ความเห็นผู้แต่ง : ส่วนตัวผมก็เป็นมือสมัครเล่นนะครับ งานชิ้นนี้ผมก็คิดมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะทำให้จบบริบูรณ์ได้เลย ก็ได้แต่งและแก้ไขมาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้ได้มีโอกาสนำมาให้ทุกท่านได้ลองสัมผัสกันดู อาจจะไม่ได้ดีเด่อะไรมาก ถ้าเกิดอ่านแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจอยู่บ้างก็ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ยังไงก็จะพยายามเขียนให้ผู้อ่านทุกท่านได้ติดตามกันครับ
แนวเรื่องก็เป็นในรูปแบบส่วนตัวของผมเอง เป็นจินตนาการล้วนๆ ออกจะมีเศร้าปนตลก โหดร้าย เกี่ยวกับการเดินทางผจญโลกกว้าง ของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบ ที่จะได้พบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย
ขอบคุณครับ
บทที่ 1
http://pantip.com/topic/30965255
Resolve : ยากที่จะตัดสินใจ
บทนำ
ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆฝนลอยดำมืดมาแต่ไกล หนูตื่นขึ้นมาอยู่ในซอกหลืบของตึกรามบ้านช่องแคบๆ ที่ซึ่งใครๆก็คงไม่อยากผ่านทางนี้ซักเท่าไหร่ หนูชื่อเนอิน่า ซาคูร่า เป็นเด็กหญิงอายุเจ็ดปีที่เพิ่งถูกผู้อุปการะทอดทิ้ง ให้กลายเป็นเด็กกำพร้า หลังจากลุงและป้าหมดความอดทนในการเลี้ยงดูหนู ซึ่งทุกอย่างที่เขาหวังให้ทำมักจะเกินกำลังของเด็กอายุเจ็ดขวบอย่างหนู
หลังจากอาศัยอยู่กับลุงและป้าที่รับมาเลี้ยงนานหลายปี จากนี้หนูก็คงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มตั้งเค้ามืดมาแต่ไกลและเมฆดำก็โปรยเม็ดฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา หลังจากอัดอั้นมานานหลายวัน ฝาถังขยะที่คลุมศรีษะและเศษฝ้าผืนใหญ่เก่าๆที่ฉีกขาด พอกันฝนและสร้างความอบอุ่นให้ได้บ้าง
เสียงฟ้าร้องดังอยู่เป็นระยะ มีแสงแวบวาบและฟ้าผ่าตามมา ราวกับอารมณ์โกรธเกรียวของลุงและป้า ที่มักจะแสดงออกมาพร้อมกับการตบตีหนูอยู่บ่อยครั้ง สายฝนสาดกระทบรอยแผลเล็กๆที่แขน สร้างความเจ็บแสบให้กับเด็กน้อย มีรอยแดงยาวๆกับบาดแผลฉีกขาดเล็กๆหลายแผล เด็กหญิงได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงความอัปโชคของเธอ
ทำไมถึงไม่มีครอบครัวดีๆที่รักและเอาใจใส่เธอบ้าง เด็กหญิงนั่งร้องไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ลมและฝนก็โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ตัวเธอเปียกโชกและนั่งตัวสั่นอย่างคนไร้หนทาง จนเมื่อจู่ๆฝนก็หยุดกระทบใบหน้าของเธอครู่หนึ่ง พร้อมกับเงาของใครบางคนที่ทอดยาวผ่านพื้นเบื้องหน้าของเธอไป เด็กหญิงจึงเงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นคนๆหนึ่งยืนจ้องมองเธออยู่
เด็กผู้ชายคนหนึ่งตัวสูงสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำซึ่งมีฮูดคลุมศรีษะเอาไว้ เขายืนมองเนอิด้วยสายตาแปลกประหลาด ใบหน้าภายใต้ฮูดคลุมศรีษะที่หนูพอจะมองเห็นคือ สีหน้าเรียบเฉยแต่ท่าทางเข้มแข็ง เขายืนจ้องหนูอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ ก่อนที่จะเดินมาจับแขนของหนูและพูดขึ้นว่า ‘ถ้าไม่อยากหนาวตายก็ไปด้วยกัน’
