วันนึงขณะขับรถมาทำงาน เปิดฟังเพลง 105.5 Eazy FM. หูก็พลันไปได้ยินกิจกรรม Star Chefs Vacation Cooking
แค่ครีเอทเมนูอาหารจากสตาร์เชฟ แล้วถ่ายรูปโพสต์ลง IG ก็มีสิทธิ์ลุ้นไปญี่ปุ่นฟรีๆ ที่สำคัญไปเจอกับเชฟยาสุจิ โมริซึมิ
ราชาเชฟราเมนจากทีวีแชมป์เปี้ยน เหย!!! ดีงาม ว่าแล้วก่อนกลับแวะซื้อสตาร์เชฟ 5 กล่อง จะครีเอทเมนูให้มันส์ไปเลย
ปล.ภาพกล่องที่โชว์ได้มาจากวันที่ไปสัมภาษณ์ค่ะ

เริ่มเมนูแรก...ข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอด ปรุงอย่างดี ถ่ายเสร็จกิน อร่อยดีแฮะ มีเนื้อไก่ มีแครอท มีมันฝรั่ง แต่เราประดิษฐ์ประดอยไปหน่อย
จริงๆ แล้วเค้าเทใส่ถ้วยเข้าเวฟก็ได้กินแล้ว กินเสร็จแอบเข้าไปส่องดูเมนูคนอื่น เห็นทีมงานเริ่มติดต่อกลับ
แต่รอแล้วรอเล่าทำไมของไม่มีใครติดต่อกลับมา
สงสัยจะไม่เตะตา ไม่ได้การแล้ว อีกสัปดาห์หนึ่งจะหมดเขต งัดอีกเมนูหนึ่งออกมา
เริ่มเมนูที่ 2 ข้าวหน้าสเต็กไก่แฮมเบิร์ก อันนี้ง่ายกว่าอีก หุงข้าว เทแฮมเบิร์ก เข้าเวฟ ออกมาวางไข่ใส่ผัก
ทำเก๋ไก๋ตัดป้ายสตาร์เชฟข้างกล่อง ปักลงเลย ผ่านไป 2 วัน ผ่านไป 3 วัน
มาแล้วค่ะทีมงานติดต่อมาแล้วว่าผ่านรอบแรก นัดไปสัมภาษณ์ด้วย เอาอีกแล้ว มีสัมภาษณ์
จากวันนั้น 1 สัปดาห์ 2 ชม.ก่อนนอน ทำการบ้านเกี่ยวกับญี่ปุ่น และเชฟให้มากที่สุด

ก่อนวันสัมภาษณ์ตื่นเต้นมาก คือ ญี่ปุ่นไม่เท่าไร ใจอ่ะอยากไปเจอเชฟ
ตอนเย็นไปถอยชุดใหม่มาเลย ใส่แล้วต้องดูภูมิฐาน เซ็ทผมเสร็จสรรพ
มาถึงที่นัดสัมภาษณ์ก่อนเวลา 2 ชม. แหมะไม่ตื่นเต้นเลย
มองซ้ายมองขวามีแต่คนหน้าตาเฉียบขาด สายตามุ่งมั่น นี่คือการแข่งขันสินะ
ก่อนสัมภาษณ์มีทำแบบสอบถามนิดหน่อย แต่ก็ใช้ไอเดียพอสมควร เอาวะมีอะไรใส่ไปให้หมด
คำถามก็ทั่วๆ ไป เคยไปญี่ปุ่นมั้ย กินเนื้อมั้ย กินได้ทุกอย่างมั้ย นอนกับคนอื่นได้มั้ย ใครจะตอบว่าไม่ได้ล่ะ
ในแบบสอบถามมีให้คิดเมนูที่ทำจากสตาร์เชฟ เราก็ลนลาน แทนที่จะเลือกเมนูที่ส่ง ดันไปทำเมนูใหม่
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่ชีส บอกวิธีเรียบร้อย มาจนมุมข้อสุดท้าย ทำไมเราถึงต้องเลือกคุณ
ทำแบบทดสอบจบ ถึงเวลาสัมภาษณ์ ตื่นเต้นหนักกว่าเดิม แต่พยายามดึงสติ การสัมภาษณ์ก็สนุกสนาน
ทีมงานทำงานดีมาก เข้าไปดูใน IG เพื่อดูความสนใจของเราว่าชอบทำอาหารจริงหรือป่าว
ประมาณ 10 นาที ก็ถูกปล่อยตัว พร้อมกับคำพูดที่บอกว่ารอประกาศผลนะครับ
1 สัปดาห์ที่รอคอย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่น้ำหนักคงเดิม จนวันประกาศผล
เราเป็นผู้โชคดีลำดับที่ 5 ดีใจแต่แอบกรี๊ดเบาๆ จากนั้นทีมงานก็แจ้งโปรแกรมทัวร์มา
เราเดินทางกับ Quality Tour แจ้งอากาศที่ญี่ปุ่น พร้อมกับรายการหักภาษี
