เนื่องจากเป็นนิยายที่แต่งวนเวียนไปมาจะ 7-8 ปีแล้ว ลบแต่งใหม่ก็หลายรอบ แต่ช่วงปีหลังๆคิดจริงจังขึ้นมาแล้วลงในเวปเด็กดีไปก็เกิน 30℅ ของพล็อตเรื่องแล้วคิดว่าครั้งคงทำจนจบ เลยอยากจะมาลงต่อในพันทิบต่อครับ
ปล.ลงจากมือถือครับจะแก้ไขการเว้นวรรคให้อ่านง่ายๆอีกทีครับ
ขอความกรุณาด้วยครับ
บทนำ
http://pantip.com/topic/30963022
บทที่ 1
http://pantip.com/topic/30965255
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30984924
ถูกพามาที่ไหนกัน
“ลูกพี่ ใบนี้มันขยับ”
เสียงผู้ชายทุ้มหนาตะโกนเสียงดังออกมา ก่อนที่กระเป๋าใบใหญ่จะถูกวางลงและรูดซิบออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างของเนอิน่าที่นอนขดตัวอยู่ภายใน ความมืดปกคลุมทุกสิ่งจนเนอิน่ามองอะไรไม่เห็นเลย ก่อนที่ครู่เดียวจะมีมืออันหยาบกร้านเอื้อมมากุมปากของเธอเอาไว้ จากนั้นก็เอาผ้าอะไรสักอย่างมาอุดจมูก กลิ่นฉุนแรงมากและทำให้หายใจไม่ออก จนเนอิน่าดิ้นทุรนทุรายได้เพียงครู่เดียวสติก็หลุดค่อยๆหายไปช้าๆ
“คราวหน้าใส่ยานอนหลับให้มากว่านี้นะ นาเดีย”
“มากกว่านี้เดี๋ยวตายขึ้นมาฉันก็อดค่าตัวนะสิ”
ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป เสียงสนทนาที่ผ่านเข้าหูเนอิน่า คือสิ่งสุดท้ายก่อนที่สติจะเลือนหายไป นาเดีย... คุ้นหูจังเลย
รุ่งเช้าแสงสว่างสาดกระทบใบหน้าของเนอิน่า ผ่านช่องซี่เหล็กที่สูงจนเกือบติดเพดาน เสียงคุยกันดังเจี้ยวจ้าวไปหมด จนเนอิน่าค่อยๆลืมตาขึ้น มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมากหน้าหลายตาและที่แก่กว่าก็มีหลายคนเช่นกัน บ้างก็กำลังร้องไห้เสียงดัง บ้างก็ยืนหันมองไปรอบๆ ส่วนมากตื่นตระหนกและเนอิน่าเองก็เช่นกัน
“เงียบกันได้แล้ว เดี๋ยวนี้ !!”
หญิงสาวที่ดูจะแก่ที่สุดในห้องยืนตะโกนสั่งให้เด็กทุกคนในห้องเงียบเสียง หลังจากเปิดประตูเหล็กเข้ามา แต่ก็คงไม่น่าเกรงขามมากพอที่เด็กหลายคนจะสนใจด้วยอายุที่ดูจะยังไม่แก่เท่าไหร่ จากนั้นหญิงสาวอีกสี่คนที่ดูอายุไล่เลี่ยกันกับคนแรกต่างก็เดินเข้ามาตบตีเด็กที่ร้องไห้งอแงหรือไม่ยอมเชื่อฟังด้วยไม้เรียวยาว จนเด็กคนอื่นๆต่างก็ถอยร่นไปที่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว รวมถึงเนอิน่าด้วยเช่นกัน
“เงียบแล้วฟังซะ พวกแกทั้งหลายถูกพาจากหลายที่ ต่อไปนี้พวกแกไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านให้กลับ ใครเชื่อฟังจะมีข้าวกิน ส่วนใครดื้อละก็ได้เจ็บตัวแน่”
พูดจบก็มีชายร่างใหญ่โตกำยำเดินเข้ามากอดกับหญิงสาวคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าจากด้านหลัง ก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรซักอย่างและตามด้วยการประกบปากจูบกันราวกับกระหายน้ำอย่างหนัก ก่อนจะหันหน้ามาตะโกนเสียงดังใส่เด็กๆทั้งหลาย
“เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งหลายฟังไว้ จากนี้พวกแกต้องทำตามที่สั่ง ไม่อย่างนั้นจะเจ็บตัวเอาได้นะบอกไว้ก่อน ฉันไม่เตือนอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหญิงสาวห้าคน ที่ยังคงยืนจังก้าถือไม้ไว้ในมือและพร้อมจะฟาดเด็กทุกคนที่ไม่ยอมร่วมมือ แต่ก็แน่นอนว่าเด็กส่วนมากกำลังยืนตัวสั่นเทากันอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับความเงียบที่ปกคลุม
เมื่อจัดระเบียบความโกลาหลเล็กๆได้แล้ว หญิงสาวทั้งห้าก็เริ่มการนับจำนวนเด็กๆทั้งหมด โดยการแยกชายหญิงมายืนเรียงเป็นแถวๆละสิบคน จึงเริ่มนับจำนวนเด็กทั้งหมดได้ ชายสิบสามและหญิงสิบสอง จากนั้นก็มีการแยกกลุ่มอีกครั้งโดยแบ่งชายและหญิงซอยย่อยออกมาอีกได้กลุ่มที่สองเป็น ชายสี่หญิงเจ็ด ระหว่างการนับและจัดระเบียบเด็ก หากใครชักช้าและไม่ทำตามก็จะถูกตีด้วยไม้เรียวยาว
เด็กกลุ่มแรกถูกสั่งให้อยู่ในห้องรวมแล้วคือสิบสี่คน ส่วนกลุ่มที่สองทั้งหมดถูกพาออกมานอกห้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมเนอิน่าอยู่ด้วย หญิงสาวที่เป็นหัวหน้ากับอีกคนเดินนำหน้าและรั้งท้ายเด็กกลุ่มที่สอง แสงแดดยามสายสาดแสงและไออุ่นลงมา ขณะที่เท้าของทุกคนย่ำลงบนพื้นดินปนทราย ที่รอบตัวเต็มไปด้วยอาคารชั้นเดียวหลายสิบหลัง สภาพอาคารทรุดโทรม พื้นที่รอบๆก็รกร้าง เป็นชุมชนที่ไม่มีใครอยู่แล้ว
ทุกคนเดินเรียงแถวกันอย่างสงบเสงี่ยม ระหว่างทางพบเจอผู้ใหญ่ท่าทางน่ากลัวหลายคน พูดคุยทักทายกับหญิงสาวที่เป็นหัวหน้า เนอิน่าสังเกตรอบๆและตั้งใจฟังจึงรู้ว่าเธอชื่อ อินกริด จากการทักทายของคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชายวัยกลางคน ท่าทางน่ากลัวกันทั้งนั้น หลังจากเดินผ่านตามทางมาได้สักพัก อินกริดก็พาทุกคนมาถึงตึกแห่งหนึ่งสูงหลายชั้น แต่นอนว่าสภาพก็ทรุดโทรมไม่ต่างจากอาคารหลายหลังที่เห็นก่อนหน้านี้
“เอาสินค้ามาให้ฟรานซิสดู” อินกริดบอกกับชายร่างกำยำที่ยืนขวางประตู สายตาประหลาดๆกับเสียงซี้ดๆในปากฟังดูเหมือนกับมีอะไรติดฟันของเขาอยู่
“น่ารักจังเลยนะ สินค้ารอบนี้”
“แน่สิ คัดมาอย่างดี มีเกรดเอหลายคนเลยล่ะ”
“เหอๆ ซี้ดๆ ซี้ดๆ เข้าไปๆ”
จากนั้นชายคนเฝ้าประตูก็เปิดให้อินกริดพาเด็กทุกคนเข้าไปในอาคาร แสงจากหลอดไฟสีขาวกระพริบเหมือนจะดับไม่ดับแหล่ ตลอดทางเดินตรงยาวที่มีประตูห้องทั้งซ้ายและขวาเป็นระยะ มีเสียงโหยหวนดังออกมาจากห้องหนึ่งพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน บ้างก็มีเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนทำเอาเนอิน่ากลัวไม่ใช่น้อย อินกริดยังคงพาเดินผ่านทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยเสียงประหลาดมากมาย สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กทั้งสิบเอ็ดคนได้เป็นอย่างดี
ก๊อก ก๊อก !! แกร๊ก ! เอี๊ยด...
