[CR] กินเช้าจรดเย็น ณ โตเกียว...ลุยเดี่ยวกินคนเดียวที่ Sushi Saito, Sushi Ryuusuke, และซูชิจากเชฟหญิง Sushi Take

สวัสดีค่ะอมยิ้ม17

เพิ่งกลับจากโตเกียวอาทิตย์ที่แล้ว เลยขอเอาซูชิที่ได้ไปกินในครั้งนี้มาให้ชมกันค่ะ
ครั้งนี้ไปมา 3 ร้าน ขอเรียงลำดับการรีวิวตามนี้นะคะ

1. Sushi Saito เบอร์ 1 ในใจเรา และผู้ที่ชอบกินซูชิหลายๆคนค่ะ
2. Sushi Ryuusuke ร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานในย่าน Ginza
3. Sushi Take ร้านนี้เชฟหญิงเป็นเจ้าของร้านและปั้นซูชิเองค่ะ เราอยากลองมานานแล้ว
    อยากรู้ที่เค้าพูดกันว่าผู้หญิงปั้นซูชิไม่ได้อย่างนู้นอย่างนี้ มันจริงรึเปล่า เดี๋ยวจะรีวิวให้อ่านค่ะ

ทั้ง 3 ร้านนี้เรานั่งกินคนเดียวค่ะ เป็นไกจินหนึ่งเดียวซะด้วย ฮ่าฮ่า แต่ก็ไม่เขินนะคะ
เวลากินคนเดียวนี่ทำให้มีสมาธิตั้งใจเคี้ยวแบบค่อยๆซึมซับรสสัมผัสและรสชาติ
แล้วก็ได้สังเกต movement ของเชฟเวลาปั้นด้วย เป็นความเพลิดเพลินแบบเงียบๆของเราค่ะ
ถ้ามั่นใจว่าท้องอิ่มดีแล้วก็มาอ่านกันได้เลยค่ะ ส่วนใครยังไม่กินข้าวก็อ่านไปกินไปก็ได้นะคะ อิอิ
มาเริ่มกันเลยนะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. Sushi Saito (鮨さいとう)

ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆซักคำให้ลึกซึ้งสำหรับร้านซูชิไซโตะ นอกจาก " ชั้นก็รักของชั้นเข้าใจบ้างมั้ยยยย "
ครั้งนี้โชคดีที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นสามารถจองให้เราได้เป็นที่สุดท้ายของวันนั้นพอดี (จริงๆต้องเรียกว่ายัดเราเข้าไปมากกว่า)
เนื่องร้านนี้มี 8 ที่นั่งเท่านั้น คนก็จองกันล่วงหน้าหลายๆเดือน ร้านก็เต็มแน่นตลอดเวลา
แต่เชฟก็ใจดียอมจัดที่นั่งเบอร์ 9 ให้เราค่ะ และได้ที่นั่งตรงกลางตรงข้ามเชฟพอดีด้วย // ดีใจหนักมาก //
มื้อนี้คือ . . . อาหารปากก็ดีงาม อาหารตาก็อร่อยมากค่า อมยิ้ม13



สำหรับผู้ที่สนใจร้านนี้เอารายละเอียดคร่าวๆ มีตามนี้ค่ะ

เวลาทำการ : 12:00 - 14:00
                   17:00 - 23:00
วันหยุด      :  วันอาทิตย์
ราคา         :  10000 - 15000 เยน สำหรับมื้อกลางวัน
                   20000 - 30000 เยน สำหรับมื้อเย็น
เบอร์โทร   :   03-3589-4412
การจอง     :   ปัจจุบันน่าจะเรียกว่าเป็น Introduction-only ค่ะ เพราะลูกค้าประจำจะได้สิทธิ์จองก่อน
                   สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ ร้านจะเปิดรับ Booking ณ วันทำการแรกของเดือนก่อนหน้าวันที่จะจอง
                   เช่นอยากไปเดือน ธค. 2016 ร้านจะเปิดรับจองสำหรับลูกค้าทั่วไปวันที่ 1 พย. 2016 ค่ะ
                   แต่ที่นั่งก็มักจะโดนจองเต็มไปล่วงหน้าหลายเดือนโดยลูกค้าประจำไปซะก่อนแล้ว
More Info :  http://tabelog.com/en/tokyo/A1308/A130802/13015251/

ที่ตั้งของร้านค่ะ ใช้ Metro สายเขียวมิ้นท์-Namboku Line มาลงที่สถานี Roppongi Itchome จะใกล้ที่สุด
แต่ทริปนี้เราพักโรงแรมประจำที่ไม่ไกลจากแถว Roppongi เท่าไหร่ เลยเดินไปค่ะ


