ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ PuPaKae, คุณ สมาชิกหมายเลข 3415748, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3
http://pantip.com/topic/35648626
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/35655325
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/35665748
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/35669708
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/35673616
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/35680516
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/35683775
บทที่ 11
http://pantip.com/topic/35688063
บทที่ 11
ไอรีนเพิ่งได้เห็นว่าเมื่อคืนที่นั่งเรือมานั้นน่ากลัวเพียงไร มองจากชายหาดตรงนี้ออกไปเห็นฝั่งสตูลอยู่ไกลลิบๆ มีทะเลลึก เวิ้งว้างและกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากางกั้น มองจากจุดนี้ฝั่งสยามดูห่างไกลเสียเหลือเกิน ยิ่งเมื่อคิดถึงขนาดของเรือเร็วที่คุณรามขับไปรับก็ยิ่งใจหาย เรือลำนั้นเล็กนิดเดียวถ้าเทียบกับที่ต้องพาออกทะเลลึกอย่างนี้
แต่เมื่อมาคิดว่าผู้คนซึ่งทิ้งไว้เบื้องหลังคงกำลังเผชิญกับภัยสงครามที่หนักหนากว่าก็สะท้อนใจ คุณวิไลนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้าง วางใจอยู่นิดที่แม่นาบเป็นผู้ใหญ่ คงพอช่วยดูแลความเป็นไปในบ้านได้ ถึงจะแน่ใจว่าคุณวิไลคงดื้อดึง อาจไม่ฟังเสียงแกเลยก็เถอะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ทิ้งให้น้องสาวสามีต้องอยู่ตามลำพัง ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนจากมา ยังบอกย้ำให้สมบุญและลุงเปรื่องช่วยมาดูๆ บ้านทุกวัน…จนกว่าเธอจะกลับ
ไอรีนบอกทุกคนว่าอย่างนั้น ว่าไปไม่นานก็จะกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะบอกใครหรอกว่ามาตามหาคุณราม และคราวนี้ไม่มีกำหนดกลับ
สำหรับยายไวและสุชัย เธอวางใจแล้วที่ปล่อยให้อยู่ในความดูแลของกริช ชายหนุ่มซึ่งเธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยนั้นไว้ใจได้มากทีเดียว เธอแน่ใจว่าดูคนไม่ผิดสักเท่าไรนักหรอก
พอเห็นสภาพของที่นี่ชัดๆ ก็คิดว่าเมื่อเดือนก่อนคงอยู่ในสภาพไม่ต่างจากพระนครในเวลานี้ เมื่อคืนที่มาถึงรอบด้านมืดมิดไปหมด จึงไม่เห็นผลของการถูกโจมตีและทิ้งระเบิดชัดเจนอย่างนี้ นี่เพียงออกมายืนดูจากหน้าประตู มองไปทางฝั่งขวาของบ้าน ก็เห็นดงมะพร้าวทางด้านนั้นมีร่องรอยว่าถูกระเบิดหรือไม่ก็เคยมีการสู้รบกัน ทำให้มะพร้าวหลายต้นหักโค่นไปเป็นแนว และเหมือนจะเคยมีไฟไหม้เป็นวงกว้างร่วมด้วย มะพร้าวจึงเหลือแต่ตอดำเกรียม มีทางมะพร้าวไหม้ไฟจนกรอบเกรียมกองเกลื่อนอยู่บนพื้นดินปนทราย ฝนซึ่งตกเมื่อเช้ามืดทำให้บริเวณนั้นดูเฉอะแฉะไปหมด