น้ำเสียงเรียบๆไม่ได้ทำให้หนูคล้อยตามเขาซักเท่าไหร่ เพียงแต่มีใครสักคนอยู่ด้วยก็ดีกว่าไม่มีใครเลย หนูลังเลครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน มือทั้งสองกอดหน้าอกเอาไว้ด้วยความหนาว เขาก้าวเดินนำหน้าไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้หนูเดินตามเด็กผู้ชายซึ่งวัยคงไม่ต่างกันมากนัก หนูเดินตามเขาไปได้สักพัก เลี้ยวเลาะตามซอกตึกและบ้านผู้คนไปตามทางที่ไม่คุ้นเคย ในที่สุดก็พบที่พักพิงของเขาจนได้ มันคือตึกร้างเก่าๆสูงสามชั้น ซึ่งห่างจากละแวกที่ผู้คนพักอาศัยออกมา ตั้งอยู่ในเขตโรงงานเก่าๆของเมืองแห่งนี้
เมื่อเข้ามาด้านในเขาก็ตรงเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งหนูก็เดินตามเขาไปติดๆ เพราะกลัวความมืดและบรรยากาศของที่นี่ เด็กชายเดินตรงเข้าไปในห้องซึ่งไม่กว้างมากนัก มีสิ่งของระเกะระกะอยู่ไปทั่ว เขารื้อค้นหาของในเป้ใบหนึ่งและยื่นผ้าผืนเล็กเก่าๆมาให้กับหนู พลางบอกว่าให้ใช้เช็ดศรีษะซะ
หนูรับมันมาด้วยดีและทำความสะอาดร่างกายที่เปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ก่อนที่หนูจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรหลังจากนั้น ความเงียบเข้าปกคลุมและหนูยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย เขาถอดเสื้อคลุมตัวที่เปี้ยกออกมาตากไว้และเดินตรงไปนอนบนเตียงเก่าๆที่มุมห้อง เนื่องจากหนูยังไม่รู้ว่าจะเรียกเขายังไงดี จึงถือวิสาสะไปว่า
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ พี่ชาย”
Resolve : ยากที่จะตัดสินใจ บทนำ
แนวเรื่องก็เป็นในรูปแบบส่วนตัวของผมเอง เป็นจินตนาการล้วนๆ ออกจะมีเศร้าปนตลก โหดร้าย เกี่ยวกับการเดินทางผจญโลกกว้าง ของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบ ที่จะได้พบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย
ขอบคุณครับ
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/30965255
Resolve : ยากที่จะตัดสินใจ
บทนำ
ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆฝนลอยดำมืดมาแต่ไกล หนูตื่นขึ้นมาอยู่ในซอกหลืบของตึกรามบ้านช่องแคบๆ ที่ซึ่งใครๆก็คงไม่อยากผ่านทางนี้ซักเท่าไหร่ หนูชื่อเนอิน่า ซาคูร่า เป็นเด็กหญิงอายุเจ็ดปีที่เพิ่งถูกผู้อุปการะทอดทิ้ง ให้กลายเป็นเด็กกำพร้า หลังจากลุงและป้าหมดความอดทนในการเลี้ยงดูหนู ซึ่งทุกอย่างที่เขาหวังให้ทำมักจะเกินกำลังของเด็กอายุเจ็ดขวบอย่างหนู
หลังจากอาศัยอยู่กับลุงและป้าที่รับมาเลี้ยงนานหลายปี จากนี้หนูก็คงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มตั้งเค้ามืดมาแต่ไกลและเมฆดำก็โปรยเม็ดฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา หลังจากอัดอั้นมานานหลายวัน ฝาถังขยะที่คลุมศรีษะและเศษฝ้าผืนใหญ่เก่าๆที่ฉีกขาด พอกันฝนและสร้างความอบอุ่นให้ได้บ้าง
