สมุดบันทึกสีชมพูเล่มเก่าที่อยู่ใต้ลิ้นชักของผู้มีอำนาจคนหนึ่ง คงอยู่มานานหลายปี สีตุ่น ๆ และรอยคล้ำเป็นแนว ๆ บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านการเก็บมานาน วันนี้ถูกถ่ายทอดเปลี่ยนมือมายังลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง พร้อมกับคำแนะนำ บอกเล่า สั่งสอน เคี่ยวเข็นและสั่งการ
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หนึ่งปีกับอีก 4 เดือนกว่าๆ กับบริบทใหม่ของงาน เจ้าพนักงานธุรการที่เปลี่ยนงานมาเป็นนักทรัพยากรบุคคล รอยเปลี่ยนผ่านของการทำงาน ชีวิต ถูกเริ่มต้นที่เทศบาลเล็ก ๆ ที่ถูกรายล้อมด้วยภูเขาสูงแม่น้ำน่านเลาะรอบชายแดน ไหลเอื่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวของวิถีที่เงียบสงบภายใต้ชื่อ “บ้านแก่ง”
ตึกอาคารสำนักงานสูงใหญ่ บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ เด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นที่ที่ซึ่งเราจะไม่มีวันลืม ทุกย่างก้าวของการเดินทาง ทุกย่างก้าวของการเรียนรู้ ทุกย่างก้าวของการทำงาน ที่นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิต ที่เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ในฐานะของนักทรัพยากรบุคคล
เคยเขียนคำแนะนำตัวเองในเวปไซท์ ในฐานะ blogger แห่งการแบ่งปัน เรียนรู้ www.gotoknow.org ว่า “ร่ำเรียนมาทาง HR คะ ปราถนาอย่างยิ่งยวดที่จะใช้ความรู้ของตนเพื่อพัฒนาองค์กร ศาสตร์แห่งมนุษย์ ซับซ้อน น่าสงสัย น่าค้นหา และติดตาม วิเคราะห์ วิจัยศาสตร์แห่งมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่อยากจะทำที่สุด ถึงแม้จะรู้ว่า HR สายพันธุ์ดีไม่สามารถเติบโตได้ในวงราชการ..ก็ตาม.....” ถึงวันนี้จะมีบ้างที่จะรู้สึก ดีใจ เสียใจ โดดเดี่ยว หรือ รู้สึกอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราได้ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเข้าสู่สายวิชาการก็ถือว่าไม่แย่เสียทีเดียว ในความโดดเดี่ยวนั้นทำให้เราได้พบสัจจธรรมของมนุษย์ ความรัก โลภ โกรธ หลง การหลงใหลในอำนาจ หรือการที่เราต้องเดินเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดาน หมากในกระดานตัวเล็กๆในชื่อนักทรัพยากรบุคคลคนนี้หากเปรียบเป็นตัวละครตัวหนึ่งในหนังละครน้ำเน่า ก็คงจะเป็นแค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ที่ไม่ได้น่าสนใจเดินผ่านไปมาในฉากแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มี แต่ก็เป็นตัวประกอบฯที่จำเป็นในฉากและหากไม่มีตัวประกอบฯตัวนี้ละครก็จะไม่มีชีวิตและไม่มีความสมจริง
...สมุดบันทึกฯยังคงวางไว้บนโต๊ะ เจ้าของคนใหม่มักหยิบมันออกมาวางบนโต๊ะเสมอ แต่ไม่เคยคิดจะจรดปากกาถ่ายทอดสิ่งใด เจ้าของคนใหม่แค่อยากเก็บไว้มองเก็บไว้ชื่นชมระลึกถึงใครคนหนึ่ง คนที่คิดถึงแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ คนที่จับมือเราผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาตามรายทางของการทำงาน สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เผชิญสิ่งที่เรายิ้มด้วยความยินดีและจับมือเราผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดโดยไม่เคยทิ้งเราไว้กลางทาง
...จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของคน ๆนี้จะถูกเก็บไว้ไม่ใช่แค่ในสมองเท่านั้น แต่เขาจะถูกจารึกไว้ในหัวใจของเรา ตราบนานเท่านาน....
สมุดเล่มนั้น...
สมุดบันทึกสีชมพูเล่มเก่าที่อยู่ใต้ลิ้นชักของผู้มีอำนาจคนหนึ่ง คงอยู่มานานหลายปี สีตุ่น ๆ และรอยคล้ำเป็นแนว ๆ บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านการเก็บมานาน วันนี้ถูกถ่ายทอดเปลี่ยนมือมายังลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง พร้อมกับคำแนะนำ บอกเล่า สั่งสอน เคี่ยวเข็นและสั่งการ
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หนึ่งปีกับอีก 4 เดือนกว่าๆ กับบริบทใหม่ของงาน เจ้าพนักงานธุรการที่เปลี่ยนงานมาเป็นนักทรัพยากรบุคคล รอยเปลี่ยนผ่านของการทำงาน ชีวิต ถูกเริ่มต้นที่เทศบาลเล็ก ๆ ที่ถูกรายล้อมด้วยภูเขาสูงแม่น้ำน่านเลาะรอบชายแดน ไหลเอื่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวของวิถีที่เงียบสงบภายใต้ชื่อ “บ้านแก่ง”
ตึกอาคารสำนักงานสูงใหญ่ บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ เด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นที่ที่ซึ่งเราจะไม่มีวันลืม ทุกย่างก้าวของการเดินทาง ทุกย่างก้าวของการเรียนรู้ ทุกย่างก้าวของการทำงาน ที่นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิต ที่เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ในฐานะของนักทรัพยากรบุคคล
เคยเขียนคำแนะนำตัวเองในเวปไซท์ ในฐานะ blogger แห่งการแบ่งปัน เรียนรู้ www.gotoknow.org ว่า “ร่ำเรียนมาทาง HR คะ ปราถนาอย่างยิ่งยวดที่จะใช้ความรู้ของตนเพื่อพัฒนาองค์กร ศาสตร์แห่งมนุษย์ ซับซ้อน น่าสงสัย น่าค้นหา และติดตาม วิเคราะห์ วิจัยศาสตร์แห่งมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่อยากจะทำที่สุด ถึงแม้จะรู้ว่า HR สายพันธุ์ดีไม่สามารถเติบโตได้ในวงราชการ..ก็ตาม.....” ถึงวันนี้จะมีบ้างที่จะรู้สึก ดีใจ เสียใจ โดดเดี่ยว หรือ รู้สึกอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราได้ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเข้าสู่สายวิชาการก็ถือว่าไม่แย่เสียทีเดียว ในความโดดเดี่ยวนั้นทำให้เราได้พบสัจจธรรมของมนุษย์ ความรัก โลภ โกรธ หลง การหลงใหลในอำนาจ หรือการที่เราต้องเดินเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดาน หมากในกระดานตัวเล็กๆในชื่อนักทรัพยากรบุคคลคนนี้หากเปรียบเป็นตัวละครตัวหนึ่งในหนังละครน้ำเน่า ก็คงจะเป็นแค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ที่ไม่ได้น่าสนใจเดินผ่านไปมาในฉากแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มี แต่ก็เป็นตัวประกอบฯที่จำเป็นในฉากและหากไม่มีตัวประกอบฯตัวนี้ละครก็จะไม่มีชีวิตและไม่มีความสมจริง
...สมุดบันทึกฯยังคงวางไว้บนโต๊ะ เจ้าของคนใหม่มักหยิบมันออกมาวางบนโต๊ะเสมอ แต่ไม่เคยคิดจะจรดปากกาถ่ายทอดสิ่งใด เจ้าของคนใหม่แค่อยากเก็บไว้มองเก็บไว้ชื่นชมระลึกถึงใครคนหนึ่ง คนที่คิดถึงแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ คนที่จับมือเราผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาตามรายทางของการทำงาน สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เผชิญสิ่งที่เรายิ้มด้วยความยินดีและจับมือเราผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดโดยไม่เคยทิ้งเราไว้กลางทาง
...จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของคน ๆนี้จะถูกเก็บไว้ไม่ใช่แค่ในสมองเท่านั้น แต่เขาจะถูกจารึกไว้ในหัวใจของเรา ตราบนานเท่านาน....