อยากเดินไปดูให้ใกล้กว่านี้ แต่คุณรามสั่งไว้ว่าไม่ให้ออกจากบ้านไปไหนคนเดียว แม้แต่ใกล้แค่นี้ก็ไม่ให้ไป
‘ทหารญี่ปุ่นลาดตระเวนอยู่ทั่วทั้งเกาะนั่นแหละ’ เขาว่าอย่างนั้น
เธอจึงต้องทำตาม
ที่จริงอยากไปตลาดกับเขาด้วย แต่พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า ค้นได้กระป๋องดีบุกรูปทรงสี่เหลี่ยม สีเปลือกมะปราง มีตัวหนังสือซึ่งเธออ่านไม่ออกเลยแม้แต่ตัวเดียวพิมพ์อยู่โดยรอบ หากพอพิจารณาดูให้ใกล้ขึ้นก็ไปปะเข้ากับคำๆ หนึ่งซึ่งดูออกว่าเป็นภาษาอังกฤษ คำนั้นบอกว่าเป็นกาแฟ และเมื่อเปิดกระป๋องเห็นผงสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำอยู่ภายใน ลองดมดูก็แน่ใจ จึงจัดแจงตั้งกาต้มน้ำร้อน คิดว่าคงทำได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นให้มาทำอาหารได้เลย
เพียงไม่นาน ผู้เป็นสามีก็ตามเข้ามาจับแขน หลังมืออีกข้างแตะที่หน้าผาก
“รีบลุกมาทำไม ตัวยังร้อนอยู่เลย ปวดหัวไหมนี่”
“ไม่เลยค่ะคุณราม” เธอจำต้องพูดปด เพิ่งมาถึงแท้ๆ ไม่ทันไรก็กลายเป็นภาระของเขาไปเสียแล้ว
เขาถอยห่างมายืนหลังพิงโต๊ะไม้กลางห้องซึ่งมีไว้ใช้สารพัดประโยชน์ ตั้งแต่เตรียมอาหาร เรื่อยไปจนถึงรับประทานอาหาร สองมือกอดอก ตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าฝนยังคงลงพรำๆ
“ตัวเธอยังร้อน ฝนก็ยังไม่หยุด เธออยู่บ้านเถอะ ฉันจะออกไปซื้อยามาให้จากร้านหมอ จะซื้ออะไรมาให้กินด้วย”
ไอรีนส่งถ้วยกาแฟชงเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เขา
รามรับมาถือไว้มือหนึ่ง อีกมือโอบร่างน้อยไปทางประตูครัว
“ตอนนี้เธอกลับไปนอนดีกว่า อย่าเพิ่งลุกเลยนะ ฉันจะรีบไปรีบมา”
ไอรีนยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี นานเหลือเกินแล้วที่เป็นคนออกคำสั่งใครต่อใครเพราะอยู่ในฐานะที่ต้องดูแลผู้คนมากมายภายในบ้าน พอกลับมาเป็นคนรับคำสั่งบ้างก็ตื้นตันใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นเป็นคนซึ่งเคยปกครองดูแลเธอมาก่อน
เขาไม่รู้หรอกว่าทันทีที่คล้อยหลังเธอก็กลับลุกขึ้นสำรวจทุกซอกทุกมุมภายในบ้าน
บ้านหลังนี้พอเห็นชัดๆ ก็มองออกว่าเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน รูปแบบทั้งภายนอกภายในสร้างเหมือนบ้านตามชนบทในอังกฤษที่ไอรีนเคยเห็นรูปในหนังสือ ห้องทุกห้องกว้างขวาง แต่ก็มีเพียงไม่กี่ห้อง ห้องครัวคงเป็นห้องที่เล็กที่สุด และเป็นห้องครัวจริงๆ ไม่ได้สร้างแยกออกไปเป็นอีกเรือนต่างหากแบบที่เธอคุ้นเคย
คุณรามคงไม่ได้อยู่ประจำที่นี่อย่างที่บอกจริงๆ นั่นแหละ เสื้อผ้าในตู้เสื้อมีเพียงไม่กี่ชิ้น ข้าวของเครื่องใช้ของเขาเท่าที่เห็นก็มีน้อยชิ้นเต็มที และมีเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเอง ห้องทางตอนหน้าไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องเรือนซึ่งคงติดมากับตัวบ้าน
