจิต สังเกตุและและเรียนรู้ทิศทางแห่งใจ และการเกิดกิเลส การเกิดทุกข์แห่งตนเอง ปฏิบัติธรรมจนหมดหนทาง สิ้นหวังแล้วในโลก หมดหวังแล้วโลก แต่ตั้งมั่นกำหนดภาวนาอยู่ จึงสละทิ้งชีวิตไปได้ แม้เกิดสภาวะทุกข์ยิ่งในการกำหนดภวานาปฏิบัติ พระไตรลักษณ์อันปรานิตจึงปรากฏประจักขึ้น
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นอยู่ในการกำหนดภาวนากรรมฐานนั้น ปรากฏแจ้งจัดยิ่งทั้ง อนิจัง ทุกขัง อย่างยิ่งยวด ในจิต ในรูป-นาม ที่เป็นหนึ่งเดียว ที่สติเท่าทันในรูป-นาม (จิต) เป็นปัจจุบันขณะๆ นั้น โพฏิปักขียธรรม 37 ประการ ก็จะสมดุลย์เป็นหนึ่ง ละวางแจ้งชัดถึง อนัตตา เป็นมรรคสมังคี หมดสิ้น พ้นสิ้น ที่เหมือนตายสิ้นไปแล้วจาก รูป-นาม (จิต) ที่เป็นหนึ่งเดียวนั้น.
เมื่อปรากฏย่อมปรากฏ รูป-นาม (จิต) ขึ้นมาเอง เหมือนดังเกิดขึ้นมาใหม่ฉะนั้นเอง.
นั้นแหละที่จะต้องปฏิบัติธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรมที่ถูกทางตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ด้วยต้องเกิดทุกข์ กับธรรมดาของโลก และโลกธรรม 8 เป็นธรรมดา เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็๋จะนำไปสู่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง จนยิ่งยวด จนเกิด มรรคสมังคี ขึ้นได้
แต่ผู้ที่หลงอยู่ มีทิฏฐิปักแน่นยึดมั่นแห่งใจอยู่ และผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ในฐานะแห่งตนตามโลกตามโลกธรรม และตั้งมั่นในความหวังของกิเลสตนอยู่ แม้ปฏิบัติธรรมเสมือนจะต้องตายจากไปได้ มรรคสมังคี ย่อมไม่ปรากฏเป็นธรรมดา.
ตั้งอยู่ในศีลธรรม หมั่นเจริญสติ ปฏิบัติธรรมพัฒนาพละอยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ สภาวะของโลกธรรมนั้นแหละจะผลักดันให้ปฏิบัติยิ่ง
สภาวะของโลก และโลกธรรมนั้นแหละ ด้วยประสบ เกิด แก่บ้าง เจ็บบ้าง จะตายบ้าง หรือเกิดมีโลกธรรมในฝ่าย ผิดหวัง สูญเสีย มีทุกข์ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ไม่ได้ดังที่ประสงค์ ก็เป็นทุกข์ จึงเห็นทุกข์ยิ่ง จากการปฏิบัติธรรมมาตลอดไม่ทอดธุระนั้นเอง จนผลักดันให้ปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง พัฒนาดำเนินปฏิบัตทางจิต สังเกตุและและเรียนรู้ทิศทางแห่งใจ และการเกิดกิเลส การเกิดทุกข์แห่งตนเอง ปฏิบัติธรรมจนหมดหนทาง สิ้นหวังแล้วในโลก หมดหวังแล้วโลก แต่ตั้งมั่นกำหนดภาวนาอยู่ จึงสละทิ้งชีวิตไปได้ แม้เกิดสภาวะทุกข์ยิ่งในการกำหนดภวานาปฏิบัติ พระไตรลักษณ์อันปรานิตจึงปรากฏประจักขึ้น
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นอยู่ในการกำหนดภาวนากรรมฐานนั้น ปรากฏแจ้งจัดยิ่งทั้ง อนิจัง ทุกขัง อย่างยิ่งยวด ในจิต ในรูป-นาม ที่เป็นหนึ่งเดียว ที่สติเท่าทันในรูป-นาม (จิต) เป็นปัจจุบันขณะๆ นั้น โพฏิปักขียธรรม 37 ประการ ก็จะสมดุลย์เป็นหนึ่ง ละวางแจ้งชัดถึง อนัตตา เป็นมรรคสมังคี หมดสิ้น พ้นสิ้น ที่เหมือนตายสิ้นไปแล้วจาก รูป-นาม (จิต) ที่เป็นหนึ่งเดียวนั้น.
เมื่อปรากฏย่อมปรากฏ รูป-นาม (จิต) ขึ้นมาเอง เหมือนดังเกิดขึ้นมาใหม่ฉะนั้นเอง.
นั้นแหละที่จะต้องปฏิบัติธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรมที่ถูกทางตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ด้วยต้องเกิดทุกข์ กับธรรมดาของโลก และโลกธรรม 8 เป็นธรรมดา เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็๋จะนำไปสู่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง จนยิ่งยวด จนเกิด มรรคสมังคี ขึ้นได้
แต่ผู้ที่หลงอยู่ มีทิฏฐิปักแน่นยึดมั่นแห่งใจอยู่ และผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ในฐานะแห่งตนตามโลกตามโลกธรรม และตั้งมั่นในความหวังของกิเลสตนอยู่ แม้ปฏิบัติธรรมเสมือนจะต้องตายจากไปได้ มรรคสมังคี ย่อมไม่ปรากฏเป็นธรรมดา.