ในฝั่งฝัน (บทที่ 29)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ เป่าซาง, คุณ ริมแม่โขง, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ High-functioning sociopath, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ อุรุเวลา, น้องดาว Lady Star 919, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ออมอำพัน, คุณ ป้าอ้วนตัวกลม, คุณ  มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทที่ 10 http://pantip.com/topic/35688063
บทที่ 11  http://pantip.com/topic/35695077
บทที่ 12  http://pantip.com/topic/35729742
บทที่ 13  http://pantip.com/topic/35740950
บทที่ 14  http://pantip.com/topic/35748347
บทที่ 15  http://pantip.com/topic/35759445
บทที่ 16  http://pantip.com/topic/35763053
บทที่ 17  http://pantip.com/topic/35770302
บทที่ 18  http://pantip.com/topic/35774270
บทที่ 19  http://pantip.com/topic/35780919
บทที่ 20  http://pantip.com/topic/35788258
บทที่ 21  http://pantip.com/topic/35796132
บทที่ 22  http://pantip.com/topic/35799520
บทที่ 23  http://pantip.com/topic/35806520
บทที่ 24  http://pantip.com/topic/35814026
บทที่ 25  http://pantip.com/topic/35821445
บทที่ 26  http://pantip.com/topic/35828315
บทที่ 27  http://pantip.com/topic/35835629
บทที่ 28  http://pantip.com/topic/35842842


บทที่ 29



    ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นไอรีนจะไม่มีวันรีบกลับกรุงเทพก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้เด็ดขาด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอสร้างความเดือดร้อนให้กริช แต่คงไม่มีครั้งไหนร้ายแรงเท่าครั้งนี้ รู้ด้วยว่าไม่ว่าทำอย่างไรก็คงชดใช้เขาไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะกลัวความรู้สึกและความคิดของตัวเองแท้ๆ เธอกลัวใจตัวเองเกินกว่าจะรับรู้ว่าอะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกหนึ่งซึ่งยอมรับไม่ได้กำลังก่อร่างขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนเมื่อมีคนชี้ให้เห็นนี่แหละ

    “โยมสองคนเป็นคู่บุญกัน เกื้อหนุนกันมานานแล้วใช่ไหม”

    ผู้พูดเป็นพระสูงวัยซึ่งใครๆ นับถือและเรียกหลวงตามี ท่านไม่ได้ดูดวงหรือทำนายโชคชะตา เป็นเพียงการเอ่ยขึ้นลอยๆ หลังจากที่เฝ้าดูเธอและกริชอยู่นาน แรกๆ ไม่คิดว่ามีความหมายอะไรเสียด้วยซ้ำ คิดว่าท่านคงเพียงทักเล่นๆ คงเพราะวันก่อนเห็นว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นที่มาฝังศพนายทัด เด็กหนุ่มซึ่งเธอถือว่าตัวเองเป็นคนทำร้ายจนถึงตาย และกริชก็เอาตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาเข้าเสี่ยงด้วยการจัดพิธีฝังศพผู้ได้ชื่อว่าเป็นโจรให้เมื่อเธอเพียงแค่ถามถึงในเชิงปรึกษา

    “โยมผู้หญิงเป็นคนมีวิบากกรรมมากนะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่พ้นหรอก แต่โยมสองคนก็ช่วยประคับประคองกันไปจนได้นั่นแหละ เชื่ออาตมาเถอะ อาตมาดูไม่ผิดหรอก”

    เมื่อแอบถามมรรคทายกวัดซึ่งคิดว่าคงรู้อะไรดีๆ ฝ่ายนั้นก็ยืนยันว่าท่านพูดจริง

“ท่านเอ่ยทักใครแบบนี้แล้วไม่เคยพลาดเลยนะคุณ ท่านดูดวงเป็นเหมือนกัน แต่ไม่ดูให้ใครง่ายๆ หรอก ให้ขอร้องยังไงถ้าท่านไม่ยอมดูให้ท่านก็ไม่ดูให้ ท่านบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์”

