ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ PuPaKae, คุณ High-functioning sociopath, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3
http://pantip.com/topic/35648626
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/35655325
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/35665748
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/35669708
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/35673616
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/35680516
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/35683775
บทที่ 10
ทหารญี่ปุ่นคนนั้นพยายามพูดภาษาไทย แต่กริชจับใจความได้น้อยมาก พอเดาได้แต่เพียงว่ากำลังตามล่าตัวเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งขึ้นไปขโมยของบนรถไฟ และมีคนเห็นว่าหนีกันมาทางนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนจำได้ว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
พอปรายตาดูคนที่อ้างว่าจำได้ ร่างผอมเกร็งนั้นก็ขยับเข้าแอบข้างหลังพลทหารญี่ปุ่นรูปร่างเตี้ยล่ำเสีย
กริชเคยคิดว่าชายวัยปลายที่ใครๆ เรียก ‘ไอ้ชื้น’ และเขาเรียก ‘ลุงชื้น’ นี้ไม่มีพิษสงอะไร อย่างมากก็แค่สร้างความรำคาญให้ผู้คนเท่านั้นเอง คราวนี้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่าแกเป็นสายให้พวกญี่ปุ่นนั้นเป็นความจริงอย่างไร
ห้องแถวตรงข้ามสถานีรถไฟซึ่งมีร้านของชำสองคูหาตั้งอยู่เป็นย่านชุมชนของชะอำก็ว่าได้ บริเวณนั้นเป็นที่ทำมาหากินของลุงชื้น ทุกเช้าแกจะพาร่างผอมๆ ไปเตร็ดเตร่อยู่หน้าร้านกาแฟของจีนยู้เพื่อหาคนเลี้ยงกาแฟ ถ้าวันไหนโชคดี เจอคนใจดีหน่อยก็จะมีขนมครกแถมด้วย วิธีของแกคือเห็นใครนั่งอยู่คนเดียว แกจะตรงรี่เข้าไปนั่งด้วย จะชวนคุยจนคนๆ นั้นรำคาญ ต้องสั่งกาแฟมาให้เพื่อแกจะได้ไปเสียให้พ้นๆ กลางวันแกจะช่วยจีนยู้ล้างถ้วยล้างชาม รวมทั้งทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้เพื่อแลกกับอาหารมื้อหนึ่ง พอใกล้ค่ำก็ช่วยเก็บจัดทำความสะอาดร้านเพื่อแลกกับอาหารเย็น
ชุดแต่งกายประจำของลุงชื้นซึ่งทุกคนคุ้นเคยมีอยู่เพียงชุดเดียว คือกางเกงขาก๊วยเก่าคร่ำจนสีน้ำเงินเข้มซีดจาง ชายกางเกงขาดรุ่งริ่ง วันไหนอากาศเย็นหน่อย ท่อนบนจะมีเสื้อคอกลม แขนสั้น เก่าจนใยผ้าเปื่อยยุ่ย เนื้อผ้าบางเสียจนเห็นเข้าไปภายในถึงไหนๆ วันที่อากาศร้อนจะมีแต่ผ้าขาวม้าพาดบ่ามาเพียงผืนเดียว หูขวามักจะมีก้นบุหรี่ซึ่งเก็บได้ตามข้างทางทัดอยู่เป็นประจำ เท้าเปล่าเปลือยของแกสกปรกอยู่เป็นนิตย์ ถ้าวันไหนฝนตกก็จะมีโคลนติดเกรอะกรัง จนจีนยู้ต้องไล่ให้ออกไปจากบริเวณร้าน
กริชสงสารแกทุกครั้งที่เห็น แรกๆ เคยให้เงินซื้อกาแฟเป็นประจำ ทุกครั้งที่ส่งเงินให้ แกจะรับมาขมวดเก็บไว้กับชายขากางเกง จนวันหนึ่งปลัดอำเภอมาเห็นเข้า และได้ออกปากเตือนว่าถ้าให้เป็นเงิน แกจะเอาไปซื้อเหล้าหรือไม่ก็สูบฝิ่นเสีย นับแต่นั้นมาเขาจึงซื้อกาแฟหรือไม่ก็อาหารให้แทน
เท่าที่กริชรู้ ลุงชื้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กลางคืนอาศัยนอนที่สถานีรถไฟบ้าง ศาลาวัดบ้าง บางครั้งก็มาแอบนอนที่ใต้ถุนที่ทำการอำเภอ เมื่อถามถึงลูกหลานของแก ได้รู้ว่าทุกคนย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว ทิ้งแกไว้ที่นี่เพียงคนเดียว