เห็นโปรแกรมทัวร์แล้ว แทบจะเป็นลม หรูหรา ปาทังก้า ลำพังมนุษย์เงินเดือนแบบเราคงต้องแบ็คแพ็คอย่างเดียว
ปล.รางวัลละ 1 ที่นั่ง มูลค่า 110,000 บาท (แต่เรารับผิดชอบค่าภาษีเองนะคะ)
ใกล้ถึงวันเดินทาง ความตื่นเต้นเริ่มน้อยลง เริ่มนอยด์ไปคนเดียวจะสนุกมั้ย นอนกับใคร
คิดไม่ตก แล้วก็มาจัดกระเป๋าเอาคืนวันสุดท้ายก่อนบิน
ตัดภาพไปยังสนามบินเลยนะคะ ทีมงานนัด 3 ทุ่ม อินี่ไม่ตื่นเต้นจ้ะ มาตั้งแต่ทุ่มครึ่ง
รีบไปแลกเงินที่ Value Plus เดี๋ยวนี้สบายไลน์จองเงินไว้ แล้วไปรับที่สนามบิน
จากนั้นก็จัดการเรื่อง wifi ใช้ของซามูไร จองไว้เหมือนกัน เค้าแนะนำวันละ 250 บาท
เพราะมีไปทาคายาม่า กลัวสัญญาณแกว่ง เบ็ดเสร็จ 1,250 บาท
ใช้บัตร King Power ลด 20% เหลือ 1,000 บาทถ้วน
ร่ำลากับคนรักเรียบร้อย ก็เดินเหงาๆ ไปเคาน์เตอร์เช็คอิน เราบินเจแปน แอร์ไลน์
เสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งคอยอยู่ King Power Lounge จนถึงเวลา 4 ทุ่มครึ่ง ขอบอกว่า Gate ไกลมาก เดินจนขาลากเลย
กัปตันพาเราทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เวลา 00.05 นาที จากนั้นแอร์ก็นำขนมมาให้
ตามมาด้วยอาหารเป็นพิซซ่า แหมะจะเป็นอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารไทยหน่อยก็ไม่ได้
กินอิ่มพักสายตา ยังไม่ทันไรเอาขนมมาเสิร์ฟอีกแล้ว นี่ล่ะนะปกติบินแบบ Low Cost
หลับสบายจนถึงจุดหมายปลายทาง บินแบบ Full Service หลับๆ ตื่นๆ สรุปดีหรือไม่ดี
ปล. บนเครื่องใช้ไอโฟนถ่ายนะคะ ภาพอาจไม่ค่อยชัด

ถึงญี่ปุ่นแล้วจ้า คณะเรามากัน 11 คน เป็นผู้โชคดี 8 คน ทีมงาน 3 คน
โดยมีไกด์ปิ่นรอรับเราที่สนามบินนาโงย่า อากาศกำลังเย็นสบาย 18 องศา ท้องฟ้ามืดครึ้ม คาดว่าฝนคงจะตกอีกไม่ช้า
ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วรอด ก็ถึงเวลาเดินทาง เรามุ่งหน้าไปเมืองทาคายาม่า
โดยรถบัสที่นั่งสบายมาก บรรยากาศ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ยังมองให้เห็นอยู่
มีแวะพักระหว่างทางเป็นระยะๆ อากาศตอนนี้ยิ่งสูงยิ่งหนาว ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
มื้อแรกที่เราได้ลิ้มลองเป็นเมนูเนื้อล้วนๆ ที่ร้าน Hida gyu maruaki เมืองทาคายาม่า
สวรรค์ของคนรักเนื้อ ด้านหน้าร้านเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขายเนื้อชั้นดี
สำหรับซื้อกลับปรุงอาหารเอง เดินเข้ามาเราก็จะเจอป้ายรับรองว่าเนื้อร้านนี้มีคุณภาพ
จะเห็นว่าฮิดะเป็นเนื้อที่ได้จากวัวขนดำเลี้ยงตามที่ราบสูงฮิดะค่ะ
ด้านในเป็นโซนร้านอาหาร ไกด์ปิ่นจัดห้องสไตล์ญี่ปุ่นไว้ให้ค่ะ
เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้แน่นอนเป็นฮิดะยากินิคุ ซึ่งมาหลายรูปแบบมาก
เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักสด และข้าวญี่ปุ่น ครั้งแรกกับเนื้อฮิดะ ที่มีมันแทรกอยู่ทั่วชิ้นเนื้อ
เนียนนุ่มละลายในปาก แต่ต้องย่างแบบมีเดียมแรร์นะคะ จะได้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากกว่า
การเดินทางในวันนี้ค่อนข้างมีอุปสรรคเพราะฝนตกตลอดทั้งวัน โชคดีเราพกเสื้อกันฝนติดตัวตลอดเวลา
แต่ภาพที่ออกมาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร จุดหมายต่อไปคือหมู่บ้านลิตเติ้ลเกียวโต หรือเมืองเก่าซันมาชิซูจิ
ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่สมัยเอโดะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่น่ารักมาก ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีน้ำตาล สีดำ
เกือบทุกหลังปลูกดอกไม้สีสันสดใส ตอนนี้ก็จะมีบางบ้านเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายสาเก ซึ่งของฝากยอดฮิตเป็นซารุโบโบ ตุ๊กตา ไม่มีหน้าตาแบบนี้ค่ะ
จากจุดนี้เราเดินข้ามสะพานสีแดงไปยังทาคายามาจินยะ หรืออดีตจวนผู้ว่าเมืองทาคายามา
ภายในจวนก็จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ มากมาย เราเพิ่งรู้ว่าการแบ่งห้องใช้เสื่อแบ่ง
เราก็จะรู้ความกว้างจากจำนวนของเสื่อ เห็นข้างนอกเล็กๆ แต่ข้างในแบ่งเป็น
ห้องทำงานข้าราชการชั้นสูง ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องที่ดีสุดแบบเห็นวิวสวนญี่ปุ่น
ก็คือห้องท่านผู้ว่านั่นเองค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. ก็เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวากะ
ปล.รูปเยอะมากนะคะ ยังมีต่อในคอมเมนท์ด้านล่างอีกค่ะ แหะๆ
[SR] เล่าประสบการณ์ดีๆ เมื่อฉันโชคดี...ได้เป็นผู้โชคดี ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับ Star Chefs ฟรีๆ 5 วัน
แค่ครีเอทเมนูอาหารจากสตาร์เชฟ แล้วถ่ายรูปโพสต์ลง IG ก็มีสิทธิ์ลุ้นไปญี่ปุ่นฟรีๆ ที่สำคัญไปเจอกับเชฟยาสุจิ โมริซึมิ
ราชาเชฟราเมนจากทีวีแชมป์เปี้ยน เหย!!! ดีงาม ว่าแล้วก่อนกลับแวะซื้อสตาร์เชฟ 5 กล่อง จะครีเอทเมนูให้มันส์ไปเลย
ปล.ภาพกล่องที่โชว์ได้มาจากวันที่ไปสัมภาษณ์ค่ะ
จริงๆ แล้วเค้าเทใส่ถ้วยเข้าเวฟก็ได้กินแล้ว กินเสร็จแอบเข้าไปส่องดูเมนูคนอื่น เห็นทีมงานเริ่มติดต่อกลับ
แต่รอแล้วรอเล่าทำไมของไม่มีใครติดต่อกลับมา
สงสัยจะไม่เตะตา ไม่ได้การแล้ว อีกสัปดาห์หนึ่งจะหมดเขต งัดอีกเมนูหนึ่งออกมา
เริ่มเมนูที่ 2 ข้าวหน้าสเต็กไก่แฮมเบิร์ก อันนี้ง่ายกว่าอีก หุงข้าว เทแฮมเบิร์ก เข้าเวฟ ออกมาวางไข่ใส่ผัก
ทำเก๋ไก๋ตัดป้ายสตาร์เชฟข้างกล่อง ปักลงเลย ผ่านไป 2 วัน ผ่านไป 3 วัน
