------หากใครเคยอ่านกระทู้ในการทำร้านของผมด้วยงบ 30,000 บาท เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว (
http://pantip.com/topic/35242724) คงจะเข้าใจถึงความยากลำบากของการทำร้านด้วยงบประมาณที่จำกัดมาก ในวันนั้นอาจจะเขียนและแชร์ประสบการณ์ในการสร้างร้าน ด้วยงบที่จำกัดมากๆ การใช้แรงงานตัวเองในการ “ ก่ อ ร่ า ง ส ร้ า ง ร้ า น “ มันไม่ได้ง่ายเลย มันต้องอดทนเป็นอย่างมาก หลังจากร้านสร้างเสร็จ ในช่วงแรกเมนูที่ผมขายก็จะเป็นพวก สมูตตี้ ชา นม ส่วนกาแฟดริปนั้น เน้นทำกินเองเป็นหลักครับ ช่วงแรกลูกค้าจะเป็นกลุ่มนักเรียน กลุ่มผู้หญิงสายสุขภาพเป็นหลัก และกลุ่มที่ได้อ่านกระทู้ที่ผมเขียนขึ้นเมื่อครั้งก่อน ถามว่ามีผลทำให้รู้จักร้านเราไหม ตอบเลยว่ามีแน่นอนครับ แต่มันเป็นกระแสช่วงแรก ของจริงมันหลังจากนั้นต่างหาก ส่วนบรรยากาศของร้านก็ยังไม่มีอะไรมาก บาร์ที่ใช้ชงเครื่องดื่มก็ยืมน้า

ตู้เย็นก็ยังไม่มี อ่างล้างจานก็ยังไม่มี ซึ่งผมจะค่อยๆเล่าให้ฟังเป็นอย่างๆไปนะครับ ส่วนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ไม่ต้องพุดถึงมีแน่นอน ไม่มีก็แปลกแล้วจริงไหมละครับ การสร้างด้วยมือเรา จากเล็กๆ มันอาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่อะไร แต่มันเกิดความภูมิใจเล็กๆ ในใจเรา
------ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ผมได้ลองผิดลองถูกกับการทำร้าน ตัวเอง ในตอนแรกมันยังไม่ได้เป็นร้านกาแฟหรอกนะครับ เพราะผมไม่มีเงินซื้อเครื่องชงกาแฟ “ ไ ม่ มี “ คือไม่มีจริงๆนะครับ ในช่วงแรกก็อาศัยขายสมูตตี้ผลไม้ต่าง เมนูชา เมนูนม ในทุกๆวันผมยกถังน้ำที่ใช้ล้างโถสำหรับปั่น ออกไปทิ้งข้างนอก ซึ่งมันหนักมากครับ ผมต้องยกไปเทเพราะว่าผมตัดงบในการทำอ่างล้างจานและงานประปาทิ้งไป ไม่งั้นงบจะเกิน อย่างน้อยๆก็ได้แอร์จากห้องนอนตัวเองมาติดไว้ให้ลูกค้าได้เย็นก่อนก็ยังดี

------ด้วยผนังที่ผมเขียนเอง ดึงดูดกลุ่มนักเรียนให้มาที่ร้าน ซึ่งช่วงแรกกลุ่มนักเรียนจะมากันเยอะเพราะกระแสของการถ่ายรูปลงเฟสบุ๊ค เช็คอินต่างๆ เนื่องจากร้านผมขนาดเล็ก ทำให้ไม่เพียงพอสำหรับนักเรียนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และพื้นที่ด้านนอกก็ยังไม่มีเงินทำ จึงต้องยอมจำนนไปก่อน บางครั้งถ้าลูกค้าสั่งน้ำก็วิ่งส่งตามสถานที่ต่างๆด้วยเช่นกันครับ ผมทำแบบนี้ได้ซักพัก ก็พอมีเงินเก็บ พอที่จะทำบาร์ของตัวเอง

