เมื่อผมมีเงิน 30,000 บาท แต่อยากมีร้านเป็นของตัวเอง

---ก่อนจะเข้าเรื่อง 30,000 บาท กับการสร้างร้านของผม  ผมขอเล่าที่มาเคร่าๆให้ฟังก่อนนะครับ วันที่ 6 มิ.ย. 2558  1 ปีที่แล้วผมได้กลับมาจากประเทศลาว โดยผมเหลือเงินในบัญชีติดตัว 1,500 บาท ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวผม แม้ว่าการไปลาวครั้งนั้นไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

แต่มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น เราต้องทำทุกอย่างจริงๆเพื่อให้อยู่รอดหลังจากกลับมา ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณบริษัทเก่า ที่คอยป้อนงานให้ และพี่สายรหัส และอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ทำให้ค่อยๆพ้นวิกฤตมาได้
---1ปีที่ผ่านมาผมเจอเรื่องราวต่างๆ แปลกๆในชีวิตมากมาย ซึ่งเป็นการย้ำเตือนว่าเราต้องมีสติรับมือกับมันจริงๆ  ผมเชื่อว่าหลายคนคงเจอปัญหาที่แตกต่างกันไปแน่นอน ขอเพียงแค่เราสู้กับมัน ท้อได้แต่อย่าถอย มหาลัยเหมืองแร่ของผมกับในหนัง มันไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไร แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เข้มข้นมาก ได้พบ ได้เจอ ได้เห็น ในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น...ผมลืมบอกไปว่าผมไปทำงานเหมืองแร่ โยนทิ้งไปเลยเรื่องอีโก้ต่างๆ  
---เอาละครับเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมได้ทำงานเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ซึ่งไม่มากอะไรเลย แต่ผมอยากมีร้านเป็นของตัวเอง ผมจะต้องทำยังไง นี่เป็นโจทย์ที่ทำให้เราต้องคิดให้เยอะ สิ่งแรกที่จะทำให้เราประหยัดได้คือ การนำของเหลือใช้ทุกอย่างที่หาได้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์  และที่สำคัญที่สุด คุณต้องลงแรงเอง อะไรที่ทำได้ก็ทำ


อะไรที่ทำไม่ได้ค่อยจ้าง หลังจากที่ผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำร้านให้ออกมาในรูปแบบไหน ผมก็ได้เริ่มทำการออกแบบ แล้วนำแบบให้ผู้รับเหมาดีราคา ซึ่งราคาที่ผู้รับเหมาะตีราคามา อยู่ที่ 27,590 บาท จริงๆมันก็ไม่แพงนะ แต่ ราคานี้ทำให้ผมเปิดร้านไม่ได้ เพราะเฟอร์นิเจอร์ไม่มี ส่วนตกแต่งหลายๆอย่างต้องซื้อเพิ่มจากราคาที่เสนอมานี้ ผมจึงตัดบางอย่างที่คิดว่าเราพอจะทำเองได้ สรุปแล้วสิ่งที่ผมให้ผู้รับเหมาะทำคือ

ฝ้าเพดาน ซึ่งผมใช้ฝ้าทีบาร์ เพราะถูกสุดแล้ว ผนังเบาพร้อมประตูบานเปิด 1 บาน ผนังกระจกหน้าร้านพร้อมหน้าต่างบานเปิด 3 บาน ประตูกระจกบานเปิด 1 บาน ผมเลือกใช้ไม้เพราะมันเป็นวัสดุที่ถูกที่สุดแล้ว ผมรู้นะครับว่า ผมต้องเจอกับปัญหาการยืดหดตัวของไม้ แต่ทำไงได้ ก็ต้องยอมรับกับจุดนี้ด้วย ซึ่งราคารวมแล้วอยู่ที่ 20,592 บาท ซึ่งผมยังเหลือเงินอีก 7,000 ที่จะทำให้ผมมีเฟอร์นิเจอร์ มีไฟส่องสว่าง บรรยากาศต่างๆที่ทำให้ร้านสมบูรณ์  ในระหว่างที่ช่างกำลังดำเนินงาน ผมอาศัยเวลาตอนเย็นหลังขายน้ำ ไปหาวัสดุในท้องถิ่นมาใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งร้านของตัวเอง โชคดีที่ผมเป็นเด็กตจว.ผมได้เห็นไม้เก่าๆที่เขาเอาไว้ทำรั้ว ซึ่งทางเหนือเรียกว่า “ไม้ตั้งบอง”

โดยจะเจาะรูไว้สำหรับเอาไม้มาสอดทำเป็นแนวรั้ว ผมจึงได้ไปขอซื้อป้าข้างบ้าน ซึ่งทีแรกเขาก็ไม่ขาย ผมได้พูดเหตุผลที่ผมจะเอาไม้ของป้าไปทำอะไร เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง ในที่สุดป้าก็ขายให้ผม  จากนั้นผมก็ตระเวนหาไม้สำหรับทำบาร์กับเก้าอี้ จนผมได้รู้จักกับลุงคนหนึ่ง ซึ่งผมได้ความเมตตาจากลุง แบ่งขายให้ผมในราคาที่หลายๆคนเดาไม่ออกแน่ ผมได้เล่าเรื่องชีวิตของตัวเอง ว่าผมจะเปิดร้านน้ำ สุดท้ายลุงก็ขายให้ผม