คำพูดเหล่านั้นสั่นคลอนความรู้สึกของเธออย่างลึกซึ้ง ไอรีนคิดว่าคงเป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมาเธอใกล้ชิดกริชมากเกินไป จากความห่างเหินด้วยระยะทางและสถานะกลับกลายเป็นความผูกพันที่นับวันมีแต่จะลึกซึ้งขึ้นทุกที เธอคิดว่ารู้จักกริชดีขึ้นมาก และเขาก็ไม่ใช่เด็กชายในความดูแลอย่างที่จำฝังใจมาเนิ่นนานอีกต่อไปแล้ว หลายครั้งกลับกลายเป็นว่าเขาเองต่างหากที่ดูแลเธอ อย่างน้อยเขาก็เคยช่วยชีวิตเธอมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกเมื่อคราวที่แท้งลูกรุนแรงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คืนนั้นคุณรามไม่อยู่บ้าน และถ้าไม่ได้เด็กชายกริชซึ่งเวลานั้นมีอายุเพียงสิบสามปีตัดสินใจขับเรือยนต์ของคุณรามไปตามหมอโดยไม่คอยให้ใครอนุญาตเสียก่อน เธอก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

ว่าไปแล้วเธอมีแต่สร้างความเดือดร้อนให้เขา เมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่เว้น เมื่อถามเขาว่าจะทำอย่างไรกับศพนายทัด และเขาบอกว่าคงต้องฝังแบบศพไม่มีญาติเพราะไม่มีใครยอมรับจัดงานฝังให้ เธอจึงขอให้กริชติดต่อหาที่ฝัง และอย่างน้อยก็ขอให้มีพระสวดก่อนฝัง มาถึงวันนี้เมื่อเธอบอกว่าจะมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นายทัด เขาก็ทิ้งงานทั้งหมดแล้วเป็นคนพาเธอมาวัดทั้งที่งานเขาก็ยุ่งเพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน

เธอแน่ใจว่ากริชได้ยินคำพูดทั้งหมดของหลวงตามีด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่เห็นว่าจะแสดงปฏิกิริยาใดๆ เขาหันมองเธอเพียงครั้งเดียวขณะช่วยกันขนข้าวของทำบุญกลับมาที่รถ

“แวะกินอะไรที่บ้านก่อนนะกริช” เธอพึมพำบอกเมื่อเขาเปิดประตูรถให้

รู้ว่าบ่ายนี้เขามีประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน กริชกำลังอยู่ในระยะทำความรู้จักกับอำเภอใหม่ที่ต้องดูแลหลังไปรายงานตัวเข้ารับตำแหน่งเรียบร้อย ตลอดสี่ห้าวันที่ผ่านมาวันไหนเขาจะไปทำอะไรที่ไหนจะกลับเมื่อไรกริชบอกให้เธอรู้ก่อนเสมอ ราวกับรายงานความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของตัวเองให้เธอรู้ กลายเป็นความคุ้นเคยของเธอเองไปอีกด้วย ถึงขั้นทุกเย็นเมื่อได้เวลากริชกลับบ้านพักแต่ยังไม่กลับก็จะชะเง้อคอคอย

เขาตอบรับแต่โดยดี สุ้มเสียงอ่อนโยนนั้นแผ่วเบา ฟังดูเหมือนคนพูดกำลังครุ่นคิด

ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง บรรยากาศภายในรถยนต์ชวนให้อึดอัด ไอรีนทอดสายตาไปภายนอก ที่ป่าไม้ข้างทาง แต่ก็มองอะไรไม่เห็นจริงๆ เลยสักอย่างในเมื่อใจมัวแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับความคิดของตัวเอง

เมื่ออดรนทนไม่ไหวกับความเงียบนั้นเธอจึงโพล่งขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีการเกริ่นนำใดๆ มาก่อนอีกด้วย

“วันพรุ่งนี้ฉันจะกลับพระนครนะกริช”

ใบหน้าคมคายเหลียวขวับมามอง ตาคมสะท้อนแววฉงน แล้วเปลี่ยนเป็นตัดพ้อ

หากคำตอบก็ยังเหมือนเดิม “ครับ คุณหญิง”

มีไหมที่กริชค้านหรือขัดใจเธอ ถ้าเคยมีไอรีนก็จำไม่ได้เสียแล้ว ในเมื่อแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“ไม่ได้ทำบุญให้คุณท่านเสียหลายวัน วันเผาก็ใกล้เข้ามาแล้ว ไม่รู้ว่าต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง”

ข้ออ้างเหล่านั้นเพิ่งคิดขึ้นได้อย่างปัจจุบันทันด่วน ที่จริงเธอวางใจว่าแม่นาบจัดการเรื่องทำบุญคุณรามทุกเจ็ดวันได้อย่างเรียบร้อยไม่มีขาดตกบกพร่อง แม่ครัวสูงวัยของเธอในฐานะผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าเธอเสียอีก

“ผมจะไปส่งคุณหญิงครับ” เขายืนยันความตั้งใจเดิม

“อย่าต้องลำบากเลยกริช เธอเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ๆ งานยุ่งอยู่ทุกวันแบบนี้จะทิ้งไปไหนได้อย่างไรกัน”

“ไม่เป็นไรครับคุณหญิง ผมไปได้ ผมลงไปส่งคุณหญิง สองสามวันกลับก็คงไม่เป็นไร”

ประโยคหลังหนักแน่น รู้ดีว่าตอนนี้มีคนกำลังเข้ามาสร้างความรำคาญให้หญิงสาว รู้ด้วยว่ายอมไม่ได้ คราวนี้นายพันเอกคนนั้นคงไม่ปล่อยเธอให้หลุดมือไปเหมือนเช่นครั้งก่อนอีกอย่างแน่นอน ในเมื่อไม่มีคนมาคอยขัดขวางอยู่อีกแล้วแบบนี้ ที่สำคัญคือเขาหวง ความรู้สึกนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นอีกเมื่อได้ยินที่หลวงตามีบอก จะจริงหรือไม่เขาไม่สนใจ แต่ก็จะยึดมั่นกับคำพูดของท่านที่ว่าเขาและคุณหญิงเป็นคู่บุญกัน และจะฟันฝ่าวิบากกรรมไปด้วยกันได้ในที่สุดนั้นเป็นสรณะตลอดไปจนกว่าจะเป็นความจริงขึ้นมาสักวัน

“อย่าเลยกริช เอาไว้ให้พอปลีกตัวไปได้จริงๆ เมื่อไรก็ค่อยไปจะดีกว่า อีกไม่นานก็ถึงวันเผาคุณท่านแล้ว กริชลงไปตอนนั้นดีกว่านะจ๊ะ ตอนนี้ไปส่งฉันที่โพธารามหรือปากท่อก็พอ ฉันขึ้นรถไฟไปเองได้”

นายอำเภอหนุ่มนิ่งงันไป และเธอก็เข้าใจ กริชเป็นคนฉลาด เพียงแค่นี้เขาก็คงรู้แล้วว่าเธอพยายามหนี แต่เขาจะรู้ไหมว่าไม่ใช่หนีเขา เธอหนีใจตัวเองต่างหาก
แต่ก่อนจากไปมีเรื่องหนึ่งซึ่งเธอเป็นห่วงและต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน ห้องกลางที่เรือนพักข้าราชการอำเภอว่างลงแล้ว แต่ภรรยาปลัดไพจิตรก็ยังไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่ หล่อนอ้างว่าเป็นผู้หญิง ไม่กล้าเข้าไปอยู่เพียงคนเดียวในเมื่อขนาบทั้งซ้ายและขวาด้วยผู้ชายหนุ่มๆ

“คุณไพจิตรจะมาถึงวันไหนนะกริช”

“วันพุธหน้าครับ”

“ก็อีกไม่กี่วันแล้วนี่นะ วันนี้พรุ่งนี้คุณฉวีก็น่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนพักได้แล้ว กริชว่าไหม ช่วยกันทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วด้วย”

แต่ภรรยาปลัดไพจิตรก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมย้ายไปไหนอยู่ดี หล่อนยังยืนยันอยู่เช่นเดิม

“ให้ไพจิตรมาถึงก่อนได้ไหมคะคุณหญิง ดิฉันยังไม่กล้าเข้าไปอยู่คนเดียวหรอกค่ะ ห้องซ้ายกับห้องขวามีแต่ผู้ชาย” หล่อนอ้างว่าอย่างนั้น “คุณหญิงช่วยพูดกับคุณกริชให้หน่อยเถอะนะคะ ขอดิฉันอยู่ที่นี่ต่ออีกเพียงสองสามวัน นี่ไพจิตรก็จะมาอยู่แล้ว”

และเธอก็จำต้องเป็นคนกลางมาเจรจากับกริชอีกครั้ง คิดว่าอีกเพียงไม่กี่วันคงไม่เป็นไรในเมื่อตลอดห้าหกวันที่อยู่ร่วมบ้าน หล่อนอยู่อย่างสงบเสงี่ยม วันๆ อยู่แต่ในห้องที่เธอจัดให้ ทั้งยังช่วยงานทุกอย่างอย่างเต็มอกเต็มใจอีกด้วย ที่สำคัญคือกริชแทบไม่อยู่บ้านพัก เขาจะออกไปทำงานแต่เช้ามืดเสมอ บางวันต้องเดินทางไปตำบลห่างไกล จะกลับก็ค่ำมืดดึกดื่นไปแล้ว เธอจึงได้วางใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่