เสียงฟ้าร้องดังอยู่เป็นระยะ มีแสงแวบวาบและฟ้าผ่าตามมา ราวกับอารมณ์โกรธเกรียวของลุงและป้า ที่มักจะแสดงออกมาพร้อมกับการตบตีหนูอยู่บ่อยครั้ง สายฝนสาดกระทบรอยแผลเล็กๆที่แขน สร้างความเจ็บแสบให้กับเด็กน้อย มีรอยแดงยาวๆกับบาดแผลฉีกขาดเล็กๆหลายแผล เด็กหญิงได้แต่นั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงความอัปโชคของเธอ
ทำไมถึงไม่มีครอบครัวดีๆที่รักและเอาใจใส่เธอบ้าง เด็กหญิงนั่งร้องไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ลมและฝนก็โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ตัวเธอเปียกโชกและนั่งตัวสั่นอย่างคนไร้หนทาง จนเมื่อจู่ๆฝนก็หยุดกระทบใบหน้าของเธอครู่หนึ่ง พร้อมกับเงาของใครบางคนที่ทอดยาวผ่านพื้นเบื้องหน้าของเธอไป เด็กหญิงจึงเงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นคนๆหนึ่งยืนจ้องมองเธออยู่
เด็กผู้ชายคนหนึ่งตัวสูงสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำซึ่งมีฮูดคลุมศรีษะเอาไว้ เขายืนมองเนอิด้วยสายตาแปลกประหลาด ใบหน้าภายใต้ฮูดคลุมศรีษะที่หนูพอจะมองเห็นคือ สีหน้าเรียบเฉยแต่ท่าทางเข้มแข็ง เขายืนจ้องหนูอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ ก่อนที่จะเดินมาจับแขนของหนูและพูดขึ้นว่า ‘ถ้าไม่อยากหนาวตายก็ไปด้วยกัน’
น้ำเสียงเรียบๆไม่ได้ทำให้หนูคล้อยตามเขาซักเท่าไหร่ เพียงแต่มีใครสักคนอยู่ด้วยก็ดีกว่าไม่มีใครเลย หนูลังเลครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน มือทั้งสองกอดหน้าอกเอาไว้ด้วยความหนาว เขาก้าวเดินนำหน้าไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้หนูเดินตามเด็กผู้ชายซึ่งวัยคงไม่ต่างกันมากนัก หนูเดินตามเขาไปได้สักพัก เลี้ยวเลาะตามซอกตึกและบ้านผู้คนไปตามทางที่ไม่คุ้นเคย ในที่สุดก็พบที่พักพิงของเขาจนได้ มันคือตึกร้างเก่าๆสูงสามชั้น ซึ่งห่างจากละแวกที่ผู้คนพักอาศัยออกมา ตั้งอยู่ในเขตโรงงานเก่าๆของเมืองแห่งนี้
เมื่อเข้ามาด้านในเขาก็ตรงเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งหนูก็เดินตามเขาไปติดๆ เพราะกลัวความมืดและบรรยากาศของที่นี่ เด็กชายเดินตรงเข้าไปในห้องซึ่งไม่กว้างมากนัก มีสิ่งของระเกะระกะอยู่ไปทั่ว เขารื้อค้นหาของในเป้ใบหนึ่งและยื่นผ้าผืนเล็กเก่าๆมาให้กับหนู พลางบอกว่าให้ใช้เช็ดศรีษะซะ
หนูรับมันมาด้วยดีและทำความสะอาดร่างกายที่เปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ก่อนที่หนูจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรหลังจากนั้น ความเงียบเข้าปกคลุมและหนูยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย เขาถอดเสื้อคลุมตัวที่เปี้ยกออกมาตากไว้และเดินตรงไปนอนบนเตียงเก่าๆที่มุมห้อง เนื่องจากหนูยังไม่รู้ว่าจะเรียกเขายังไงดี จึงถือวิสาสะไปว่า
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ พี่ชาย”