Resolve : ยากที่จะตัดสินใจ บทที่ 2

กระทู้สนทนา
การเดินทางของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ เนอิน่า ก็จะคงพบเจอเรื่องราวลำบากยากเข็ญกันไปอีกนะครับ
ถ้าใครชอบเรื่องราวรักหวานซึ้ง สนุกสนานฮาเฮ ผมขอบอกใบ้ไว้ว่า เนอิน่าคงจะยังให้ "ผู้อ่านไม่ได้" เพราะผมคงจะต้องทารุณ ตัวละครตัวนี้ไปอีกพักใหญ่เลยครับ จนกว่าทั้งสองคนจะมาเจอกันอีกครั้ง

บทนำ http://pantip.com/topic/30963022
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/30965255

ตัดสินใจครั้งที่ 2

    ฝันร้ายยังตามคงหลอกหลอน แม้กระทั่งในการพักอาศัยกับบ้านของพระเจ้า ทั้งลุงและป้าต่างออกมาอาละวาดซะยกใหญ่จนหนูกลัวแทบตาย อีกทั้งยังเห็นพี่ชายจากไปอย่างไม่ใยดีสักเท่าไหร่ โดยทิ้งให้หนูอยู่กับโบสถ์แห่งนี้ ไม่นานนักหนูก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมอาการหัวใจเต้นระรัว เนื่องจากยังคงแยกแยะความฝันกับภาพตรงหน้าไม่ออก

พี่ชายกำลังยืนขึ้นแต่งตัวและสวมโค้ทสีดำ เหมือนกำลังจะออกเดินทาง หนูหันมองไปรอบตัวก็พบว่าฟ้ายังมืดอยู่ หนูนั่งงงๆเบลอๆแต่ก็แอบเดินตามออกจากห้องไปด้วย ท้องฟ้ายังมืดสนิทมีเพียงแสงตามส่องประกายให้เห็นระยิบระยับ หนูแอบตามพี่ชายจนมาถึงหน้าโบสถ์ พอดีกับแม่ชีคนเดิมที่พบเจอเมื่อคืนวาน เห็นพี่ชายพอดี

พี่ชายยืนคุยกับแม่ชีอย่างนอบน้อม หนูไม่รู้ว่าบทสนทนาของทั้งสองคนเป็นยังไง แต่ก็ยืนแอบมองพลางหาวหวอดไปด้วย ก่อนที่เขาจะผละจากแม่ชีและเดินตรงไปที่ประตูโบสถ์ หนูรีบกระโดดลุกขึ้นและรีบวิ่งตามไปทันที หนูวิ่งผ่านหน้าแม่ชีอย่างรวดเร็วและเอื้อมมือคว้าชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้ พลางดึงอย่างแรงจนเขาหันมามองอย่างแปลกใจ

“พะ..พี่ชายจะไปไหน”
    
    หนูถามเขาเสียงสั่นๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันรู้สึกใจไม่ดียังไงบอกไม่ถูก พี่ชายยืนมองหน้าหนูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เป็นครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่ประทับใจหนูมากๆเลย

    “อยู่ที่นี่เธอจะมีที่พักและอาหาร อีกทั้งยังได้รับความห่วงใยจากแม่ชีท่านนี้ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปทำ และเธอก็ไปด้วยไม่ได้”

    “ให้หนูไปด้วยนะ นะ..หนูจะไม่ตัวเป็นภาระเลย นะ นะ”

    แม้คำพูดของหนูจะอ้อนวอนยังไง ก็ดูเหมือนพี่ชายจะตัดสินใจไว้แล้ว เขาลูบหัวหนูอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง และหันหลังเดินจากไปช้าๆ หนูปล่อยโฮออกมาโดยไม่รู้ตัวเลย ก่อนจะรีบวิ่งตามไปทันที แต่แม่ชีก็มารั้งตัวหนูเอาไว้ ใจหนูมันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟามไม่ยอมหยุด จนพี่ชายเดินหายลับไปในความมืด ส่วนตัวหนูก็ถูกอุ้มกลับเข้ามาในโบสถ์

    “หนูเนอิน่าอย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ โอ๋ ไม่เอานะอย่าร้องนะ” แม่ชีพยายามปลอบขวัญเด็กน้อยที่กำลังสับสน

    “ปล่อยหนู ฮึก..ฮึก นะคะ ฮือ ฮือ.... นะ... ฮึก คะ.... หนูจะไปหาพี่ชาย.....”