ผมบอกกับลุงว่าวันที่เปิดร้านผมจะเอาน้ำสุขภาพมาให้ลุงได้ลองทานดู เรื่องนี้ทำให้ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งว่า การอ่อนน้อมถ่อมตน เข้าหาผู้ใหญ่ มันทำให้การเจรจาต่างๆราบรื่น แต่ก็ยังขาดชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเป็นกลุ่มอีก 2 ชุด ซึ่งผมก็แสวงหาทั่วอำเภอ แต่ก็ไม่เข้ากับร้านบ้าง ราคาสูงบ้าง จนผมได้รู้จักกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ในอำเภอแห่งหนึ่ง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามว่าชุดนี้เท่าไร เขาบอกราคาผมมา แล้วผมก็บอกเขาไปว่า ถ้าผมไม่ทำสีเลยจะได้ชุดละเท่าไร เมื่อผมรู้ราคาผม ผมจึงตกลงสั่งทำ 2 ชุด ตอนนี้ชุดเฟอร์นิเจอร์ของผมก็ครบแล้ว
----สำหรับส่วนงานไฟฟ้า ผมได้ขอความช่วยเหลือจากพี่แถวบ้านที่ต่อไฟเป็น จ้างพี่เขาให้มาเดินสายไฟให้ โดยผมเป็นลูกมือเขา

แล้วซื้อของให้พี่เขา สำหรับส่วนโคมไฟ ผมได้นำกระดาษไขที่ไว้สำหรับปริ้นท์แบบพิมพ์เขียว มาทำเป็นโคมไฟ ก็ได้โคมไฟเก๋ๆมา 4 ดวง


หลังจากนั้นผมก็ได้ไปค้นงานเก่าๆที่เคยทำมาสมัยเรียน มาตกแต่ง ร้านผมก็เริ่มจะมีอะไรขึ้นมาบ้างละ แต่มันยังขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ซึ่งจะได้สอดคล้องกับร้านผมด้วย ที่ขายน้ำผลไม้ ขายสลัดผัก-ผลไม้ ผมนึกออกว่าสมัยเรียนประถมผมเลยปลูกผักในกระป๋อง ผมจึงไปของกระป๋องนมจากร้านกาแฟเพื่อนมา เพื่อปลูกผัก เพราะผมก็กะเอาผักที่ปลูก และเป็นส่วนตกแต่งร้าน นำมาขายให้ลูกค้าด้วย

ผมว่ามันเริ่มลงตัวแล้ว แต่มันก็ยังขายอะไรอีกอย่างที่จะคอยเล่าเรื่องราว ตัวตนของเราให้ลูกค้าได้รู้  ผมจึงคิดว่าผมจะเขียนรูปติดผนังและกระจกน่าจะเก๋ดี ผมไปซื้อปากกาเขียนกระจกมา 2 ด้าน น่าจะร้อยกว่าบาท เขียนเรื่องราวชีวิตของตัวเองขึ้นมา บนกระจก และผนังของร้าน ตอนนี้ร้านเริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว





ตอนนี้งบที่ผมได้ใช้ไปอยู่ที่ 27,000 โดยประมาณ ยังเหลืออีก ประมาณ 3,000 บาท สำหรับทำเคาท์เตอร์ปั่นน้ำ ในตอนนี้ใช้ของเก่าของน้าไปก่อน ถ้าทำเสร็จผมคงจะเอาเคาท์เตอร์ของน้าไปคืนเขาเสียที
---ตอนนี้ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ผมกำลังเพาะต้นอ่อนทานตะวันใส่กระป๋องนม เพื่อเอามาตกแต่งร้านและให้ลูกค้าได้ทาน หรือซื้อกลับไปทั้งกระป๋อง ผมก็ขายนะครับ วันที่ 06.06.59 เป็นวันแรกที่ผมได้เปิดร้านอย่างเป็นทางการ ลูกค้าอาจจะไม่ได้มากมาย เพราะร้านผมติดกับถนนสายเอเชียกรุงเทพ-เชียงใหม่ ซึ่งลูกค้าในตัวอำเภอ จะเดินทางออกมาก็ไกล อาศัยได้ขายกับลูกค้าขาจร และบ้านใกล้เรือนเคียง ผมหวังว่าสิ่งที่ผมเขียนขึ้นนี้คงจะเป็นกำลังใจให้กับใครซักคนที่มีความฝันอยากทำร้านเล็กๆของตัวเอง เงินไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แต่มันไม่ใช่ที่สุด ความคิดของเราที่จะตอบสนองให้มันสำเร็จต่างหาก หากเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ เมื่อ 8 เดือนที่แล้วผมยังไม่มีเงินพอจะทำ แต่ผมก็ได้วาดฝันไว้ว่าผมจะต้องมีร้านแบบที่ผมฝันไว้ ผมจึงวาดรูปติดฝาผนังรอไว้ จนวันนี้มันสมบูรณ์แล้ว อาจจะไม่ได้ใช้วัสดุแพงอะไร แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือผม ใส่ใจกับทุกรายละเอียด ทุกอย่างที่นำมาตกแต่งร้าน ผมต้องใช้เวลาค้นหามัน เหมือนกับการค้นหาใครซักคนที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เดี๋ยวๆๆ เพ้ออะไร ดึกแล้ว ควรนอน แล้วตื่นมาขายของ หลังจากนี้ไม่ใช่เรื่องของการตกแต่ง ในราคาที่ต่ำหรืออะไรแล้ว แต่จะต้องคงคุณภาพของสินค้าให้ลูกค้าประทับใจแล้ว "ราคารากหญ้า คุณภาพรากแก้ว" นี่เป็นสโลแกนร้าน ไว้มีโอกาสขึ้นเหนือ หากใครได้แวะ อ.เถิน จ.ลำปาง แวะพัก ทักทาย กันได้นะครับ หลังจากนี้จะค่อยๆทะยอยทำไปเรื่อยๆตามแต่กำลัง และทุนทรัพย์นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่