“นี่อินกริดนะ”
เสียงประตูเหล็กบานใหญ่เปิดออกช้าๆ สนิมคงทำให้บานพับทำงานไม่ได้ดั่งใจ จึงกรีดร้องออกมายามเปิดประตู แสงไฟสีฟ้าและเขียวสาดเป็นเส้น แวบวาบไปมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในห้องที่มืดสลัวและเต็มไปด้วยควันบุหรี่คละคลุ้ง มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟายาวพร้อมกับโอบกอดหญิงสาวคนหนึ่งนัวเนียกันไปมา เมื่อเห็นดังนั้นอินกริดก็รุดเข้าไปกระชากแขนผู้หญิงบนโซฟาออกมาทันที พร้อมกับเหวี่ยงให้ออกไปจากฝ่ายชาย
“ออกไปได้แล้วนังตัวดี”
อินกริดจ้องตาหญิงสาวคนนั้นเขม็ง จนอีกฝ่ายทำท่าเกรงกลัวเล็กน้อยก่อนจะเดินสวนกลุ่มเด็กๆออกไป
“ฟรานซิสคะ ฉันพาเด็กๆมาแล้ว คัดมาแต่เกรดเอ”
อินกริดทิ้งตัวลงบนโซฟาสวมกอดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนอย่างรักไคร่ แต่อีกฝ่ายดูหงุดหงิดเล็กน้อยจึง ดีดตัวลุกขึ้นออกมาทันทีและเดินตรงมาดูเด็กๆทั้งสิบเอ็ดคน
“นี่ นี่ นั่นและก็นั่น เกรดเอเลยนะเนี่ย แยกไปไว้ห้องเล็ก ที่เหลือเกรดบีเอาไปไว้ห้องใหญ่”
ฟรานซิสสั่งเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟากับอินกริด หลังจากนั่นหญิงสาวอีกคนก็ทยอยพาเด็กๆทุกคนออกจากห้อง เด็กทุกคนยังคงไม่รู้ว่าควรทำอะไรยังไงจึงได้แต่ทำตามไปเรื่อยๆเท่านั้น
หญิงสาวเดินคุมขบวนเด็กทั้งหมดกลับออกมาตามทางเดิน สุดปลายทางที่เข้ามาจะมีบันไดขึ้นไปชั้นต่างๆได้ มีบ้างที่บางคนเดินชักช้าหรือไม่เชื่อฟังก็จะถูกฟาดจนมีแผลเป็นทางยาว ส่วนเนอิน่านั้นตั้งใจเชื่อฟังอย่างดีด้วยความกลัว เมื่อขบวนมาถึงประตูทางเข้าเพื่อขึ้นไปที่ชั้นสอง บานประตูว่างเปล่าเปิดอ้าให้เห็นทางออกที่ไม่มีใครเฝ้าอยู่ จนหญิงสาวที่คุมขบวนเด็กๆถึงกับเอ่ยบ่นออกมา
“คองเฟือง หายไปไหนเนี่ย ถ้าฟรานซิสรู้เข้าเดี๋ยวก็ซวยหรอก”
เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่หยุดชะงัก จู่ๆก็มีเด็กชายในขบวนสองคนพุ่งออกจากแถวอย่างรวดเร็ว พลางร้องตะโกนบอกเด็กๆในกลุ่มเดียวกันว่า
“วิ่งเร็ว ออกไปจากที่นี่ อย่าหยุด !!”