นับแต่ญี่ปุ่นมาตั้งค่ายทหารที่ชะอำ ลุงชื้นคึกคักขึ้นผิดหูผิดตา วันหนึ่งกริชเห็นแกสวมเสื้อกางเกงใหม่เอี่ยมมานั่งดื่มกาแฟ และรู้ว่าเป็นคนจ่ายเงินเองเสียด้วย ถึงจะเห็นว่าแปลก หากก็ไม่ได้คิดอะไร จนสรรพากรอุดมเป็นคนแรกที่กระซิบบอกว่าแกเป็นสายให้ญี่ปุ่น มีหน้าที่คอยรายงานชื่อคนที่ต้องสงสัยว่าต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น เขาก็ได้แต่รับฟัง ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องจริง จนได้เห็นกับตาก็คราวนี้เอง
พอจะวางใจอยู่บ้างที่คนซึ่งดูเหมือนเป็นหัวหน้าทหารกลุ่มนี้ยังแสดงความเกรงใจ และไม่จู่โจมเข้ามาในทันที คงเห็นว่าบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของบ้านพักข้าราชการ ในเวลานี้ญี่ปุ่นก็ออกประกาศร่วมกับรัฐบาลไทยว่าเป็น ‘พันทะมิด’ กันแล้ว เป็นมิตรกันถึงขนาดไปลงนามร่วมสาบานกันที่วัดพระแก้ว ว่าไทยและญี่ปุ่นจะร่วมรบกันในสงครามครั้งนี้
เขาจึงพอถ่วงเวลาให้สุชัยและวิชิตหนีเข้าป่าสะแกรกทึบทางด้านหลังของตัวเรือนไปได้สักระยะ แม้จะรู้ว่าคงดึงเวลาไว้ได้อย่างมากก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม และที่สุดแล้วก็คงเลี่ยงที่จะยอมให้ทหารเข้ามาค้นภายในบ้านไม่ได้
หากเพียงไม่นานก็มีผู้มาร่วมถ่วงเวลาด้วยอีกคน นายอำเภออรุณในชุดอยู่กับบ้านซึ่งประกอบด้วยโสร่งลวดลายเป็นตาตารางสี่เหลี่ยม เสื้อผ้าป่านสีขาว ผ่าหน้าตลอด ยังไม่ทันได้กลัดกระดุมเพราะความเร่งรีบ พอเห็นว่ามีเรื่องอะไรกันก็ส่งเสียงนำมาก่อนแต่ไกล
"เรื่องอะไรกันพ่อกริช"
แสงไฟจากหน้าหม้อรถทหารส่องสว่างให้เห็นร่างอวบท้วมที่เดินส่ายอาดๆ ไม่ต่างอะไรกับนักเลงโต แม้รัฐบาลจะพยายามประกาศให้รู้ว่ากองทัพญี่ปุ่นเป็นพันธมิตร ถึงขนาดแต่งเพลงยืนยันแล้วก็ตาม หากชาวบ้านทั่วไปก็ยังมองว่ากองทัพต่างชาตินี้คือผู้รุกรานดีๆ นี่เอง
แม้แต่นายอำเภออรุณซึ่งเป็นข้าราชการเองก็ไม่เว้น พอเห็นทหารกลุ่มใหญ่มายืนออกันหน้าประตูรั้วบ้านพักนายธรรมการผู้ซึ่งตัวเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานก็ไม่ชอบใจ แม้จะพอเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม เป็นที่รู้กันมาได้ระยะหนึ่งแล้วว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เป็นเดือดเป็นแค้นว่าญี่ปุ่นทำให้ประเทศต้องอยู่ในสภาพเหมือนถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามโดยไม่เต็มใจ ความเดือดร้อนแผ่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จึงมีผู้คนรวมกลุ่มกันต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆ กัน ตามแต่จะคิดกันขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มๆ ที่กล้าหน่อยก็ใช้วิธีลักขโมยข้าวของของฝ่ายญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะอำเป็นทางผ่านของรถไฟลำเลียงยุทธภัณฑ์ จึงกลายเป็นเสมือนเป้าเคลื่อนที่ของขบวนการลักขโมยไปในที่สุด
ว่าไปตามจริง ชะอำเรียกได้ว่าอยู่ในสภาพดีกว่าอีกหลายๆ แห่งเพราะเป็นตำบลเล็ก ไม่มีความสลักสำคัญสักเท่าไรนัก จะอยู่ในความสนใจของกองทัพญี่ปุ่นบ้างก็เพียงเพราะเป็นเส้นทางลำเลียงข้าวของจากอ่าวมะนาวเข้าพระนครเท่านั้นเอง ที่นี่จึงมีค่ายทหารตั้งอยู่ แม้จะมีจำนวนทหารอยู่ประจำไม่มากก็ตาม