มาแล้วค่ะทีมงานติดต่อมาแล้วว่าผ่านรอบแรก นัดไปสัมภาษณ์ด้วย เอาอีกแล้ว มีสัมภาษณ์
จากวันนั้น 1 สัปดาห์ 2 ชม.ก่อนนอน ทำการบ้านเกี่ยวกับญี่ปุ่น และเชฟให้มากที่สุด
ตอนเย็นไปถอยชุดใหม่มาเลย ใส่แล้วต้องดูภูมิฐาน เซ็ทผมเสร็จสรรพ
มาถึงที่นัดสัมภาษณ์ก่อนเวลา 2 ชม. แหมะไม่ตื่นเต้นเลย
มองซ้ายมองขวามีแต่คนหน้าตาเฉียบขาด สายตามุ่งมั่น นี่คือการแข่งขันสินะ
ก่อนสัมภาษณ์มีทำแบบสอบถามนิดหน่อย แต่ก็ใช้ไอเดียพอสมควร เอาวะมีอะไรใส่ไปให้หมด
คำถามก็ทั่วๆ ไป เคยไปญี่ปุ่นมั้ย กินเนื้อมั้ย กินได้ทุกอย่างมั้ย นอนกับคนอื่นได้มั้ย ใครจะตอบว่าไม่ได้ล่ะ
ในแบบสอบถามมีให้คิดเมนูที่ทำจากสตาร์เชฟ เราก็ลนลาน แทนที่จะเลือกเมนูที่ส่ง ดันไปทำเมนูใหม่
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่ชีส บอกวิธีเรียบร้อย มาจนมุมข้อสุดท้าย ทำไมเราถึงต้องเลือกคุณ
ทำแบบทดสอบจบ ถึงเวลาสัมภาษณ์ ตื่นเต้นหนักกว่าเดิม แต่พยายามดึงสติ การสัมภาษณ์ก็สนุกสนาน
ทีมงานทำงานดีมาก เข้าไปดูใน IG เพื่อดูความสนใจของเราว่าชอบทำอาหารจริงหรือป่าว
ประมาณ 10 นาที ก็ถูกปล่อยตัว พร้อมกับคำพูดที่บอกว่ารอประกาศผลนะครับ
1 สัปดาห์ที่รอคอย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่น้ำหนักคงเดิม จนวันประกาศผล
เราเป็นผู้โชคดีลำดับที่ 5 ดีใจแต่แอบกรี๊ดเบาๆ จากนั้นทีมงานก็แจ้งโปรแกรมทัวร์มา
เราเดินทางกับ Quality Tour แจ้งอากาศที่ญี่ปุ่น พร้อมกับรายการหักภาษี
เห็นโปรแกรมทัวร์แล้ว แทบจะเป็นลม หรูหรา ปาทังก้า ลำพังมนุษย์เงินเดือนแบบเราคงต้องแบ็คแพ็คอย่างเดียว
ปล.รางวัลละ 1 ที่นั่ง มูลค่า 110,000 บาท (แต่เรารับผิดชอบค่าภาษีเองนะคะ)
ใกล้ถึงวันเดินทาง ความตื่นเต้นเริ่มน้อยลง เริ่มนอยด์ไปคนเดียวจะสนุกมั้ย นอนกับใคร
คิดไม่ตก แล้วก็มาจัดกระเป๋าเอาคืนวันสุดท้ายก่อนบิน
ตัดภาพไปยังสนามบินเลยนะคะ ทีมงานนัด 3 ทุ่ม อินี่ไม่ตื่นเต้นจ้ะ มาตั้งแต่ทุ่มครึ่ง
รีบไปแลกเงินที่ Value Plus เดี๋ยวนี้สบายไลน์จองเงินไว้ แล้วไปรับที่สนามบิน
จากนั้นก็จัดการเรื่อง wifi ใช้ของซามูไร จองไว้เหมือนกัน เค้าแนะนำวันละ 250 บาท
เพราะมีไปทาคายาม่า กลัวสัญญาณแกว่ง เบ็ดเสร็จ 1,250 บาท
ใช้บัตร King Power ลด 20% เหลือ 1,000 บาทถ้วน
ร่ำลากับคนรักเรียบร้อย ก็เดินเหงาๆ ไปเคาน์เตอร์เช็คอิน เราบินเจแปน แอร์ไลน์
เสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งคอยอยู่ King Power Lounge จนถึงเวลา 4 ทุ่มครึ่ง ขอบอกว่า Gate ไกลมาก เดินจนขาลากเลย
กัปตันพาเราทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เวลา 00.05 นาที จากนั้นแอร์ก็นำขนมมาให้
ตามมาด้วยอาหารเป็นพิซซ่า แหมะจะเป็นอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารไทยหน่อยก็ไม่ได้