พูดไปพลางสะอึกสะอื้น แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่แม่ชีใจดีก็ยังยิ้มรับและโอบกอดหนูเอาไว้ไม่ปล่อย มันอบอุ่นและจริงใจ หนูค่อยๆรู้สึกดีขึ้น แต่มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่สูญเสียพี่ชายไปเลย แม้จะแค่เวลาหนึ่งวันที่ได้เจอกัน แต่มันมีความพิเศษมากกว่านั้น ความรู้สึกที่เหมือนถูกดึงขึ้นจากหลุมลึกดำมืดซึ่งไม่มีใครสนใจในคืนวันฝนตก

หนูยังคงร้องไห้ต่อไปอีกพักใหญ่ จนท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว แม้จะยังดูนาฬิกาไม่เป็น แต่หนูก็พอจะเดาได้ว่าคงใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว เนื่องจากต้องตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดกับลุงและป้า  แม่ชีใจดีนั่งปลอบประโลมหนูอยู่นาน จนหนูค่อยๆรู้สึกดีขึ้น เธอจึงแนะนำตัวเองครั้งแรก หลังจากที่ได้เจอกันตั้งแต่เมื่อคืน

    เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อ นาเดีย เป็นผู้ดูแลเรื่องราวต่างๆในโบสถ์แห่งนี้ คอยช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งเด็กและคนชรา ในโบสถ์แห่งนี้มีแม่ชีอยู่หลายคน นาเดียมีความอาวุโสที่สุดที่นี่ จึงมักจะเห็นแม่ชีหลายๆคนให้ความเคารพเธอมากมาย เธอบอกว่าหนูควรจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ จะให้ดีก็ลองศึกษาธรรมควบคู่ไปด้วย แต่ถึงหนูจะยังไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร ก็อาจจะทำตามที่นาเดียแนะนำก็ได้


    หลังจากที่พี่ชายจากไปก็ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี หนูตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ นาเดียและแม่ชีคนอื่นๆใจดีกันทุกคนเลย หนูได้รับหน้าที่ช่วยงานเล็กๆน้อยๆในโบสถ์ งานไม่หนักเหมือนตอนอยู่กับลุงและป้า มีอาหารให้ทานครบทั้งสามมื้อ มีการสอนหนังสือให้ด้วย ซึ่งอันนี้หนูค่อนข้างจะชอบเป็นพิเศษ ความเศร้าเรื่องพี่ชายค่อยๆหายไป แต่หนูก็ยังคิดถึงเขาอยู่ตลอด

    มีเด็กใหม่ๆเข้ามาหลายคนตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็มีหลายคนที่หนีออกจากโบสถ์ไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

    “ก็มีหลายครั้งที่เด็กของเราออกไปเที่ยวเล่นและพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา บ้างก็ตามคนพวกนั้นกันไปก็มี”

    นาเดียเล่าให้ฟังว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลายครั้งก็มีเด็กหนีออกไปนับสิบคน ไม่รู้ว่าไปไหนและไปกับใคร นาเดียก็ได้แต่ภาวนาว่า หากเด็กพวกนั้นพบเจอเรื่องเลวร้ายก็ขอให้กลับมา ที่นี่พร้อมต้อนรับเสมอ

    หนูพูดคุยกับนาเดียเสมอมา เธอเป็นทั้งผู้มีใจเมตตาต่อหนู อีกทั้งยังให้กำลังใจหนูตลอด ถึงแม้หนูจะไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เคยอยู่ที่ไหนกับใครก็ตาม นาเดียพยายามทำทุกอย่างให้หนูสบายใจที่สุด รวมทั้งเด็กคนอื่นๆด้วย เธอเป็นแม่พระมาโปรดดีๆนี่เอง
    เตียงนอนนุ่มๆที่นาเดียยกให้หนูนอนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ชักจะคุ้นเคยกับมันแล้วสิ ส่วนเตียงข้างๆก็ยังไม่มีใครมาใช้ร่วมกับหนู ห้องไม่กว้างเท่าไหร่พานทำให้นึกถึงพี่ชายขึ้นมาจนได้ ตอนนี้ก็ฟ้ามืดแล้วเด็กทุกคนได้เวลาเข้านอนกัน รวมทั้งหนูด้วย