เด็กสองคนแรกวิ่งออกจากขบวนอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวที่ยืนคุมตกใจเล็กน้อยก่อนจะหวดไม้ฟาดตามหลังไปโดนเฉี่ยวๆ จากนั้นเด็กคนอื่นๆก็ออกวิ่งตามไปบ้างอย่างตื่นตระหนก จนกลายเป็นผึ้งแตกรัง อลหม่านไปหมด ส่วนเนอิน่าซึ่งกำลังตกใจกลับทำอะไรไม่ถูก ขามันก้าวไม่ออก
‘หนูจะทำยังไงดีนะ’
Resolve 3 (ลงต่อจากปี 53)
ปล.ลงจากมือถือครับจะแก้ไขการเว้นวรรคให้อ่านง่ายๆอีกทีครับ
ขอความกรุณาด้วยครับ
บทนำ http://pantip.com/topic/30963022
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/30965255
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30984924
ถูกพามาที่ไหนกัน
“ลูกพี่ ใบนี้มันขยับ”
เสียงผู้ชายทุ้มหนาตะโกนเสียงดังออกมา ก่อนที่กระเป๋าใบใหญ่จะถูกวางลงและรูดซิบออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างของเนอิน่าที่นอนขดตัวอยู่ภายใน ความมืดปกคลุมทุกสิ่งจนเนอิน่ามองอะไรไม่เห็นเลย ก่อนที่ครู่เดียวจะมีมืออันหยาบกร้านเอื้อมมากุมปากของเธอเอาไว้ จากนั้นก็เอาผ้าอะไรสักอย่างมาอุดจมูก กลิ่นฉุนแรงมากและทำให้หายใจไม่ออก จนเนอิน่าดิ้นทุรนทุรายได้เพียงครู่เดียวสติก็หลุดค่อยๆหายไปช้าๆ
“คราวหน้าใส่ยานอนหลับให้มากว่านี้นะ นาเดีย”
“มากกว่านี้เดี๋ยวตายขึ้นมาฉันก็อดค่าตัวนะสิ”
ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป เสียงสนทนาที่ผ่านเข้าหูเนอิน่า คือสิ่งสุดท้ายก่อนที่สติจะเลือนหายไป นาเดีย... คุ้นหูจังเลย
รุ่งเช้าแสงสว่างสาดกระทบใบหน้าของเนอิน่า ผ่านช่องซี่เหล็กที่สูงจนเกือบติดเพดาน เสียงคุยกันดังเจี้ยวจ้าวไปหมด จนเนอิน่าค่อยๆลืมตาขึ้น มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมากหน้าหลายตาและที่แก่กว่าก็มีหลายคนเช่นกัน บ้างก็กำลังร้องไห้เสียงดัง บ้างก็ยืนหันมองไปรอบๆ ส่วนมากตื่นตระหนกและเนอิน่าเองก็เช่นกัน
“เงียบกันได้แล้ว เดี๋ยวนี้ !!”
หญิงสาวที่ดูจะแก่ที่สุดในห้องยืนตะโกนสั่งให้เด็กทุกคนในห้องเงียบเสียง หลังจากเปิดประตูเหล็กเข้ามา แต่ก็คงไม่น่าเกรงขามมากพอที่เด็กหลายคนจะสนใจด้วยอายุที่ดูจะยังไม่แก่เท่าไหร่ จากนั้นหญิงสาวอีกสี่คนที่ดูอายุไล่เลี่ยกันกับคนแรกต่างก็เดินเข้ามาตบตีเด็กที่ร้องไห้งอแงหรือไม่ยอมเชื่อฟังด้วยไม้เรียวยาว จนเด็กคนอื่นๆต่างก็ถอยร่นไปที่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว รวมถึงเนอิน่าด้วยเช่นกัน
“เงียบแล้วฟังซะ พวกแกทั้งหลายถูกพาจากหลายที่ ต่อไปนี้พวกแกไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านให้กลับ ใครเชื่อฟังจะมีข้าวกิน ส่วนใครดื้อละก็ได้เจ็บตัวแน่”
พูดจบก็มีชายร่างใหญ่โตกำยำเดินเข้ามากอดกับหญิงสาวคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าจากด้านหลัง ก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรซักอย่างและตามด้วยการประกบปากจูบกันราวกับกระหายน้ำอย่างหนัก ก่อนจะหันหน้ามาตะโกนเสียงดังใส่เด็กๆทั้งหลาย
“เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งหลายฟังไว้ จากนี้พวกแกต้องทำตามที่สั่ง ไม่อย่างนั้นจะเจ็บตัวเอาได้นะบอกไว้ก่อน ฉันไม่เตือนอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหญิงสาวห้าคน ที่ยังคงยืนจังก้าถือไม้ไว้ในมือและพร้อมจะฟาดเด็กทุกคนที่ไม่ยอมร่วมมือ แต่ก็แน่นอนว่าเด็กส่วนมากกำลังยืนตัวสั่นเทากันอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับความเงียบที่ปกคลุม
เมื่อจัดระเบียบความโกลาหลเล็กๆได้แล้ว หญิงสาวทั้งห้าก็เริ่มการนับจำนวนเด็กๆทั้งหมด โดยการแยกชายหญิงมายืนเรียงเป็นแถวๆละสิบคน จึงเริ่มนับจำนวนเด็กทั้งหมดได้ ชายสิบสามและหญิงสิบสอง จากนั้นก็มีการแยกกลุ่มอีกครั้งโดยแบ่งชายและหญิงซอยย่อยออกมาอีกได้กลุ่มที่สองเป็น ชายสี่หญิงเจ็ด ระหว่างการนับและจัดระเบียบเด็ก หากใครชักช้าและไม่ทำตามก็จะถูกตีด้วยไม้เรียวยาว
เด็กกลุ่มแรกถูกสั่งให้อยู่ในห้องรวมแล้วคือสิบสี่คน ส่วนกลุ่มที่สองทั้งหมดถูกพาออกมานอกห้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมเนอิน่าอยู่ด้วย หญิงสาวที่เป็นหัวหน้ากับอีกคนเดินนำหน้าและรั้งท้ายเด็กกลุ่มที่สอง แสงแดดยามสายสาดแสงและไออุ่นลงมา ขณะที่เท้าของทุกคนย่ำลงบนพื้นดินปนทราย ที่รอบตัวเต็มไปด้วยอาคารชั้นเดียวหลายสิบหลัง สภาพอาคารทรุดโทรม พื้นที่รอบๆก็รกร้าง เป็นชุมชนที่ไม่มีใครอยู่แล้ว
ทุกคนเดินเรียงแถวกันอย่างสงบเสงี่ยม ระหว่างทางพบเจอผู้ใหญ่ท่าทางน่ากลัวหลายคน พูดคุยทักทายกับหญิงสาวที่เป็นหัวหน้า เนอิน่าสังเกตรอบๆและตั้งใจฟังจึงรู้ว่าเธอชื่อ อินกริด จากการทักทายของคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชายวัยกลางคน ท่าทางน่ากลัวกันทั้งนั้น หลังจากเดินผ่านตามทางมาได้สักพัก อินกริดก็พาทุกคนมาถึงตึกแห่งหนึ่งสูงหลายชั้น แต่นอนว่าสภาพก็ทรุดโทรมไม่ต่างจากอาคารหลายหลังที่เห็นก่อนหน้านี้
“เอาสินค้ามาให้ฟรานซิสดู” อินกริดบอกกับชายร่างกำยำที่ยืนขวางประตู สายตาประหลาดๆกับเสียงซี้ดๆในปากฟังดูเหมือนกับมีอะไรติดฟันของเขาอยู่
“น่ารักจังเลยนะ สินค้ารอบนี้”
“แน่สิ คัดมาอย่างดี มีเกรดเอหลายคนเลยล่ะ”
“เหอๆ ซี้ดๆ ซี้ดๆ เข้าไปๆ”
จากนั้นชายคนเฝ้าประตูก็เปิดให้อินกริดพาเด็กทุกคนเข้าไปในอาคาร แสงจากหลอดไฟสีขาวกระพริบเหมือนจะดับไม่ดับแหล่ ตลอดทางเดินตรงยาวที่มีประตูห้องทั้งซ้ายและขวาเป็นระยะ มีเสียงโหยหวนดังออกมาจากห้องหนึ่งพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน บ้างก็มีเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนทำเอาเนอิน่ากลัวไม่ใช่น้อย อินกริดยังคงพาเดินผ่านทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยเสียงประหลาดมากมาย สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กทั้งสิบเอ็ดคนได้เป็นอย่างดี
ก๊อก ก๊อก !! แกร๊ก ! เอี๊ยด...
“นี่อินกริดนะ”
เสียงประตูเหล็กบานใหญ่เปิดออกช้าๆ สนิมคงทำให้บานพับทำงานไม่ได้ดั่งใจ จึงกรีดร้องออกมายามเปิดประตู แสงไฟสีฟ้าและเขียวสาดเป็นเส้น แวบวาบไปมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในห้องที่มืดสลัวและเต็มไปด้วยควันบุหรี่คละคลุ้ง มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟายาวพร้อมกับโอบกอดหญิงสาวคนหนึ่งนัวเนียกันไปมา เมื่อเห็นดังนั้นอินกริดก็รุดเข้าไปกระชากแขนผู้หญิงบนโซฟาออกมาทันที พร้อมกับเหวี่ยงให้ออกไปจากฝ่ายชาย
“ออกไปได้แล้วนังตัวดี”
อินกริดจ้องตาหญิงสาวคนนั้นเขม็ง จนอีกฝ่ายทำท่าเกรงกลัวเล็กน้อยก่อนจะเดินสวนกลุ่มเด็กๆออกไป
“ฟรานซิสคะ ฉันพาเด็กๆมาแล้ว คัดมาแต่เกรดเอ”
อินกริดทิ้งตัวลงบนโซฟาสวมกอดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนอย่างรักไคร่ แต่อีกฝ่ายดูหงุดหงิดเล็กน้อยจึง ดีดตัวลุกขึ้นออกมาทันทีและเดินตรงมาดูเด็กๆทั้งสิบเอ็ดคน
“นี่ นี่ นั่นและก็นั่น เกรดเอเลยนะเนี่ย แยกไปไว้ห้องเล็ก ที่เหลือเกรดบีเอาไปไว้ห้องใหญ่”
ฟรานซิสสั่งเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟากับอินกริด หลังจากนั่นหญิงสาวอีกคนก็ทยอยพาเด็กๆทุกคนออกจากห้อง เด็กทุกคนยังคงไม่รู้ว่าควรทำอะไรยังไงจึงได้แต่ทำตามไปเรื่อยๆเท่านั้น
หญิงสาวเดินคุมขบวนเด็กทั้งหมดกลับออกมาตามทางเดิน สุดปลายทางที่เข้ามาจะมีบันไดขึ้นไปชั้นต่างๆได้ มีบ้างที่บางคนเดินชักช้าหรือไม่เชื่อฟังก็จะถูกฟาดจนมีแผลเป็นทางยาว ส่วนเนอิน่านั้นตั้งใจเชื่อฟังอย่างดีด้วยความกลัว เมื่อขบวนมาถึงประตูทางเข้าเพื่อขึ้นไปที่ชั้นสอง บานประตูว่างเปล่าเปิดอ้าให้เห็นทางออกที่ไม่มีใครเฝ้าอยู่ จนหญิงสาวที่คุมขบวนเด็กๆถึงกับเอ่ยบ่นออกมา
“คองเฟือง หายไปไหนเนี่ย ถ้าฟรานซิสรู้เข้าเดี๋ยวก็ซวยหรอก”
เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่หยุดชะงัก จู่ๆก็มีเด็กชายในขบวนสองคนพุ่งออกจากแถวอย่างรวดเร็ว พลางร้องตะโกนบอกเด็กๆในกลุ่มเดียวกันว่า
“วิ่งเร็ว ออกไปจากที่นี่ อย่าหยุด !!”
เด็กสองคนแรกวิ่งออกจากขบวนอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวที่ยืนคุมตกใจเล็กน้อยก่อนจะหวดไม้ฟาดตามหลังไปโดนเฉี่ยวๆ จากนั้นเด็กคนอื่นๆก็ออกวิ่งตามไปบ้างอย่างตื่นตระหนก จนกลายเป็นผึ้งแตกรัง อลหม่านไปหมด ส่วนเนอิน่าซึ่งกำลังตกใจกลับทำอะไรไม่ถูก ขามันก้าวไม่ออก
‘หนูจะทำยังไงดีนะ’