เมื่อออกมานอกบ้าน ก็ยังไม่กล้าไปไหนไกลเกินลานลาดปูนแคบๆ หน้าประตู เวลานี้ลังกาวีอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น จะออกไปไหนคนเดียวเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของใครได้เลย คุณรามบอกไว้เช่นนั้น
‘ก็เหมือนกับอยู่ระหว่างสงครามนั่นแหละ ญี่ปุ่นมองว่าคนที่นี่อยู่ฝ่ายอังกฤษ ดีหน่อยที่ลังกาวีไม่สำคัญเท่าเกาะหมาก คนที่นี่ก็เลยไม่เดือดร้อนกันมากเท่าที่นั่น’
เขาเล่าว่าที่ปีนังนั้น นอกจากตัวเมืองจะถูกทำลายย่อยยับแล้ว ชาวบ้านซึ่งต่อต้านญี่ปุ่นยังถูกทหารกวาดต้อนไปทำทารุณและฆ่าตาย ลูกเมียของคนเหล่านั้นถูกทำร้าย ชาวจีนซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นยิ่งหนัก หลายร้อยคนถูกกวาดต้อนไปสังหารหมู่เสียด้วยซ้ำ
ลังกาวีมีคนมาเลย์อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ จึงพอจะได้รับความปรานีอยู่บ้าง
‘คนที่นี่มีน้อยกว่าเกาะหมากด้วย ส่วนใหญ่ก็ตั้งหน้าทำมาหากินกัน ไม่ค่อยมีใครคิดจะต่อต้านใคร ทหารญี่ปุ่นจึงไม่ทำร้ายผู้คนเหมือนที่เกาะหมาก’
มาเห็นอย่างนี้ไอรีนอยากย้อนนักว่าขนาดไม่ทำอะไรยังย่อยยับได้ถึงเพียงนี้ แต่เมื่อคิดถึงสภาพพระนครซึ่งถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็พอปลงได้ว่าหลายๆ แห่งอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าที่นี่เสียอีก
ในฝั่งฝัน (บทที่ 11)
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ PuPaKae, คุณ สมาชิกหมายเลข 3415748, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1 http://pantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3 http://pantip.com/topic/35648626
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/35655325
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/35665748
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/35669708
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/35673616
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/35680516
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/35683775
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/35688063
ไอรีนเพิ่งได้เห็นว่าเมื่อคืนที่นั่งเรือมานั้นน่ากลัวเพียงไร มองจากชายหาดตรงนี้ออกไปเห็นฝั่งสตูลอยู่ไกลลิบๆ มีทะเลลึก เวิ้งว้างและกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากางกั้น มองจากจุดนี้ฝั่งสยามดูห่างไกลเสียเหลือเกิน ยิ่งเมื่อคิดถึงขนาดของเรือเร็วที่คุณรามขับไปรับก็ยิ่งใจหาย เรือลำนั้นเล็กนิดเดียวถ้าเทียบกับที่ต้องพาออกทะเลลึกอย่างนี้
แต่เมื่อมาคิดว่าผู้คนซึ่งทิ้งไว้เบื้องหลังคงกำลังเผชิญกับภัยสงครามที่หนักหนากว่าก็สะท้อนใจ คุณวิไลนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้าง วางใจอยู่นิดที่แม่นาบเป็นผู้ใหญ่ คงพอช่วยดูแลความเป็นไปในบ้านได้ ถึงจะแน่ใจว่าคุณวิไลคงดื้อดึง อาจไม่ฟังเสียงแกเลยก็เถอะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ทิ้งให้น้องสาวสามีต้องอยู่ตามลำพัง ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนจากมา ยังบอกย้ำให้สมบุญและลุงเปรื่องช่วยมาดูๆ บ้านทุกวัน…จนกว่าเธอจะกลับ
ไอรีนบอกทุกคนว่าอย่างนั้น ว่าไปไม่นานก็จะกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะบอกใครหรอกว่ามาตามหาคุณราม และคราวนี้ไม่มีกำหนดกลับ
สำหรับยายไวและสุชัย เธอวางใจแล้วที่ปล่อยให้อยู่ในความดูแลของกริช ชายหนุ่มซึ่งเธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยนั้นไว้ใจได้มากทีเดียว เธอแน่ใจว่าดูคนไม่ผิดสักเท่าไรนักหรอก
พอเห็นสภาพของที่นี่ชัดๆ ก็คิดว่าเมื่อเดือนก่อนคงอยู่ในสภาพไม่ต่างจากพระนครในเวลานี้ เมื่อคืนที่มาถึงรอบด้านมืดมิดไปหมด จึงไม่เห็นผลของการถูกโจมตีและทิ้งระเบิดชัดเจนอย่างนี้ นี่เพียงออกมายืนดูจากหน้าประตู มองไปทางฝั่งขวาของบ้าน ก็เห็นดงมะพร้าวทางด้านนั้นมีร่องรอยว่าถูกระเบิดหรือไม่ก็เคยมีการสู้รบกัน ทำให้มะพร้าวหลายต้นหักโค่นไปเป็นแนว และเหมือนจะเคยมีไฟไหม้เป็นวงกว้างร่วมด้วย มะพร้าวจึงเหลือแต่ตอดำเกรียม มีทางมะพร้าวไหม้ไฟจนกรอบเกรียมกองเกลื่อนอยู่บนพื้นดินปนทราย ฝนซึ่งตกเมื่อเช้ามืดทำให้บริเวณนั้นดูเฉอะแฉะไปหมด
อยากเดินไปดูให้ใกล้กว่านี้ แต่คุณรามสั่งไว้ว่าไม่ให้ออกจากบ้านไปไหนคนเดียว แม้แต่ใกล้แค่นี้ก็ไม่ให้ไป
‘ทหารญี่ปุ่นลาดตระเวนอยู่ทั่วทั้งเกาะนั่นแหละ’ เขาว่าอย่างนั้น
เธอจึงต้องทำตาม
ที่จริงอยากไปตลาดกับเขาด้วย แต่พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า ค้นได้กระป๋องดีบุกรูปทรงสี่เหลี่ยม สีเปลือกมะปราง มีตัวหนังสือซึ่งเธออ่านไม่ออกเลยแม้แต่ตัวเดียวพิมพ์อยู่โดยรอบ หากพอพิจารณาดูให้ใกล้ขึ้นก็ไปปะเข้ากับคำๆ หนึ่งซึ่งดูออกว่าเป็นภาษาอังกฤษ คำนั้นบอกว่าเป็นกาแฟ และเมื่อเปิดกระป๋องเห็นผงสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำอยู่ภายใน ลองดมดูก็แน่ใจ จึงจัดแจงตั้งกาต้มน้ำร้อน คิดว่าคงทำได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นให้มาทำอาหารได้เลย
เพียงไม่นาน ผู้เป็นสามีก็ตามเข้ามาจับแขน หลังมืออีกข้างแตะที่หน้าผาก
“รีบลุกมาทำไม ตัวยังร้อนอยู่เลย ปวดหัวไหมนี่”
“ไม่เลยค่ะคุณราม” เธอจำต้องพูดปด เพิ่งมาถึงแท้ๆ ไม่ทันไรก็กลายเป็นภาระของเขาไปเสียแล้ว
เขาถอยห่างมายืนหลังพิงโต๊ะไม้กลางห้องซึ่งมีไว้ใช้สารพัดประโยชน์ ตั้งแต่เตรียมอาหาร เรื่อยไปจนถึงรับประทานอาหาร สองมือกอดอก ตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าฝนยังคงลงพรำๆ
“ตัวเธอยังร้อน ฝนก็ยังไม่หยุด เธออยู่บ้านเถอะ ฉันจะออกไปซื้อยามาให้จากร้านหมอ จะซื้ออะไรมาให้กินด้วย”
ไอรีนส่งถ้วยกาแฟชงเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เขา
รามรับมาถือไว้มือหนึ่ง อีกมือโอบร่างน้อยไปทางประตูครัว
“ตอนนี้เธอกลับไปนอนดีกว่า อย่าเพิ่งลุกเลยนะ ฉันจะรีบไปรีบมา”
ไอรีนยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี นานเหลือเกินแล้วที่เป็นคนออกคำสั่งใครต่อใครเพราะอยู่ในฐานะที่ต้องดูแลผู้คนมากมายภายในบ้าน พอกลับมาเป็นคนรับคำสั่งบ้างก็ตื้นตันใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นเป็นคนซึ่งเคยปกครองดูแลเธอมาก่อน
เขาไม่รู้หรอกว่าทันทีที่คล้อยหลังเธอก็กลับลุกขึ้นสำรวจทุกซอกทุกมุมภายในบ้าน
บ้านหลังนี้พอเห็นชัดๆ ก็มองออกว่าเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน รูปแบบทั้งภายนอกภายในสร้างเหมือนบ้านตามชนบทในอังกฤษที่ไอรีนเคยเห็นรูปในหนังสือ ห้องทุกห้องกว้างขวาง แต่ก็มีเพียงไม่กี่ห้อง ห้องครัวคงเป็นห้องที่เล็กที่สุด และเป็นห้องครัวจริงๆ ไม่ได้สร้างแยกออกไปเป็นอีกเรือนต่างหากแบบที่เธอคุ้นเคย
คุณรามคงไม่ได้อยู่ประจำที่นี่อย่างที่บอกจริงๆ นั่นแหละ เสื้อผ้าในตู้เสื้อมีเพียงไม่กี่ชิ้น ข้าวของเครื่องใช้ของเขาเท่าที่เห็นก็มีน้อยชิ้นเต็มที และมีเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเอง ห้องทางตอนหน้าไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องเรือนซึ่งคงติดมากับตัวบ้าน
เมื่อออกมานอกบ้าน ก็ยังไม่กล้าไปไหนไกลเกินลานลาดปูนแคบๆ หน้าประตู เวลานี้ลังกาวีอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น จะออกไปไหนคนเดียวเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของใครได้เลย คุณรามบอกไว้เช่นนั้น
‘ก็เหมือนกับอยู่ระหว่างสงครามนั่นแหละ ญี่ปุ่นมองว่าคนที่นี่อยู่ฝ่ายอังกฤษ ดีหน่อยที่ลังกาวีไม่สำคัญเท่าเกาะหมาก คนที่นี่ก็เลยไม่เดือดร้อนกันมากเท่าที่นั่น’
เขาเล่าว่าที่ปีนังนั้น นอกจากตัวเมืองจะถูกทำลายย่อยยับแล้ว ชาวบ้านซึ่งต่อต้านญี่ปุ่นยังถูกทหารกวาดต้อนไปทำทารุณและฆ่าตาย ลูกเมียของคนเหล่านั้นถูกทำร้าย ชาวจีนซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นยิ่งหนัก หลายร้อยคนถูกกวาดต้อนไปสังหารหมู่เสียด้วยซ้ำ
ลังกาวีมีคนมาเลย์อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ จึงพอจะได้รับความปรานีอยู่บ้าง
‘คนที่นี่มีน้อยกว่าเกาะหมากด้วย ส่วนใหญ่ก็ตั้งหน้าทำมาหากินกัน ไม่ค่อยมีใครคิดจะต่อต้านใคร ทหารญี่ปุ่นจึงไม่ทำร้ายผู้คนเหมือนที่เกาะหมาก’
มาเห็นอย่างนี้ไอรีนอยากย้อนนักว่าขนาดไม่ทำอะไรยังย่อยยับได้ถึงเพียงนี้ แต่เมื่อคิดถึงสภาพพระนครซึ่งถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็พอปลงได้ว่าหลายๆ แห่งอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าที่นี่เสียอีก