    นอนตะแคงข้างหันมองตียงว่างเปล่า ภาพพี่ชายที่มาถึงพร้อมกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เหมือนจะหลุดลอยออกมาจากความทรงจำ เข้านั่งลงข้างเตียงและส่งหนูเข้านอน ด้วยความเหนื่อยล้าหนูหลับได้โดยไม่ยาก ยิ่งคิดน้ำตาก็ซึมออกมา หนูคิดถึงพี่ชายจังเลย ทำไมนะ คิดถึงเหลือเกิน

    สมองเริ่มทำงานช้าลง ดวงตาค่อยๆหรี่ลงช้าๆจนปิดในที่สุด สติล่องลอยไปในความมืดมิด เหมือนหลุดเข้ามาในความฝัน รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในที่ๆคุ้นตาอีกแล้ว

    เพี้ยะ !

    “เนอิ แกหยุดทำงานทำไม ขี้เกียจอีกแล้วเรอะ”

    ด้วยความงุนงง เนอิยังไม่ทันตั้งสติได้ทัน เธอกลับมาอยู่ในบ้านของลุงและป้าอีกแล้ว

    “นะ..หนูขอโทษ”

    เนอิน่ารีบก้มลงควานหาอะไรก็ตาม ที่มันตกหล่นหรือเลอะเทอะอยู่ที่พื้น ด้วยความเคยชินตั้งแต่เล็กๆ ที่ถูกสั่งสอนเรื่องงานบ้านและการทำความสะอาด เศษขยะมากมายกองเต็มทั่วพื้นบ้านไปหมด และเหมือนมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

    เนอิน่าได้แต่ตกใจลนลาน รีบคว้าเศษขยะทุกชิ้นเท่าที่จะทำได้ เก็บใส่ถังขยะให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนมันจะเพิ่มขึ้นจนมากมายนับไม่ถ้วน ลุงและป้าที่ยืนมองดูต่างก็พูดอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง

    แต่ดวงตาทั้งสองคนแดงก่ำจนน่ากลัว ตัวก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อย และเดินเข้ามาหาใกล้ขึ้นๆ จนเนอิน่ากลัวมากจนทนไม่ไหวแล้ว

    เด็กน้อยทิ้งขยะทุกชิ้นในมือและเริ่มวิ่งอย่างสุดชีวิต พนังห้อง พื้นบ้าน เศษขยะหล่นจมหายไปในความมืดมิดที่ลึกสุดลูกหูลูกตา ซึ่งแม้แต่ตัวเนอิน่าเองก็ยังไม่เข้าใจว่า เท้าของเธอสัมผัสกับห้วงอากาศที่ว่างเปล่า น่าแปลกใจที่ยังคงวิ่งหนีอยู่ได้

แต่ก็เป็นความนึกคิดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เนอิน่าคิดแค่อย่างเดียวตอนนี้คือ วิ่งหนีให้สุดชีวิต ยิ่งออกแรงวิ่งเท่าใด ลุงและป้าก็ตามมาเร็วเท่านั้น รูปร่างหน้าตาเริ่มเปลี่ยนแปลงจนเหมือนสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไปทุกทีแล้ว

น่ากลัว …. น่ากลัวจังเลย ทำไม ทำไมหนูต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ลุงจ๋าป้าจ๋า หนูขอโทษ วิ่งไม่ไหวแล้ว อย่า อย่า อย่าทำหนูเลย…...

เหมือนจะด้วยความกลัวสุดขีด เนอิน่าสะดุ้งสุดตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เธอหายใจไม่ออก มันติดขัดหายใจไม่ทัน อากาศเหมือนจะติดค้างที่หน้าอก หายใจสะดุดเป็นจังหวะ เหงื่อท้วมตัวไปหมด น้ำตาเอ่อล้นไหลพราก ตัวสั่นงันงก และเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวด้วยว่าตนเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงนอน

ทำไม ทำไมหนูถึงนอนขดตัวอยู่ในอะไรสักอย่าง ทั้งแคบและหายใจลำบาก รู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้าง มืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย

เกิดอะไรขึ้นกับหนูกันแน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่