"ทหารมาตามหาตัวสุชัยครับ"
กริชบอกเมื่อนายอำเภอสูงวัยเข้ามาใกล้จนพอจะพูดกันได้ยินโดยไม่ต้องตะโกน พอเห็นนายทหารคนตรงหน้าชี้มือไปทางชายป่าสะแก พลางทำเสียงโฮะๆ เฮะๆ เหมือนออกคำสั่ง ก็ใจหาย รีบเปิดประตูรั้วเพื่อดึงความสนใจให้กลับมาทางนี้เสีย
นางไวออกมายืนหน้าตาตื่นอยู่ตรงประตูเมื่อทหารญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่าสามนายก้าวขึ้นบันไดเรือน เสียงรองเท้าบู๊ตพื้นเป็นยางกระทบบันไดไม้ดังกึงๆ ในความเงียบสงบ อีกสี่คนกระจายกันค้นบริเวณใต้ถุนและเรือนครัว
ร่างผอมบางของหญิงวัยปลายถอยกลับเข้าไปภายใน ถอยกรูดต่อไปยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง หน้าตาตื่นเพราะไม่รู้เหนือรู้ใต้ ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที ความเครียดของสถานการณ์ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันปิดปากเงียบ
หากพอสบตากับชายหนุ่มผู้อยู่ร่วมบ้าน เขาส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าให้เฉยเสีย ตัวเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ นางจึงจำต้องปล่อยให้ทหารเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ เปิดโน่น เลิกนี่ดูตามใจชอบ
บ้านพักหลังนี้มีขนาดเล็ก ชั้นบนมีเพียงสามห้อง ห้องตอนหน้าก็เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีอะไรเลย ห้องนอนสองห้องมีแต่เครื่องเรือนเท่าที่จำเป็น มองจากภายนอกเข้าไปก็เห็นทะลุปรุโปร่งว่าไม่มีใครไปแอบซ่อนอยู่ตรงไหนได้ จึงไม่มีอะไรให้ต้องตรวจค้นกันมากมาย เพียงเดินดูไม่นานก็ไม่มีอะไรเหลือให้ค้นอีกแล้ว
ในฝั่งฝัน (บทที่ 10)
ขอบคุณ คุณ PuPaKae, คุณ High-functioning sociopath, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1 http://pantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3 http://pantip.com/topic/35648626
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/35655325
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/35665748
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/35669708
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/35673616
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/35680516
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/35683775
ทหารญี่ปุ่นคนนั้นพยายามพูดภาษาไทย แต่กริชจับใจความได้น้อยมาก พอเดาได้แต่เพียงว่ากำลังตามล่าตัวเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งขึ้นไปขโมยของบนรถไฟ และมีคนเห็นว่าหนีกันมาทางนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนจำได้ว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
พอปรายตาดูคนที่อ้างว่าจำได้ ร่างผอมเกร็งนั้นก็ขยับเข้าแอบข้างหลังพลทหารญี่ปุ่นรูปร่างเตี้ยล่ำเสีย
กริชเคยคิดว่าชายวัยปลายที่ใครๆ เรียก ‘ไอ้ชื้น’ และเขาเรียก ‘ลุงชื้น’ นี้ไม่มีพิษสงอะไร อย่างมากก็แค่สร้างความรำคาญให้ผู้คนเท่านั้นเอง คราวนี้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่าแกเป็นสายให้พวกญี่ปุ่นนั้นเป็นความจริงอย่างไร