------บาร์ที่ผมทำนี้เป็นโครงสร้างไม้ กรุด้วยกระสอบป่าน ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกที่สุดและหาง่ายที่สุดในตอนนั้น ผมทายูริเทนเคลือบเพื่อให้มันแข็งตัว ส่วนอ่างล้างจานสแตนเลส เป็นของมือสองครับ ซึ่งก็ต้องเจาะผนัง เดินท่อน้ำดี ท่อน้ำเสียเอง ทำมันทั้งวัน ทำไปด้วย ขายของไปด้วย ลูกค้าประจำถึงกับตกใจกับสภาพเหงื่อท่วมตัวจากการต่อระบบประปา
------หลังจากนั้นก็ค่อยเก็บเงินซื้อตู้เย็นมือสอง ซึ่งลูกค้าถามถึงเค้ก ผมเดินไปดูตู้เค้ก ผมถึงกับตกใจ !!! แม่เจ้า !!! แพงกว่างบสร้างร้านเราทั้งร้านอีกนะเนี่ยด้วยราคา 4X,XXX บาท มันจึงเป็นโจทย์ให้เราว่า ตู้เค้กมีหน้าที่คือ แช่เค้กในอุณหภูมิที่เหมาะสม โชว์เค้กให้ดูน่ากิน งั้นไม่เป็นไร มีหน้าที่ไว้แช่พอ ส่วนจะโชว์หรือไม่โชว์ เราอาศัยบอกลูกค้าเอาละกัน หลังจากนั้นผมจึงติดต่อพี่คนที่ทำเค้ก ในที่สุดร้านผมก็มีเค้กสำหรับเสริฟลูกค้าแล้ว แต่ผมใช้คอนเซ็ปว่า “ตู้เย็นบ้านเพื่อน ข้างในมีเค้กเปิดทานได้” โดยที่ผมไปหาซื้อตู้เย็น 2 ประตูมือสอง แล้วมาตั้งอุณหภูมิให้เท่ากับตู้เค้ก อาศัยบอกลูกค้าว่าข้างในมือเค้กนะครับ

จะถ่ายรุปเค้กติดตู้เย็น ก็ยังไม่มีจังหวะดีๆถ่าย เลยยังไม่ได้ติดจนบัดนี้ อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะเล่าสู่กันฟังคือถังน้ำแข็ง ซึ่งถังน้ำแข็งจากโรงน้ำแข็งทั่วไปจะเป็นถังสีส้ม สีแดง สีน้ำเงินบ้าง บอกเลยว่าเวลาถ่ายรูปติดแล้วมันขัดหูขัดตามาก โชคดีที่เจ้าของโรงน้ำแข็งเห็นความสำคัญของงานออกแบบ เขาจึงเป็นสปอนเซอร์จ่ายค่าจ้างทำถังน้ำแข็ง ที่ทำจากตู้เย็นเก่าที่ไม่ใช้แล้ว แล้วกรุด้วยไม้เก่าของเขาเอง

มันดูมีดีไซด์นะ แต่บอกเลยว่า หนักเชี่ยๆ ผมยกจนไม่ต้องเล่นเวทอะไรละวันๆเนี่ย แต่อย่างน้อยๆ เราก็ได้ ถังน้ำแข็งที่กลมกลืนกับร้านเราจนได้ ปัญหามันก็มีเช่นกันครับ หากช่างที่ทำ อุดรอยต่อไม่ดี มันจะซึมครับ ตอนนี้เจอปัญหานี้ ในอนาคตหากมีตังค์มากขึ้น จะเปลี่ยนเป็นถังที่มันเล็กลงกระชับพื้นที่มากกว่านี้ สำหรับอุปกรณ์เสริมก็มีประมาณนี้ครับ
------หลังจากที่ผมทำร้านได้ประมาณ 3 – 4 เดือน ก็มีลูกค้าเดินเข้ามาถามถึงกาแฟติดต่อกันประมาณ 7 วัน ผมรู้ว่ามันมี ความต้องการของลูกค้าเกิดขึ้น การที่เราจะหาเงินมาซื้อเครื่องชงกาแฟคงจะหาไม่ได้แน่ โชคดีจังหวะนั้นลิสซิ่งที่ผมผ่อนรถอยู่นั้นโทรมาว่า คุณเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่เคยค้างจ่าย เรามีวงเงินให้คุณกู้ ผ่อนรถเท่าเดิม แต่ระยะเวลายาวขึ้น ตอนนั้นพูดเลยว่าผมไม่อยากมีหนี้เพิ่มแล้ว เพราะทุกวันนี้