ขอเริ่มรีวิวอาหารเลยนะคะ ร้านนี้จะเสิร์ฟทั้ง Otsumami และ Nigiri ค่ะ
สำหรับเราครั้งนี้จะค่อนข้างแตกต่างจากมื้อก่อนๆมากหน่อย เนื่องจากเป็นซูชิหน้าร้อน
ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มาโตเกียวในหน้าร้อนค่ะ และชอบอาหารฤดูนี้มากทีเดียว

จานที่ 1 เชฟเสิร์ฟกุ้งขาว (Shiro Ebi) จากเมือง Toyama ค่ะ เมืองนี้เป็นแหล่งจับกุ้งขาวที่มีชื่อเสียง
กุ้งขาวที่ญี่ปุ่นไม่ได้เป็นกุ้งขาวเลี้ยงฟาร์มเหมือนที่ไทยนะคะ แต่เป็นกุ้งธรรมชาติในทะเล ขนาดตัวไม่ใหญ่ค่ะ
เปลือกกุ้งจะออกสีส้มอ่อนๆผสมขาวใส นิยมนำมากินแบบดิบๆหรือซาชิมินี่หล่ะ
สำหรับจานนี้เชฟหั่นเนื้อกุ้งแล้วแช่เย็นไว้ ตักใส่จานพร้อมทาซอส Nikiri (ซอสที่มีเบสเป็นโชยุ มักใช้ทาบนปลาเวลากินซูชิ)
รสสัมผัสกุ้งลื่น นุ่ม และมีความหนึบนิดๆ กินคู่กับวาซาบิขูดสด กุ้งรสหวาน กลิ่นสะอาด ไม่มีอะไรให้ติค่ะ



จานที่ 2 เป็น Fixed Menu ของที่ร้านเลยค่ะ หมึกยักษ์ (Tako) กับเป๋าฮื้อ (Awabi)



เริ่มจากหมึกยักษ์ก่อนนะคะ หมึกมาจากเมือง Kanagawa ที่อยู่ใกล้ๆโตเกียวเลยค่ะ
ต้มจนขอบนอกเป็นเจลลี่เลย รสหวานนิดๆ ข้างในหนึบและมีความแน่นของหนวดหมึกอยู่ด้วย
กินคู่กับวาซาบิ อร่อยค่ะ หมึกยักษ์ของร้านนี้กินแล้วไม่เคยไม่อร่อยนะ



และเป๋าฮื้อบ้างค่ะ เชฟมักจะเสิร์ฟเป๋าฮื้อจากเมือง Chiba เราไปกี่ครั้งก็บอกว่ามาจาก Chiba ตลอดเลย
และหน้าร้อนนี้เป็นฤดูของพวกหอยซะด้วย เรากินแล้วร้องหื้มมมมมม . . . (อยู่ในใจ)  มันดีม๊ากกกกกกก
รสดีแบบไม่จำเป็นต้องจิ้มเกลือที่ให้มาเลยค่ะ ครั้งนี้รสเป๋าฮื้ออร่อยกว่าเวลากินตอนหน้าหนาวเป็นไหนๆ umami ที่สุดแล้ว
มีทั้งความหวานจากเนื้อหอยและเค็มทิ้งท้ายแบบเบาๆ เป็นรสชาติที่ทำให้อยากกินต่อไปเรื่อยๆ
และคราวนี้เนื้อยังนุ่มกว่าครั้งก่อนๆด้วยค่ะ // กดเลิฟให้เลย //



จานที่3 ไข่หอยเม่น(Uni) ค่ะ เวลาไปร้านนี้เรามักจะได้กิน Bafun Uni เป็นประจำ
แต่ครั้งนี้เป็นฤดูร้อน เชฟเลยเลือก Aka Uni ของดีประจำฤดูร้อนมาเสิร์ฟให้ค่ะ
Uni ชนิดนี้ราคาแพงกว่าทั่วไปมาก และแหล่งที่มีชื่อเสียงคือทาง Kyushu ค่ะ
วันนี้เชฟเลือกเสิร์ฟทั้งของจาก Kagoshima (ชิ้นซ้าย) ซึ่งเป็นเมืองภูมิภาค Kyushu
และทางขวาเป็น Aka Uni ที่มาจากเกาะ Awaji ซึ่งเป็นเกาะใน Hyogo ค่ะ
บนตัว Uni เชฟก็จะทาซอส Nikiri มาบางๆเช่นกัน



เราเริ่มกินชิ้นซ้ายที่มาจาก Kagoshima ก่อนค่ะ รสจะหวานอร่อยแนวบาฝุน
แต่มีกลิ่นและรสทะเลที่นุ่มนวลกว่า ส่วนอีกชิ้นของ Awaji นี่ขอบอกว่าพีคม๊ากกกกกก
// ปรบมือรัวๆ // คือตอนกินชิ้นแรกว่าอร่อยแล้ว แต่ชิ้นนี้คือสั่นสะเทือนมากค่ะ
ความหวานนี่น่าจะหวานสุดเท่าที่เราเคยกิน Uni มาทั้งชีวิตแล้วหล่ะ เข้าปากแล้วละลาย
มีรสน้ำทะเลที่ดีสุดๆในทุกคำที่เอาเข้าปาก เหมือนยกทะเลรสอร่อยมาไว้ในปากเลยค่ะ
แต่ความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ เพราะเชฟเสิร์ฟมา 2 ชิ้นเองค่ะ // ปาดน้ำตา //
ในรูปนี่คือของ Awaji ค่ะ


หลังจากที่กินหมด เราก็มองเชฟตักชิ้นนี้เสิร์ฟคนข้างๆต่อ มองแรงด้วยเพราะอยากกินอีก
จนสบโอกาสเชฟหันมาเลยถามไปว่าขอกินอีกได้มั้ยค๊า?? เชฟก็จัดให้ค่ะ
เอากล่องมาวางให้ถ่ายรูปตรงหน้าเราด้วย จริงๆอยากกินทั้งกล่องเลยนะเนี่ย



และถ้วยนี้ก็มา land ตรงหน้าเราในที่สุด Aka Uni สุดอร่อยจาก Awaji // กรีดร้อง //
เรานั่งกินไป ส่วนคนญี่ปุ่นข้างๆก็กินแล้วอื้ม อื้ม อื้อฮือ กันใหญ่ หันมาพยักหน้าให้เรา เราก็ Oishii ใส่ซะเลย
(นี่โพสท์รูปเองก็หิวเองเหมือนกันนะเนี่ย)



จานที่ 4 หอย Tairagai (หอยจอบ) ย่างกินคู่กับสาหร่ายค่ะ หอยชนิดนี้ดูภายนอกหน้าตาเหมือนหอยแมลงภู่ไซส์ยักษ์
แต่พอแกะเนื้อด้านในออกมาจะหน้าตาเหมือนหอยเชลล์ไซส์จัมโบ้ค่ะ เนื้อหอยจอบจะแน่นกว่าหอยเชลล์
เชฟสไลซ์หอยให้เป็นชิ้นบางแล้วส่งให้ครัวด้านในย่างซะ เค้าย่างมาหอมดีมากๆ รสอร่อยแบบไม่ต้องโรยพริกป่นหรือทาซอสอะไรเลย
เวลาเคี้ยวเนื้อหอยจะทั้งเด้งแล้วก็นุ่ม มีน้ำจากตัวหอยที่รสหวานปนเค็มน้ำทะเลนิดๆ อุมามิม๊ากกกกกกก
สาหร่ายที่ห่อมาก็เสริมกลิ่นและรสให้เข้มข้นเข้าไปอีก จานนี้รักมากค่ะ



จานที่ 5 ปู Kegani หรือ Hairy Crab ค่ะ จานนี้เราเคยกินแล้วครั้งนึงเมื่อ Spring ของปีที่แล้ว
เนื้อปูในจานนี้จะมีทั้งส่วนฉีกฝอยผสมรวมกับส่วนก้ามที่ไม่ได้ฉีกละเอียดนัก
ความหวานของปูหน้าร้อนสำหรับเราสู้ตอน Spring ไม่ได้ค่ะ แต่การปรุงรสนี่ไม่หย่อน
เชฟใส่ Vinegar รองไว้ก้นถ้วย คลุกๆก่อนกิน ถือว่ากระตุ้นต่อมน้ำลายได้ดีเลย แต่ไม่เด่นเมื่อเทียบกับจานก่อนๆค่ะ



จานที่ 6 ซึ่งเป็นจานสุดท้ายสำหรับ Otsumami คือ ปลา Tachiuo ย่างเกลือค่ะ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่เราชอบที่สุดในมื้อนี้เลยค่ะ เคยกินจานนี้ตอนครั้งแรกที่ไปไซโตะก็ว่าอร่อยมากๆแล้ว
แต่มาคราวนี้เราว่าเนื้อปลาดีกว่าครั้งก่อนชัดมาก ย่างมากลิ่นหอมแบบอุ่นๆอวลๆ ชวนหิวสุดๆ
เนื้อปลาหนากว่าครั้งก่อน ไขมันปลาเยอะกว่าด้วยค่ะ



ดูใกล้ๆจะเห็นว่าปลาเนื้อใสเชียว ไขมันเยอะ นุ่ม นิ่ม เนียน
เอาเข้าปากแล้วใช้ลิ้นดันเนื้อปลานี่แตกกระจายเลยค่ะ กินแล้วอยากกรี๊ดดังๆเลยอ่ะ
จานนี้คนญี่ปุ่นข้างๆกินแล้วร้อง เอ๊...เสียงเหมือนมันอร่อยมากจนงงว่าทำได้ไง
ส่วนเราก็ . . . สงบนิ่งซึมซับความอร่อยเข้าไป ไม่อยากให้หมดเลยจานนี้ // กระซิกๆ //

ชื่อสินค้า:   ซูชิ อาหารญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่