ห้องแถวตรงข้ามสถานีรถไฟซึ่งมีร้านของชำสองคูหาตั้งอยู่เป็นย่านชุมชนของชะอำก็ว่าได้ บริเวณนั้นเป็นที่ทำมาหากินของลุงชื้น ทุกเช้าแกจะพาร่างผอมๆ ไปเตร็ดเตร่อยู่หน้าร้านกาแฟของจีนยู้เพื่อหาคนเลี้ยงกาแฟ ถ้าวันไหนโชคดี เจอคนใจดีหน่อยก็จะมีขนมครกแถมด้วย วิธีของแกคือเห็นใครนั่งอยู่คนเดียว แกจะตรงรี่เข้าไปนั่งด้วย จะชวนคุยจนคนๆ นั้นรำคาญ ต้องสั่งกาแฟมาให้เพื่อแกจะได้ไปเสียให้พ้นๆ กลางวันแกจะช่วยจีนยู้ล้างถ้วยล้างชาม รวมทั้งทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้เพื่อแลกกับอาหารมื้อหนึ่ง พอใกล้ค่ำก็ช่วยเก็บจัดทำความสะอาดร้านเพื่อแลกกับอาหารเย็น
ชุดแต่งกายประจำของลุงชื้นซึ่งทุกคนคุ้นเคยมีอยู่เพียงชุดเดียว คือกางเกงขาก๊วยเก่าคร่ำจนสีน้ำเงินเข้มซีดจาง ชายกางเกงขาดรุ่งริ่ง วันไหนอากาศเย็นหน่อย ท่อนบนจะมีเสื้อคอกลม แขนสั้น เก่าจนใยผ้าเปื่อยยุ่ย เนื้อผ้าบางเสียจนเห็นเข้าไปภายในถึงไหนๆ วันที่อากาศร้อนจะมีแต่ผ้าขาวม้าพาดบ่ามาเพียงผืนเดียว หูขวามักจะมีก้นบุหรี่ซึ่งเก็บได้ตามข้างทางทัดอยู่เป็นประจำ เท้าเปล่าเปลือยของแกสกปรกอยู่เป็นนิตย์ ถ้าวันไหนฝนตกก็จะมีโคลนติดเกรอะกรัง จนจีนยู้ต้องไล่ให้ออกไปจากบริเวณร้าน
กริชสงสารแกทุกครั้งที่เห็น แรกๆ เคยให้เงินซื้อกาแฟเป็นประจำ ทุกครั้งที่ส่งเงินให้ แกจะรับมาขมวดเก็บไว้กับชายขากางเกง จนวันหนึ่งปลัดอำเภอมาเห็นเข้า และได้ออกปากเตือนว่าถ้าให้เป็นเงิน แกจะเอาไปซื้อเหล้าหรือไม่ก็สูบฝิ่นเสีย นับแต่นั้นมาเขาจึงซื้อกาแฟหรือไม่ก็อาหารให้แทน
เท่าที่กริชรู้ ลุงชื้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กลางคืนอาศัยนอนที่สถานีรถไฟบ้าง ศาลาวัดบ้าง บางครั้งก็มาแอบนอนที่ใต้ถุนที่ทำการอำเภอ เมื่อถามถึงลูกหลานของแก ได้รู้ว่าทุกคนย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว ทิ้งแกไว้ที่นี่เพียงคนเดียว
นับแต่ญี่ปุ่นมาตั้งค่ายทหารที่ชะอำ ลุงชื้นคึกคักขึ้นผิดหูผิดตา วันหนึ่งกริชเห็นแกสวมเสื้อกางเกงใหม่เอี่ยมมานั่งดื่มกาแฟ และรู้ว่าเป็นคนจ่ายเงินเองเสียด้วย ถึงจะเห็นว่าแปลก หากก็ไม่ได้คิดอะไร จนสรรพากรอุดมเป็นคนแรกที่กระซิบบอกว่าแกเป็นสายให้ญี่ปุ่น มีหน้าที่คอยรายงานชื่อคนที่ต้องสงสัยว่าต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น เขาก็ได้แต่รับฟัง ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องจริง จนได้เห็นกับตาก็คราวนี้เอง
พอจะวางใจอยู่บ้างที่คนซึ่งดูเหมือนเป็นหัวหน้าทหารกลุ่มนี้ยังแสดงความเกรงใจ และไม่จู่โจมเข้ามาในทันที คงเห็นว่าบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของบ้านพักข้าราชการ ในเวลานี้ญี่ปุ่นก็ออกประกาศร่วมกับรัฐบาลไทยว่าเป็น ‘พันทะมิด’ กันแล้ว เป็นมิตรกันถึงขนาดไปลงนามร่วมสาบานกันที่วัดพระแก้ว ว่าไทยและญี่ปุ่นจะร่วมรบกันในสงครามครั้งนี้
เขาจึงพอถ่วงเวลาให้สุชัยและวิชิตหนีเข้าป่าสะแกรกทึบทางด้านหลังของตัวเรือนไปได้สักระยะ แม้จะรู้ว่าคงดึงเวลาไว้ได้อย่างมากก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม และที่สุดแล้วก็คงเลี่ยงที่จะยอมให้ทหารเข้ามาค้นภายในบ้านไม่ได้
หากเพียงไม่นานก็มีผู้มาร่วมถ่วงเวลาด้วยอีกคน นายอำเภออรุณในชุดอยู่กับบ้านซึ่งประกอบด้วยโสร่งลวดลายเป็นตาตารางสี่เหลี่ยม เสื้อผ้าป่านสีขาว ผ่าหน้าตลอด ยังไม่ทันได้กลัดกระดุมเพราะความเร่งรีบ พอเห็นว่ามีเรื่องอะไรกันก็ส่งเสียงนำมาก่อนแต่ไกล
"เรื่องอะไรกันพ่อกริช"