ก็เยอะอยู่ละ อีกใจก็บอกกับตัวเองว่า ถึงเวลาในการผ่อนจะยาวขึ้น แต่รายจ่ายต่อเดือนเราก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ช่องทางในการหาเงินซื้อเครื่องในตอนนี้ มีทางนี้ทางเดียวที่ทำให้รายจ่ายต่อเดือนไม่เพิ่ม เราไม่ได้กู้เพื่อเอาไปใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มันคือหนึ่งในเครื่องมือทำมาหากิน ในที่สุดก็ได้เครื่องชงกาแฟมาไว้ในมือ

ได้เครื่องมาแต่มันยังไม่จบหรอกนะ เพราะเครื่องไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เมล็ดที่จะนำมาใช้ ทักษะของเราที่จะทำขาย มันคือศูนย์ ตอนซื้อเครื่องเขาก็สอนครับ แต่มันยังไม่พอ ผมครุ่นคิดว่า จะหาเมล็ดดีๆจากที่ไหนดี จะฝึกวิชาจากใครดี คอร์สต่างๆก็แพง เราไม่มีเงินขนาดนั้น โชคชะตาทำให้ผมรู้จักพี่คนหนึ่งในเฟส ทำให้รู้จักกับโรงคั่วแห่งหนึ่ง จนทำให้ผมได้เมล็ดที่จะใช้ในร้าน ในช่วงแรกบอกเลยว่าแกว่งมาก เพราะทั้งทักษะในการทำของเรา ความเสถียร ความรู้ ความเข้าใจในการทำ ยังไม่มากพอ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มากพอ ต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย จากพี่ๆที่แวะเวียนมาหา
------หลังจากด้านในของร้านเริ่มจะมีครบ ผมจึงได้เริ่มเก็บเงินและวางแผนที่จะทำด้านนอกของร้าน เพื่อให้ลูกค้านั่งในช่วงหน้าหนาวนี้ ซึ่งก็มีเวลาเก็บเงินไม่มาก ด้วยยอดขายต่อวันที่ไม่ได้มากมายอะไร หักลบกลบหนี้ ก็เหลือไม่เท่าไร จึงทำให้ต้องพิจารณาถึงงบประมาณที่จะทำก่อน ทั้งเรื่องของวัสดุที่จะใช้ และช่างที่จะทำ ซึ่งดูแล้วว่า งานถ้าไม่ถึงหลักหมื่นผู้รับเหมาไม่ทำแน่ สิ่งแรกที่เราทำได้ง่ายที่สุดคือทำพื้นที่หน้าร้านให้ดูโล่ง ผมจึงสั่งหินมาลง

พูดเลยว่า การเกลี่ยหินนี่มันโคตรเมื่อยเลย เมื่อยหลังไงครับ

เมื่อพื้นที่หน้าร้านเปิดโล่งมากขึ้น รถพ่วงที่ชอบจอดบังหน้าร้านก็ไม่ค่อยมาจอดแล้ว แต่หันไปจอดบังซอยแทน สุดยอดไปเลย!!! หลังจากหน้าร้านโล่ง และดุสะอาดตาด้วยลานหินแล้ว ก็ได้ทำสะพานไม้ไผ่เชื่อมระหว่างถนนใหญ่กับถนนหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้เดินข้าม โดยไม่ต้องเดินอ้อมเหมือนทุกครั้ง ส่วนงานสะพานไม้ไผ่นี้ ผมจ้างาตาทำ ซึ่งช่วงนั้นตาว่างพอดี

ตาเป็นอีกบุคคลนี่ทำให้ร้านนี้เกิดขึ้นได้ บาร์ไม้ตาก็เป็นคนขึ้นโครงให้แล้วผมก็เอามาทำต่อเช่นกัน หลังจากที่ตาทำสะพานไม้ไผ่เสร็จ ผมก็เริ่มจัดพื้นที่ใต้ต้นไม้เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งดื่มเครื่องดื่มใต้ต้นไม้

ต่อไปเป็นรูปลักษณ์อาคารเก่าหลังนี้ ซึ่งรูปด้านหน้าอาคารจะกรุด้วยยิปซัมบอร์ดเก่าผ่านกาลเวลามานานมาก เกิดการแตกหัก ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าเปลี่ยนคงต้องเปลี่ยนหมด จะเปลี่ยนอันสองอัน คงไม่มีใครมาเปลี่ยนให้ เครื่องมือเราก็ไม่ครบ เอาวะ!!! ใช้งานเพ้นท์ช่วยนี่แหละ ผมจึงตัดสินใจทาสีเทาเข้ม แล้วเพ้นท์ทับด้วยสีขาว มันก็พอจะ ทำให้รูปลักษณ์อาคารเก่าดูมีอะไรขึ้นมาบ้าง จากความไม่สมบูรณ์แบบ

---ทุกวันนี้ทำให้ผมมองสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบในมุมมองที่แตกต่างกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ส่วนโครงสร้างไม้ไผ่ที่ยึดกับต้นหูกวาง พุดเลยว่า ทำเองทั้งหมด ทำไว้เพื่อเป็นโครงสำหรับงานไฟด้วยส่วนหนึ่ง จริงๆในแบบที่ทำไว้ มันเป็นโครงสร้างเหล็กที่เป็นเฉลียงชั้นสองขึ้นด้วยบันไดเวียน ลูกค้าสามารถนั่งจิบกาแฟและเครื่องดื่มบนเฉลียงชั้น 2 ได้ มันทำให้เป็นจุดที่สะดุดตาหากขับรถผ่านบริเวณถนนใหญ่ด้วย แต่ด้วยผมมีงบไม่เพียงพอจึงตัดทิ้งไปก่อน ไว้มีเงินแล้วค่อยทำแบบนั้น
จากเงิน 30,000 บาท วันนั้น สู่ร้านในวันนี้
------ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ผมได้ลองผิดลองถูกกับการทำร้าน ตัวเอง ในตอนแรกมันยังไม่ได้เป็นร้านกาแฟหรอกนะครับ เพราะผมไม่มีเงินซื้อเครื่องชงกาแฟ “ ไ ม่ มี “ คือไม่มีจริงๆนะครับ ในช่วงแรกก็อาศัยขายสมูตตี้ผลไม้ต่าง เมนูชา เมนูนม ในทุกๆวันผมยกถังน้ำที่ใช้ล้างโถสำหรับปั่น ออกไปทิ้งข้างนอก ซึ่งมันหนักมากครับ ผมต้องยกไปเทเพราะว่าผมตัดงบในการทำอ่างล้างจานและงานประปาทิ้งไป ไม่งั้นงบจะเกิน อย่างน้อยๆก็ได้แอร์จากห้องนอนตัวเองมาติดไว้ให้ลูกค้าได้เย็นก่อนก็ยังดี
------ด้วยผนังที่ผมเขียนเอง ดึงดูดกลุ่มนักเรียนให้มาที่ร้าน ซึ่งช่วงแรกกลุ่มนักเรียนจะมากันเยอะเพราะกระแสของการถ่ายรูปลงเฟสบุ๊ค เช็คอินต่างๆ เนื่องจากร้านผมขนาดเล็ก ทำให้ไม่เพียงพอสำหรับนักเรียนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และพื้นที่ด้านนอกก็ยังไม่มีเงินทำ จึงต้องยอมจำนนไปก่อน บางครั้งถ้าลูกค้าสั่งน้ำก็วิ่งส่งตามสถานที่ต่างๆด้วยเช่นกันครับ ผมทำแบบนี้ได้ซักพัก ก็พอมีเงินเก็บ พอที่จะทำบาร์ของตัวเอง
------บาร์ที่ผมทำนี้เป็นโครงสร้างไม้ กรุด้วยกระสอบป่าน ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกที่สุดและหาง่ายที่สุดในตอนนั้น ผมทายูริเทนเคลือบเพื่อให้มันแข็งตัว ส่วนอ่างล้างจานสแตนเลส เป็นของมือสองครับ ซึ่งก็ต้องเจาะผนัง เดินท่อน้ำดี ท่อน้ำเสียเอง ทำมันทั้งวัน ทำไปด้วย ขายของไปด้วย ลูกค้าประจำถึงกับตกใจกับสภาพเหงื่อท่วมตัวจากการต่อระบบประปา
