ขอบคุณเนื้อหาจาก
ยิ้มเกษตรฟอรั่ม
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมู สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งจะเป็นการช่วยในเรื่องของการเลี้ยงหมูให้อยู่ดีกินดี และไม่สิ้นเปลืองแบบการเลี้ยงเดิมๆ โดยเฉพาะลดต้นทุนการเลี้ยงหมู ด้วยการเลี้ยงหมูหลุม ถือเป็นการเลี้ยงสุกรแนวทางธรรมชาติ ที่มาจากแนวทางของประเทศเกาหลี ต่อมา โดยมีอาจารย์โชคชัย สารากิจ จากศูนย์เรียนรู้การพัฒนายั่งยืนภาคเหนือ จ.เชียงราย เป็นผู้ริเริ่มนำหลักการเลี้ยงหมูหลุม หรือการเลี้ยงสุกรแนวทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทย และทำการดัดแปลงวิธีการเลี้ยงหมูบ้านเรา โดยให้มีการสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ประเทศไทย จนทำให้มีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในภาคเหนือ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู
การลดต้นทุนการเลี้ยงหมูด้วยวัสดุจากธรรมชาติ
นับเป็นทางเลือกของเกษตรกร อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู สำหรับผู้ที่มีความนิยมในการเลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ซึ่งการเลี้ยงสุกรขุนในแบบที่เลี้ยงกันทั่วไปนั้น ถือได้ว่ามีต้นทุนในการเลี้ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบ ,อาหารสัตว์ หรือยาปฏิชีวนะ ที่ต่างก็มีราคาแพง และยังส่งผลทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ประสบปัญหาในการขาดทุน และยังเป็นการเลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติ (หรือเลี้ยงแบบหมูหลุม) โดยเป็นการเน้นการใช้วัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาติและในท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งสามารถหาได้ง่าย และมีราคาถูก
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมูจากวัสดุเหลือใช้นำกลับมาให้เกิดประโยชน์
การลดต้นทุนการเลี้ยงหมู ด้วยการเลี้ยงแบบหมูหลุมนั้น สามารถนำวัสดุที่เหลือใช้ต่าง ๆ กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ช่วยในเรื่องของการลดต้นทุน สำหรับการเลี้ยงสุกรได้ในจำนวนที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเป็นการพึ่งพาอาศัยแบบเกื้อหนุนซึ่งกันและกันระหว่างพืชกับสัตว์ และเมื่อมีการปลูกพืชทำให้เกษตรกรสามารถหันมาใช้พืชหรือเศษพืชผักต่างๆ รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาทำเป็นอาหารหมักสำหรับเลี้ยงหมูหลุมได้ ส่วนพืชเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากหมูหลุมได้เช่นกัน
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมูช่วยรักษาสภาพแวดล้อม
การใช้วัสดุที่อยู่ในหลุม และจะถูกย่อยสลาย จากการหมักโดยจุลินทรีย์กลุ่มที่ให้ประโยชน์ และกลายเป็นปุ๋ยหมักอย่างดี สามารถนำไปใช้ปรับปรุงบำรุงดิน และเป็นอาหารของพืชได้ ซึ่งยังช่วยทำให้การผลิตทั้งพืชและสุกร ต่างก็มีต้นทุนการผลิตลดน้อยลง ส่วนการเลี้ยงหมูหลุมจะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นของมูลสุกร หรือน้ำเสียให้เห็น ซึ่งยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และปฏิชีวนะ โดยจะทำให้ได้เนื้อสุกรที่ปลอดภัยจากสารพิษ และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยังสามารถนำหมูหลุมไปปรับใช้กับการทำการเกษตรแบบผสมผสานได้
ประโยชน์ของการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู คือช่วยลดต้นทุนค่าอาหาร ,ลดภาระการเลี้ยงหมูของเกษตรกร เพราะไม่ต้องทำความสะอาดพื้นคอก ช่วยลดมลภาวะของเสียจากการเลี้ยงหมู ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่มีแมลงวัน ทำให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ และสามารถใช้วัสดุต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ นำมาจากท้องถิ่น หาง่าย ราคาถูกและไม่ก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ที่มา:
http://www.yimkaset.com/forum/index.php?topic=130965.0
รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยหลักการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงหมู
ขอบคุณเนื้อหาจาก ยิ้มเกษตรฟอรั่ม
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมู สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งจะเป็นการช่วยในเรื่องของการเลี้ยงหมูให้อยู่ดีกินดี และไม่สิ้นเปลืองแบบการเลี้ยงเดิมๆ โดยเฉพาะลดต้นทุนการเลี้ยงหมู ด้วยการเลี้ยงหมูหลุม ถือเป็นการเลี้ยงสุกรแนวทางธรรมชาติ ที่มาจากแนวทางของประเทศเกาหลี ต่อมา โดยมีอาจารย์โชคชัย สารากิจ จากศูนย์เรียนรู้การพัฒนายั่งยืนภาคเหนือ จ.เชียงราย เป็นผู้ริเริ่มนำหลักการเลี้ยงหมูหลุม หรือการเลี้ยงสุกรแนวทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทย และทำการดัดแปลงวิธีการเลี้ยงหมูบ้านเรา โดยให้มีการสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ประเทศไทย จนทำให้มีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในภาคเหนือ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู
การลดต้นทุนการเลี้ยงหมูด้วยวัสดุจากธรรมชาติ
นับเป็นทางเลือกของเกษตรกร อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู สำหรับผู้ที่มีความนิยมในการเลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ซึ่งการเลี้ยงสุกรขุนในแบบที่เลี้ยงกันทั่วไปนั้น ถือได้ว่ามีต้นทุนในการเลี้ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบ ,อาหารสัตว์ หรือยาปฏิชีวนะ ที่ต่างก็มีราคาแพง และยังส่งผลทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ประสบปัญหาในการขาดทุน และยังเป็นการเลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติ (หรือเลี้ยงแบบหมูหลุม) โดยเป็นการเน้นการใช้วัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาติและในท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งสามารถหาได้ง่าย และมีราคาถูก
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมูจากวัสดุเหลือใช้นำกลับมาให้เกิดประโยชน์
การลดต้นทุนการเลี้ยงหมู ด้วยการเลี้ยงแบบหมูหลุมนั้น สามารถนำวัสดุที่เหลือใช้ต่าง ๆ กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ช่วยในเรื่องของการลดต้นทุน สำหรับการเลี้ยงสุกรได้ในจำนวนที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเป็นการพึ่งพาอาศัยแบบเกื้อหนุนซึ่งกันและกันระหว่างพืชกับสัตว์ และเมื่อมีการปลูกพืชทำให้เกษตรกรสามารถหันมาใช้พืชหรือเศษพืชผักต่างๆ รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาทำเป็นอาหารหมักสำหรับเลี้ยงหมูหลุมได้ ส่วนพืชเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากหมูหลุมได้เช่นกัน
ลดต้นทุนการเลี้ยงหมูช่วยรักษาสภาพแวดล้อม
การใช้วัสดุที่อยู่ในหลุม และจะถูกย่อยสลาย จากการหมักโดยจุลินทรีย์กลุ่มที่ให้ประโยชน์ และกลายเป็นปุ๋ยหมักอย่างดี สามารถนำไปใช้ปรับปรุงบำรุงดิน และเป็นอาหารของพืชได้ ซึ่งยังช่วยทำให้การผลิตทั้งพืชและสุกร ต่างก็มีต้นทุนการผลิตลดน้อยลง ส่วนการเลี้ยงหมูหลุมจะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นของมูลสุกร หรือน้ำเสียให้เห็น ซึ่งยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และปฏิชีวนะ โดยจะทำให้ได้เนื้อสุกรที่ปลอดภัยจากสารพิษ และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยังสามารถนำหมูหลุมไปปรับใช้กับการทำการเกษตรแบบผสมผสานได้
ประโยชน์ของการลดต้นทุนการเลี้ยงหมู คือช่วยลดต้นทุนค่าอาหาร ,ลดภาระการเลี้ยงหมูของเกษตรกร เพราะไม่ต้องทำความสะอาดพื้นคอก ช่วยลดมลภาวะของเสียจากการเลี้ยงหมู ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่มีแมลงวัน ทำให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ และสามารถใช้วัสดุต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ นำมาจากท้องถิ่น หาง่าย ราคาถูกและไม่ก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ที่มา: http://www.yimkaset.com/forum/index.php?topic=130965.0