แสงไฟจากหน้าหม้อรถทหารส่องสว่างให้เห็นร่างอวบท้วมที่เดินส่ายอาดๆ ไม่ต่างอะไรกับนักเลงโต แม้รัฐบาลจะพยายามประกาศให้รู้ว่ากองทัพญี่ปุ่นเป็นพันธมิตร ถึงขนาดแต่งเพลงยืนยันแล้วก็ตาม หากชาวบ้านทั่วไปก็ยังมองว่ากองทัพต่างชาตินี้คือผู้รุกรานดีๆ นี่เอง
แม้แต่นายอำเภออรุณซึ่งเป็นข้าราชการเองก็ไม่เว้น พอเห็นทหารกลุ่มใหญ่มายืนออกันหน้าประตูรั้วบ้านพักนายธรรมการผู้ซึ่งตัวเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานก็ไม่ชอบใจ แม้จะพอเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม เป็นที่รู้กันมาได้ระยะหนึ่งแล้วว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เป็นเดือดเป็นแค้นว่าญี่ปุ่นทำให้ประเทศต้องอยู่ในสภาพเหมือนถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามโดยไม่เต็มใจ ความเดือดร้อนแผ่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จึงมีผู้คนรวมกลุ่มกันต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆ กัน ตามแต่จะคิดกันขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มๆ ที่กล้าหน่อยก็ใช้วิธีลักขโมยข้าวของของฝ่ายญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะอำเป็นทางผ่านของรถไฟลำเลียงยุทธภัณฑ์ จึงกลายเป็นเสมือนเป้าเคลื่อนที่ของขบวนการลักขโมยไปในที่สุด
ว่าไปตามจริง ชะอำเรียกได้ว่าอยู่ในสภาพดีกว่าอีกหลายๆ แห่งเพราะเป็นตำบลเล็ก ไม่มีความสลักสำคัญสักเท่าไรนัก จะอยู่ในความสนใจของกองทัพญี่ปุ่นบ้างก็เพียงเพราะเป็นเส้นทางลำเลียงข้าวของจากอ่าวมะนาวเข้าพระนครเท่านั้นเอง ที่นี่จึงมีค่ายทหารตั้งอยู่ แม้จะมีจำนวนทหารอยู่ประจำไม่มากก็ตาม
"ทหารมาตามหาตัวสุชัยครับ"
กริชบอกเมื่อนายอำเภอสูงวัยเข้ามาใกล้จนพอจะพูดกันได้ยินโดยไม่ต้องตะโกน พอเห็นนายทหารคนตรงหน้าชี้มือไปทางชายป่าสะแก พลางทำเสียงโฮะๆ เฮะๆ เหมือนออกคำสั่ง ก็ใจหาย รีบเปิดประตูรั้วเพื่อดึงความสนใจให้กลับมาทางนี้เสีย
นางไวออกมายืนหน้าตาตื่นอยู่ตรงประตูเมื่อทหารญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่าสามนายก้าวขึ้นบันไดเรือน เสียงรองเท้าบู๊ตพื้นเป็นยางกระทบบันไดไม้ดังกึงๆ ในความเงียบสงบ อีกสี่คนกระจายกันค้นบริเวณใต้ถุนและเรือนครัว
ร่างผอมบางของหญิงวัยปลายถอยกลับเข้าไปภายใน ถอยกรูดต่อไปยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง หน้าตาตื่นเพราะไม่รู้เหนือรู้ใต้ ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที ความเครียดของสถานการณ์ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันปิดปากเงียบ
หากพอสบตากับชายหนุ่มผู้อยู่ร่วมบ้าน เขาส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าให้เฉยเสีย ตัวเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ นางจึงจำต้องปล่อยให้ทหารเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ เปิดโน่น เลิกนี่ดูตามใจชอบ
บ้านพักหลังนี้มีขนาดเล็ก ชั้นบนมีเพียงสามห้อง ห้องตอนหน้าก็เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีอะไรเลย ห้องนอนสองห้องมีแต่เครื่องเรือนเท่าที่จำเป็น มองจากภายนอกเข้าไปก็เห็นทะลุปรุโปร่งว่าไม่มีใครไปแอบซ่อนอยู่ตรงไหนได้ จึงไม่มีอะไรให้ต้องตรวจค้นกันมากมาย เพียงเดินดูไม่นานก็ไม่มีอะไรเหลือให้ค้นอีกแล้ว