------หลังจากนั้นก็ค่อยเก็บเงินซื้อตู้เย็นมือสอง ซึ่งลูกค้าถามถึงเค้ก ผมเดินไปดูตู้เค้ก ผมถึงกับตกใจ !!! แม่เจ้า !!! แพงกว่างบสร้างร้านเราทั้งร้านอีกนะเนี่ยด้วยราคา 4X,XXX บาท มันจึงเป็นโจทย์ให้เราว่า ตู้เค้กมีหน้าที่คือ แช่เค้กในอุณหภูมิที่เหมาะสม โชว์เค้กให้ดูน่ากิน งั้นไม่เป็นไร มีหน้าที่ไว้แช่พอ ส่วนจะโชว์หรือไม่โชว์ เราอาศัยบอกลูกค้าเอาละกัน หลังจากนั้นผมจึงติดต่อพี่คนที่ทำเค้ก ในที่สุดร้านผมก็มีเค้กสำหรับเสริฟลูกค้าแล้ว แต่ผมใช้คอนเซ็ปว่า “ตู้เย็นบ้านเพื่อน ข้างในมีเค้กเปิดทานได้” โดยที่ผมไปหาซื้อตู้เย็น 2 ประตูมือสอง แล้วมาตั้งอุณหภูมิให้เท่ากับตู้เค้ก อาศัยบอกลูกค้าว่าข้างในมือเค้กนะครับ
------หลังจากที่ผมทำร้านได้ประมาณ 3 – 4 เดือน ก็มีลูกค้าเดินเข้ามาถามถึงกาแฟติดต่อกันประมาณ 7 วัน ผมรู้ว่ามันมี ความต้องการของลูกค้าเกิดขึ้น การที่เราจะหาเงินมาซื้อเครื่องชงกาแฟคงจะหาไม่ได้แน่ โชคดีจังหวะนั้นลิสซิ่งที่ผมผ่อนรถอยู่นั้นโทรมาว่า คุณเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่เคยค้างจ่าย เรามีวงเงินให้คุณกู้ ผ่อนรถเท่าเดิม แต่ระยะเวลายาวขึ้น ตอนนั้นพูดเลยว่าผมไม่อยากมีหนี้เพิ่มแล้ว เพราะทุกวันนี้
------หลังจากด้านในของร้านเริ่มจะมีครบ ผมจึงได้เริ่มเก็บเงินและวางแผนที่จะทำด้านนอกของร้าน เพื่อให้ลูกค้านั่งในช่วงหน้าหนาวนี้ ซึ่งก็มีเวลาเก็บเงินไม่มาก ด้วยยอดขายต่อวันที่ไม่ได้มากมายอะไร หักลบกลบหนี้ ก็เหลือไม่เท่าไร จึงทำให้ต้องพิจารณาถึงงบประมาณที่จะทำก่อน ทั้งเรื่องของวัสดุที่จะใช้ และช่างที่จะทำ ซึ่งดูแล้วว่า งานถ้าไม่ถึงหลักหมื่นผู้รับเหมาไม่ทำแน่ สิ่งแรกที่เราทำได้ง่ายที่สุดคือทำพื้นที่หน้าร้านให้ดูโล่ง ผมจึงสั่งหินมาลง
---ทุกวันนี้ทำให้ผมมองสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบในมุมมองที่แตกต่างกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ส่วนโครงสร้างไม้ไผ่ที่ยึดกับต้นหูกวาง พุดเลยว่า ทำเองทั้งหมด ทำไว้เพื่อเป็นโครงสำหรับงานไฟด้วยส่วนหนึ่ง จริงๆในแบบที่ทำไว้ มันเป็นโครงสร้างเหล็กที่เป็นเฉลียงชั้นสองขึ้นด้วยบันไดเวียน ลูกค้าสามารถนั่งจิบกาแฟและเครื่องดื่มบนเฉลียงชั้น 2 ได้ มันทำให้เป็นจุดที่สะดุดตาหากขับรถผ่านบริเวณถนนใหญ่ด้วย แต่ด้วยผมมีงบไม่เพียงพอจึงตัดทิ้งไปก่อน ไว้มีเงินแล้วค่อยทำแบบนั้น