กินอิ่มพักสายตา ยังไม่ทันไรเอาขนมมาเสิร์ฟอีกแล้ว นี่ล่ะนะปกติบินแบบ Low Cost
หลับสบายจนถึงจุดหมายปลายทาง บินแบบ Full Service หลับๆ ตื่นๆ สรุปดีหรือไม่ดี
ปล. บนเครื่องใช้ไอโฟนถ่ายนะคะ ภาพอาจไม่ค่อยชัด
โดยมีไกด์ปิ่นรอรับเราที่สนามบินนาโงย่า อากาศกำลังเย็นสบาย 18 องศา ท้องฟ้ามืดครึ้ม คาดว่าฝนคงจะตกอีกไม่ช้า
ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วรอด ก็ถึงเวลาเดินทาง เรามุ่งหน้าไปเมืองทาคายาม่า
โดยรถบัสที่นั่งสบายมาก บรรยากาศ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ยังมองให้เห็นอยู่
มีแวะพักระหว่างทางเป็นระยะๆ อากาศตอนนี้ยิ่งสูงยิ่งหนาว ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
สวรรค์ของคนรักเนื้อ ด้านหน้าร้านเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขายเนื้อชั้นดี
สำหรับซื้อกลับปรุงอาหารเอง เดินเข้ามาเราก็จะเจอป้ายรับรองว่าเนื้อร้านนี้มีคุณภาพ
จะเห็นว่าฮิดะเป็นเนื้อที่ได้จากวัวขนดำเลี้ยงตามที่ราบสูงฮิดะค่ะ
เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้แน่นอนเป็นฮิดะยากินิคุ ซึ่งมาหลายรูปแบบมาก
เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักสด และข้าวญี่ปุ่น ครั้งแรกกับเนื้อฮิดะ ที่มีมันแทรกอยู่ทั่วชิ้นเนื้อ
เนียนนุ่มละลายในปาก แต่ต้องย่างแบบมีเดียมแรร์นะคะ จะได้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากกว่า
แต่ภาพที่ออกมาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร จุดหมายต่อไปคือหมู่บ้านลิตเติ้ลเกียวโต หรือเมืองเก่าซันมาชิซูจิ
ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่สมัยเอโดะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่น่ารักมาก ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีน้ำตาล สีดำ
เกือบทุกหลังปลูกดอกไม้สีสันสดใส ตอนนี้ก็จะมีบางบ้านเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายสาเก ซึ่งของฝากยอดฮิตเป็นซารุโบโบ ตุ๊กตา ไม่มีหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ภายในจวนก็จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ มากมาย เราเพิ่งรู้ว่าการแบ่งห้องใช้เสื่อแบ่ง
เราก็จะรู้ความกว้างจากจำนวนของเสื่อ เห็นข้างนอกเล็กๆ แต่ข้างในแบ่งเป็น
ห้องทำงานข้าราชการชั้นสูง ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องที่ดีสุดแบบเห็นวิวสวนญี่ปุ่น
ก็คือห้องท่านผู้ว่านั่นเองค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. ก็เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวากะ