*อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ*
ขออธิบายตัวเองหน่อยว่า ปกติเป็นผมไม่เชื่อในเรื่องศาสนา (จะเรียกเป็นคนไร้ศาสนาก็ได้ครับ) ด้วยความที่เรียนหนักมาทางวิทย์ศาสตร์ จึงทำให้พื้นฐานความคิดเรานั้นตั้งอยู่บนหลักเหตุผล ใครมาบอกว่าทำบุญแบบนี้แล้วชาติหน้าจะได้เกิดมาแบบนี้เหมือนโฆษณาชวนเชื่อของวัดชื่อดังที่ปรากฏเป็นข่าว เราจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด
เข้าเรื่องกันครับ
ครอบครัวเราเป็นคนจีนอาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ตอนเด็กเราอาศัยอยู่บ้านของอาม่า (แม่ของพ่อ) อยู่กับพี่น้องกันหมดทุกคน จนถึงวันที่ครอบครัวของพ่อกับอาแปะ (พี่ชายพ่อ ซึ่งตอนนั้นเสียแล้ว) แยกตัวออกมาจากครอบครัวใหญ่ เหตุผลหลายอย่างทั้งผลประโยชน์ ความกดดันความเครียดจากระบบกงสี (พ่อเราทำงานหนักสุดในบรรดาพี่น้อง แต่ผลประโยชน์ที่แบ่งกันพ่อเรากลับเสียเปรียบ) เราจำความรู้ได้ดีว่าวันที่ต้องจากบ้านที่ตัวเองอยู่มาประจำตั้งแต่เด็กแล้วย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เป็นบ้านปูนสามชั้นพร้อมกับพื้นที่พงหญ้าทุกตาราง
เมื่อก่อนบ้านที่สร้างกับพื้นที่พ่อไปซื้อแถวนนทบุรี (เมื่อสิบกว่าปีก่อน) พ่อเราไปกู้เงินธนาคารมาเพื่อทำธุรกิจ เป็นหนี้ติดตัว 10 ล้าน ซึ่งเงินตรงนี้พ่อเราต้องเอามาหมุนเวียนธุรกิจและใช้เลี้ยงครอบครัวของพ่อและครอบครัวอาแปะ
แล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนที่อาอึ้ม (เมียอาแปะ) มาคุยกับคุณพ่อว่าจะขอแยกครอบครัวตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ (ไม่อยากเป็นหนี้ธนาคารร่วมกัน) ซึ่งพ่อเราจราจาว่าจะยกบ้านหลังนี้พร้อมกับพื้นที่ 1 ไร่ให้ (ถ้าตอนนั้นอาอึ้มเอาข้อตกลงนี้ ครอบครัวเราจะเดือดร้อนหนักเพราะครอบครัวเรากลายเป็น 'ผู้อยู่อาศัย' ของครอบครัวพวกเขา) แต่อาอึ้มปฏิเสธที่จะเอาข้อเสนอนี้ แล้วไม่กี่วันก็ทยอยขนข้าวของทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นของตัวเองย้ายออกจากบ้านไป ทิ้งครอบครัวเรา 5 คน ให้เผชิญหน้ากับหนี้สิบล้าน บ้านหลังใหม่ และพื้นที่ 4 ไร่
เราจำภาพเหตุการณ์ไม่เคยลืมว่า คุณพ่อแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ในห้องพระในบ้าน ซึ่งตอนนั้นทำเอาทุกคนตั้งตัวไม่ติดกัน ซึ่งภาระตอนที่ต้องสร้างอะไรใหม่ด้วยตัวเองทั้งหมดมันเป็นความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก อยากตายก็ตายไม่ได้ 'ครอบครัว' ยังอยู่
เวลาที่เกิดปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ คุณแม่เราจะไปปรึกษาคุณป้าซึ่งท่านเป็นหมอดู (ไม่ขอโฆษณา แต่ท่านดูแม่นมากราวกับมีตาทิตย์) ท่านเอาดวงวันเกิดพ่อไปทำนายชะตาชีวิต ซึ่งได้ผลทำนายว่าชีวิตพ่อเราต้องเจอความยากลำบากในการตั้งตัว แต่ชีวิตจะพบเจอความสุขสบายในช่วงใกล้เกษียณ แล้วพ่อเราท่านมีบุญบารมีสมพงษ์กับเจ้าที่เจ้าทางในบ้านที่ท่านอยู่อาศัย ถ้ามีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ ท่านเจ้าบ้านเจ้าเรือนจะออกมาช่วยแก้ปัญหาให้คุณพ่อเรา ซึ่งมีหลายเหตุการณ์ที่ครอบครัวเรา 'รู้สึก' ได้ว่าท่านมาช่วยเหลือครอบครัวเรา (ไม่ขอใส่รายละเอียดครับ เดี๋ยวออกนอกประเด็น)
จนถึงวันนี้แล้วชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน จนเราเรียนจบเป็นคนสุดท้ายทำให้ภาระส่งเสียเลี้ยงดูหมดลง ทุกวันนี้ธุรกิจที่บ้านเรามีครอบครัวของอาอึ้มมาช่วยทำงาน (พ่อเราให้มาทำงานด้วยกัน หลังจากที่ย้ายแล้วพี่ชายเราเจอปัญหาที่ทำงานโดนไล่ออกมา) แล้วเหตุการณ์ที่เราคิดว่า 'เวรกรรม' มันมีจริง
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวาน เรากลับจากงานข้างนอกมาตอนบ่าย ๆ เดินเข้ามาในออฟฟิศแล้วเห็น 'เด็ก' สองคนชายหญิงอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 11-12 ขวบ ตอนแรกเราไม่ได้เอะใจคิดว่าเป็นลูกคนงานเข้ามาเล่นกัน จนเข้าไปส่งงานที่ห้องทำงานคุณพ่อ โดยในห้องครอบครัวเราอยู่กันครบทุกคน แต่เราสังเกตได้ว่าอาการทุกคนมันแปลกจึงถามคุณแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น? จนเราทราบความจริงว่าเด็กที่เข้ามาเล่นในออฟฟิศที่เห็นเมื่อกี๊เป็น 'หลาน' ของผมที่เกิดจากแม่ที่เป็น 'ภรรยาน้อย' ของพี่ชายคนโต (ครอบครัวอาอึ้ม)
มันตลกครับที่วันหนึ่งเราจะได้เจอหลานที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเป็นสิบปี แล้วความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นมามันหลากหลายอารมณ์ผสมกัน 'เกลียด' 'สะใจ' 'สมน้ำหน้า' ผมนั่งนึกย้อนความจำในอดีตตอนเด็ก ภาพที่ครอบครัวพวกเขาทอดทิ้งคุณพ่อไปอย่างไม่ใยดี แล้ววันนี้ความรู้สึกของทั้งสองครอบครัวมันสลับกัน
ก่อนที่เด็กสองคนนี้จะกลับพวกเขาเดินมาไหว้เรา เรียกผมว่า 'อาเจ๊ก (น้องชายพ่อ)' แต่เราแสดงออกถึงความเย็นชาสุดหัวใจ ไม่อยากรับว่าเด็กสองคนนี้เป็นหลาน เพราะเกิดจากเมียน้อย (ใครเป็นครอบครัวคนจีน จะเข้าใจความรู้สึกของเราในตอนนี้ได้ดีว่ามันรู้สึกยังไง) มันอาจดูเหมือนละครน้ำเน่าที่เคยดูผ่านมา แต่นี่กลับเกิดขึ้นกับเราแล้ว
เราเอาความรู้สึกเหล่านี้ไประบายให้คุณแม่ คุณป้า ฟัง แต่พวกท่านสอนให้เรายับยั้งสติไว้ ถึงแม้ว่าเราไม่อยากรับเด็กสองคนนี้เป็น 'หลาน' แต่ขอให้เห็นพวกเขาเป็น 'เพื่อนร่วมโลก'
เหตุการณ์เรื่องนี้ มันมาจากที่เมียน้อยของพี่ชายเราหนีไปอยู่กับสามีคนใหม่ แล้วทอดทิ้งลูกไว้ให้พี่ชายเราสามคน (อีกคนหนึ่งยังเป็นทารก อาศัยอยู่กับย่า) แต่ความร้ายกาจไม่ใช่แค่การทิ้งลูกเพียงอย่างเดียว แต่กลับขนข้าวของในบ้านตัวเองที่อาศัยอยู่พี่ชายไปหมด ยกเว้นพวกของหนัก ๆ อย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซึ่งของที่ได้ไปมีมูลค่าประมาณครึ่งล้านได้ แต่ของสำคัญพี่ชายที่โดนเอาไปด้วยคือ สร้อยคอทองคำของพ่อตัวเอง (อาแปะ)
ตอนอยู่ในออฟฟิศทำงาน ผมเห็นครอบครัวของพวกเขานั่งประชุมกัน แต่สีหน้าแววตาบอกได้เลยว่า 'เครียด' อยากเห็นได้ชัด
อ่านถึงตรงนี้แล้ว เราไม่ขอให้ผู้อ่านตัดสินถูกผิดเรื่องนี้ว่าครอบครัวอาอึ้มนั้นเลวร้ายหรือครอบครัวเราประเสริฐศรีจากที่เล่ามา แต่ขอให้เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สอนให้คนอย่าทำผิดเหมือนกับที่ครอบครัวของพวกเราทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการมี 'ภรรยาน้อย' เราเห็นหลายคนที่ทำตัวอย่างนี้แล้ว พบเจอชะตาชีวิตที่ไม่สู้ดีเท่าไร แม้ว่าเรายังไม่ได้มีครอบครัวเหมือนกับพี่ชายตัวเอง เรายังไม่ข้ามฟากถนนไม่พ้น วันนี้เรารังเกียจเหตุการณ์แบบนี้แต่อนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะยังคงยึดมั่นตัวเองในแบบนี้ได้หรือไม่?
*ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ครับ ภาษาอาจไม่สละสรวย อ่านแล้วเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อกันต้องขออภัยอย่างสูง*
*นอกประเด็น*
จากที่เล่ามาข้างต้นว่าดวงชะตาพ่อเราสมพงษ์กับเจ้าที่เจ้าทาง ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรท่านจะออกมาช่วยเหลือครอบครัวเรา ยกตัวอย่างเท่าที่จำได้น่ะครับ
1.พ่อเราได้กำไรส่วนต่างจากการซื้อขายสินค้านำเข้าต่างประเทศ (ผมไม่แน่ใจเรียกว่าอะไร ใครทราบรบกวนบอกหน่อยครับ) ตอนนั้นได้กำไรมาประมาณสี่แสนบาท พ่อจึงเอากำไรส่วนนี้มาสร้างเป็นโกดังสินค้า
2.มีทีมงานถ่ายหนังมาขอยืมพื้นที่บ้านเรามาถ่ายภาพยนตร์ ได้เงินจากการเช่าพื้นที่สองหมื่นบาท
3.พี่สะใภ้ (แฟนพี่ชายคนโต) ครอบครัวอาอึ้มเอาสุนัขพันธุ์บางแก้วมาให้ครอบครัวเราเลี้ยงสองตัว ซึ่งตอนแรกครอบครัวพ่อไม่อยากได้มาเพราะมันเริ่มโตแล้วกลัวมากัดครอบครัวเรา แต่คุณแม่กลับอยากได้เพราะถูกชะตากับพวกเขาสองคนนี้ (หมา) แถมตอนนั้นพื้นที่บ้านยังไม่มีสุนัขมาเฝ้าบ้าน ก็ตัดสินใจเอามาเลี้ยงซึ่งเข้ากับครอบครัวได้ดี แถมกัดหนูตายเป็นว่าเล่น ซึ่งช่วยให้หมดปัญหาหนูเข้ามากัดสายไฟเครื่องครัวในบ้าน
4.คุณแม่ถูกรางวัลสลากออมสิน ได้เงินรางวัล 100,000 บาท (ผมซื้อมายังไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ ได้แต่รางวัล 600 กับ 900 T_T)
5.คุณแม่เล่นหวย... แล้วใกล้ช่วงจะออกรางวัลก่อนครึ่งชั่วโมง คุณแม่หันไปมองศาลตายาย ศาลพระภูมิ (พวกเขาคือเจ้าที่ของบ้านครับ) แล้วเห็นว่าทรุดโทรม แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า 'ถ้าถูกรางวัลจะสร้างรั้วสแตนเลสรอบศาลพร้อมเอาดอกไม้เหลืองมาถวายรอบล้อม' ผมจำไม่ได้ว่าคุณแม่เล่นอะไรน่ะ แต่พอประกาศเลขหวย คุณแม่ถูกรางวัล 50,000 บาท แล้วคุณแม่ก็เล่นตาตื่นไปถวายท่ายทันที
6.เจ้าที่ท่านช่วยจับขโมย (อ่านไม่ผิดครับ) ตอนนั้นมีเสมียนมาทำงานใหม่ ซึ่งดูแล้วอาการท่าทางไม่สมประกอบแต่ดูท่าทางเป็นคนดี คุณพ่อจึงเอามาเป็นพนักงานช่วยบัญชี แต่กลับสร้างวีรกรรมสุดชั่วร้ายคือเข้ามาขโมยเงินจากกระเป๋าเงินคุณแม่หลายครั้ง (ครั้งหนักสุดคือไปกินข้าวมันไก่80บาท เปิดกระเป๋าตังค์จะจ่ายเงิน แต่กระเป๋าโล่งหมดแม้แต่เหรียญยังเอาไป) ซึ่งคุณแม่โดนบ่อยเข้าจึงขอให้ท่านช่วยเหลือให้จับขโมยได้ เหตุการณ์อาจจะเล่าไม่อรรถรสน่ะครับขออภัยด้วยฟังมาจากแม่อีกที
วันที่เสมียนคนนี้เข้ามาขโมยเงิน (ปกติแม่วางกระเป๋าเงินไว้ที่โต๊ะทำงานหน้าบ้าน แล้วเดินไปเข้าครัวทำกับข้าว ซึ่งเป็นจังหวะที่มันจ้องขโมย) เขาก้มลอดใต้โต๊ะทำงานจะเอื้อมมาคว้ากระเป๋า กลับปรากฎขาใครไม่รู้มาขวางทางตรงใต้โต๊ะ (เสมียนคนนี้ชอบมาเช้าผิดปกติตอน 6.30 โมง ซึ่งทุกคนไม่ได้สังเกตว่าทำไมต้องมาเช้า ปกติคนอื่นจะทยอยมากันตอนใกล้แปดโมง ซึ่งช่วงเวลานั้นผมยืนยันได้ครับว่า 'ไม่ใช่' ขาของคนที่มาทำงาน) พี่เขาร้องกรี๊ดเสียงดัง จนคนอื่นในบ้านตกใจวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร ซึ่งเสมียนคนนี้จะวิ่งหนีออกจากบ้าน แต่โชคดีที่คนงานมาจับตัวทัน แล้วแม่สอบเค้นพี่เขาจนรับสารภาพว่าเป็นคนขโมย แต่เรื่องขาปริศนาที่มาปรากฎให้พี่เขาเห็นนั้นยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?
7.ได้คนเข้ามาช่วยเอื้อหนุนครอบครัว เรื่องนี้ประมาณสามปีกว่าช่วงใกล้ปีใหม่ ครอบครัวจะเดินทางฉลองปีใหม่ที่จีนแบบกรุ๊ปทัวร์ ตอนแรกพ่อไม่อยากไป (พ่อไม่ชอบเดินทางแบบนี้ เพราะโดนจำกัดเรื่องเวลา) แต่สุดท้ายแล้วคุณแม่เกลี้ยกล่อมให้ไปได้ (กลัวเมียแน่เลยครับ) ซึ่งตอนนั้นเราก็ไปไหว้เจ้าที่ก่อนออกจากบ้าน แล้วจำได้ลางๆ คุยกับท่านด้วยว่าขอให้มีคนดีเข้ามาในครอบครัวเรา ซึ่งจากการไปกรุ๊ปทัวร์ครั้งนี้ขอสรุปสั้น ๆ พี่สาวคนรองได้แฟนจากกลุ่มคนที่เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งพี่คนนี้สอนให้ผมเล่นหุ้นเป็น (พี่เขาเก่งมากครับ เคยเห็นตัวเลขเงินในพอร์ตพี่เขา เลข8หลัก) ซึ่งเราได้เงินจากการลงทุนมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว
8.พี่สาวคนโตได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพี่สาวก็ไปไหว้เจ้าที่มาว่าขอให้ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น แล้วจากการเดินทางครั้งนี้ทำให้พี่สาวเรามีโอกาสรู้จักประธานบริษัทญี่ปุ่นจากการทำงาน ซึ่งเงินเดือนโบนัสจากการทำงานนั้นก็เยอะมากขนาดที่ว่าอยู่ได้เป็นปี
9.ล่าสุดเกิดกับตัวเอง อาจจะตลกหน่อยครับ 5555 ถูกหวยเพราะไปขอกับท่านมา ปกติเราไม่เล่นสลากบ่อยมากนานทีจะซื้อเล่นสักสองสามใบ ครั้งนั้นเราอยากขอท่านสักครั้ง เพราะพ่อแม่ถูกสลากบ่อยมาก (เหมือนท่านให้โชคบ่อย) เราซื้อเสร็จก็เอาสลากไปวางไว้ที่ศาลตายายแล้วคุยกับท่านว่า "ผมอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว ยังไม่เคยขออะไรท่านเลยสักครั้ง (หรือเคยขอแต่ลืมไปแล้ว 5555) ครั้งนี้ผมอยากขอให้ท่านแบ่งโชคมาให้ถูกรางวัลครับ ถ้าถูกรางวัลใหญ่จะจัดอาหารของหวานชุดใหญ่มาถวายให้พร้อมดอกไม้ดาวเรืองที่ท่านชอบ (เจ้าที่บ้านผมชอบสีเหลืองครับ) แต่ถ้าถูกรางวัลย่อยก็ขอตามความเหมาะสมครับ" หลังไหว้เสร็จก็ถึงเวลาประกาศเวลา ผมตรวจสลากตัวเองแล้วได้รางวัลถูกเลขท้ายสามตัว ได้รางวัลมา 4,000 บาท ผมนี่ร้องกรี๊ดบ้านแทบแตก 555555 วิ่งไปไหว้ท่านอีกเพื่อขอบคุณ แล้วก็ซื้อทองหยิบทองหยอดมาไหว้ท่าน ^_^
10.เหตุการณ์สุดท้ายนี้ไม่รู้ว่าท่านมาช่วยหรือไม่ ตอนช่วงแรกที่ทำงานบริษัทพ่อเราโดนพี่ชายคนรอง (ครอบครัวอาอึ้ม) เรียกเข้าไปห้องทำงานเพื่อมาสอนงาน (แต่จริงแล้วเขาจงใจจะแกล้งผม) ทำเราเครียดไปนอนพักที่ห้อง ซึ่งพี่เขาก็หัวเราะแบบสะใจ (อารมณ์ว่ากุสกัดไม่ให้เข้ายุ่งงานที่นี่) ซึ่งการจะสอนใครเขามันควรค่อย ๆ สอนครับ ไม่ใช่มายัดเยียดแบบนี้ (ผมอ่านออกว่า พี่อยากให้ผมเครียดจะได้ไม่อยากทำงาน) แล้วเวรกรรมมาเยือนพี่ชายผมครับ อย่างแรก เขารู้ว่าผมเล่นหุ้นก็เล่นตามผม ช่วงแรก ๆ ได้กำไร 500 บาทก็ดีใจ อวดโชว์ตัวเองในที่ทำงาน (ใครในที่ทำงานเจอคนชอบอวดเบ่งจะเข้าใจ) แต่เมื่อก่อนสงกรานต์ เราเห็นพี่ชายนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เครียดมาก (หน้าม่วงแดง) แล้วทราบจากคนอื่นว่าเสียเงินจากหุ้นหลักหมื่น แล้วต่อมาก็มีปัญหากับภรรยาน้อยของตัวเอง จนทุกวันนี้จะไม่เป็นอันทำงานแล้ว
ไม่ได้อยากประจานความสะใจของตัวเองครับ แต่เรื่องบางเรื่องมันควรหาที่ระบายใจออกมาบ้าง ขอบคุณพันทิปที่ให้เรามีพื้นที่ชีวิตตัวเอง ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้าใจเรา (หรือไม่เพราะมึนมาก)
ใครมีเรื่องทำนองนี้มาเล่าแบ่งปันกันครับ
เชื่อเรื่องผลแห่งกรรมไหมครับ?
ขออธิบายตัวเองหน่อยว่า ปกติเป็นผมไม่เชื่อในเรื่องศาสนา (จะเรียกเป็นคนไร้ศาสนาก็ได้ครับ) ด้วยความที่เรียนหนักมาทางวิทย์ศาสตร์ จึงทำให้พื้นฐานความคิดเรานั้นตั้งอยู่บนหลักเหตุผล ใครมาบอกว่าทำบุญแบบนี้แล้วชาติหน้าจะได้เกิดมาแบบนี้เหมือนโฆษณาชวนเชื่อของวัดชื่อดังที่ปรากฏเป็นข่าว เราจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด
เข้าเรื่องกันครับ
ครอบครัวเราเป็นคนจีนอาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ตอนเด็กเราอาศัยอยู่บ้านของอาม่า (แม่ของพ่อ) อยู่กับพี่น้องกันหมดทุกคน จนถึงวันที่ครอบครัวของพ่อกับอาแปะ (พี่ชายพ่อ ซึ่งตอนนั้นเสียแล้ว) แยกตัวออกมาจากครอบครัวใหญ่ เหตุผลหลายอย่างทั้งผลประโยชน์ ความกดดันความเครียดจากระบบกงสี (พ่อเราทำงานหนักสุดในบรรดาพี่น้อง แต่ผลประโยชน์ที่แบ่งกันพ่อเรากลับเสียเปรียบ) เราจำความรู้ได้ดีว่าวันที่ต้องจากบ้านที่ตัวเองอยู่มาประจำตั้งแต่เด็กแล้วย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เป็นบ้านปูนสามชั้นพร้อมกับพื้นที่พงหญ้าทุกตาราง
เมื่อก่อนบ้านที่สร้างกับพื้นที่พ่อไปซื้อแถวนนทบุรี (เมื่อสิบกว่าปีก่อน) พ่อเราไปกู้เงินธนาคารมาเพื่อทำธุรกิจ เป็นหนี้ติดตัว 10 ล้าน ซึ่งเงินตรงนี้พ่อเราต้องเอามาหมุนเวียนธุรกิจและใช้เลี้ยงครอบครัวของพ่อและครอบครัวอาแปะ
แล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนที่อาอึ้ม (เมียอาแปะ) มาคุยกับคุณพ่อว่าจะขอแยกครอบครัวตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ (ไม่อยากเป็นหนี้ธนาคารร่วมกัน) ซึ่งพ่อเราจราจาว่าจะยกบ้านหลังนี้พร้อมกับพื้นที่ 1 ไร่ให้ (ถ้าตอนนั้นอาอึ้มเอาข้อตกลงนี้ ครอบครัวเราจะเดือดร้อนหนักเพราะครอบครัวเรากลายเป็น 'ผู้อยู่อาศัย' ของครอบครัวพวกเขา) แต่อาอึ้มปฏิเสธที่จะเอาข้อเสนอนี้ แล้วไม่กี่วันก็ทยอยขนข้าวของทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นของตัวเองย้ายออกจากบ้านไป ทิ้งครอบครัวเรา 5 คน ให้เผชิญหน้ากับหนี้สิบล้าน บ้านหลังใหม่ และพื้นที่ 4 ไร่
เราจำภาพเหตุการณ์ไม่เคยลืมว่า คุณพ่อแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ในห้องพระในบ้าน ซึ่งตอนนั้นทำเอาทุกคนตั้งตัวไม่ติดกัน ซึ่งภาระตอนที่ต้องสร้างอะไรใหม่ด้วยตัวเองทั้งหมดมันเป็นความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก อยากตายก็ตายไม่ได้ 'ครอบครัว' ยังอยู่
เวลาที่เกิดปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ คุณแม่เราจะไปปรึกษาคุณป้าซึ่งท่านเป็นหมอดู (ไม่ขอโฆษณา แต่ท่านดูแม่นมากราวกับมีตาทิตย์) ท่านเอาดวงวันเกิดพ่อไปทำนายชะตาชีวิต ซึ่งได้ผลทำนายว่าชีวิตพ่อเราต้องเจอความยากลำบากในการตั้งตัว แต่ชีวิตจะพบเจอความสุขสบายในช่วงใกล้เกษียณ แล้วพ่อเราท่านมีบุญบารมีสมพงษ์กับเจ้าที่เจ้าทางในบ้านที่ท่านอยู่อาศัย ถ้ามีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ ท่านเจ้าบ้านเจ้าเรือนจะออกมาช่วยแก้ปัญหาให้คุณพ่อเรา ซึ่งมีหลายเหตุการณ์ที่ครอบครัวเรา 'รู้สึก' ได้ว่าท่านมาช่วยเหลือครอบครัวเรา (ไม่ขอใส่รายละเอียดครับ เดี๋ยวออกนอกประเด็น)
จนถึงวันนี้แล้วชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน จนเราเรียนจบเป็นคนสุดท้ายทำให้ภาระส่งเสียเลี้ยงดูหมดลง ทุกวันนี้ธุรกิจที่บ้านเรามีครอบครัวของอาอึ้มมาช่วยทำงาน (พ่อเราให้มาทำงานด้วยกัน หลังจากที่ย้ายแล้วพี่ชายเราเจอปัญหาที่ทำงานโดนไล่ออกมา) แล้วเหตุการณ์ที่เราคิดว่า 'เวรกรรม' มันมีจริง
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวาน เรากลับจากงานข้างนอกมาตอนบ่าย ๆ เดินเข้ามาในออฟฟิศแล้วเห็น 'เด็ก' สองคนชายหญิงอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 11-12 ขวบ ตอนแรกเราไม่ได้เอะใจคิดว่าเป็นลูกคนงานเข้ามาเล่นกัน จนเข้าไปส่งงานที่ห้องทำงานคุณพ่อ โดยในห้องครอบครัวเราอยู่กันครบทุกคน แต่เราสังเกตได้ว่าอาการทุกคนมันแปลกจึงถามคุณแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น? จนเราทราบความจริงว่าเด็กที่เข้ามาเล่นในออฟฟิศที่เห็นเมื่อกี๊เป็น 'หลาน' ของผมที่เกิดจากแม่ที่เป็น 'ภรรยาน้อย' ของพี่ชายคนโต (ครอบครัวอาอึ้ม)
มันตลกครับที่วันหนึ่งเราจะได้เจอหลานที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเป็นสิบปี แล้วความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นมามันหลากหลายอารมณ์ผสมกัน 'เกลียด' 'สะใจ' 'สมน้ำหน้า' ผมนั่งนึกย้อนความจำในอดีตตอนเด็ก ภาพที่ครอบครัวพวกเขาทอดทิ้งคุณพ่อไปอย่างไม่ใยดี แล้ววันนี้ความรู้สึกของทั้งสองครอบครัวมันสลับกัน
ก่อนที่เด็กสองคนนี้จะกลับพวกเขาเดินมาไหว้เรา เรียกผมว่า 'อาเจ๊ก (น้องชายพ่อ)' แต่เราแสดงออกถึงความเย็นชาสุดหัวใจ ไม่อยากรับว่าเด็กสองคนนี้เป็นหลาน เพราะเกิดจากเมียน้อย (ใครเป็นครอบครัวคนจีน จะเข้าใจความรู้สึกของเราในตอนนี้ได้ดีว่ามันรู้สึกยังไง) มันอาจดูเหมือนละครน้ำเน่าที่เคยดูผ่านมา แต่นี่กลับเกิดขึ้นกับเราแล้ว
เราเอาความรู้สึกเหล่านี้ไประบายให้คุณแม่ คุณป้า ฟัง แต่พวกท่านสอนให้เรายับยั้งสติไว้ ถึงแม้ว่าเราไม่อยากรับเด็กสองคนนี้เป็น 'หลาน' แต่ขอให้เห็นพวกเขาเป็น 'เพื่อนร่วมโลก'
เหตุการณ์เรื่องนี้ มันมาจากที่เมียน้อยของพี่ชายเราหนีไปอยู่กับสามีคนใหม่ แล้วทอดทิ้งลูกไว้ให้พี่ชายเราสามคน (อีกคนหนึ่งยังเป็นทารก อาศัยอยู่กับย่า) แต่ความร้ายกาจไม่ใช่แค่การทิ้งลูกเพียงอย่างเดียว แต่กลับขนข้าวของในบ้านตัวเองที่อาศัยอยู่พี่ชายไปหมด ยกเว้นพวกของหนัก ๆ อย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซึ่งของที่ได้ไปมีมูลค่าประมาณครึ่งล้านได้ แต่ของสำคัญพี่ชายที่โดนเอาไปด้วยคือ สร้อยคอทองคำของพ่อตัวเอง (อาแปะ)
ตอนอยู่ในออฟฟิศทำงาน ผมเห็นครอบครัวของพวกเขานั่งประชุมกัน แต่สีหน้าแววตาบอกได้เลยว่า 'เครียด' อยากเห็นได้ชัด
อ่านถึงตรงนี้แล้ว เราไม่ขอให้ผู้อ่านตัดสินถูกผิดเรื่องนี้ว่าครอบครัวอาอึ้มนั้นเลวร้ายหรือครอบครัวเราประเสริฐศรีจากที่เล่ามา แต่ขอให้เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สอนให้คนอย่าทำผิดเหมือนกับที่ครอบครัวของพวกเราทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการมี 'ภรรยาน้อย' เราเห็นหลายคนที่ทำตัวอย่างนี้แล้ว พบเจอชะตาชีวิตที่ไม่สู้ดีเท่าไร แม้ว่าเรายังไม่ได้มีครอบครัวเหมือนกับพี่ชายตัวเอง เรายังไม่ข้ามฟากถนนไม่พ้น วันนี้เรารังเกียจเหตุการณ์แบบนี้แต่อนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะยังคงยึดมั่นตัวเองในแบบนี้ได้หรือไม่?
*ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ครับ ภาษาอาจไม่สละสรวย อ่านแล้วเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อกันต้องขออภัยอย่างสูง*
*นอกประเด็น*
จากที่เล่ามาข้างต้นว่าดวงชะตาพ่อเราสมพงษ์กับเจ้าที่เจ้าทาง ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรท่านจะออกมาช่วยเหลือครอบครัวเรา ยกตัวอย่างเท่าที่จำได้น่ะครับ
1.พ่อเราได้กำไรส่วนต่างจากการซื้อขายสินค้านำเข้าต่างประเทศ (ผมไม่แน่ใจเรียกว่าอะไร ใครทราบรบกวนบอกหน่อยครับ) ตอนนั้นได้กำไรมาประมาณสี่แสนบาท พ่อจึงเอากำไรส่วนนี้มาสร้างเป็นโกดังสินค้า
2.มีทีมงานถ่ายหนังมาขอยืมพื้นที่บ้านเรามาถ่ายภาพยนตร์ ได้เงินจากการเช่าพื้นที่สองหมื่นบาท
3.พี่สะใภ้ (แฟนพี่ชายคนโต) ครอบครัวอาอึ้มเอาสุนัขพันธุ์บางแก้วมาให้ครอบครัวเราเลี้ยงสองตัว ซึ่งตอนแรกครอบครัวพ่อไม่อยากได้มาเพราะมันเริ่มโตแล้วกลัวมากัดครอบครัวเรา แต่คุณแม่กลับอยากได้เพราะถูกชะตากับพวกเขาสองคนนี้ (หมา) แถมตอนนั้นพื้นที่บ้านยังไม่มีสุนัขมาเฝ้าบ้าน ก็ตัดสินใจเอามาเลี้ยงซึ่งเข้ากับครอบครัวได้ดี แถมกัดหนูตายเป็นว่าเล่น ซึ่งช่วยให้หมดปัญหาหนูเข้ามากัดสายไฟเครื่องครัวในบ้าน
4.คุณแม่ถูกรางวัลสลากออมสิน ได้เงินรางวัล 100,000 บาท (ผมซื้อมายังไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ ได้แต่รางวัล 600 กับ 900 T_T)
5.คุณแม่เล่นหวย... แล้วใกล้ช่วงจะออกรางวัลก่อนครึ่งชั่วโมง คุณแม่หันไปมองศาลตายาย ศาลพระภูมิ (พวกเขาคือเจ้าที่ของบ้านครับ) แล้วเห็นว่าทรุดโทรม แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า 'ถ้าถูกรางวัลจะสร้างรั้วสแตนเลสรอบศาลพร้อมเอาดอกไม้เหลืองมาถวายรอบล้อม' ผมจำไม่ได้ว่าคุณแม่เล่นอะไรน่ะ แต่พอประกาศเลขหวย คุณแม่ถูกรางวัล 50,000 บาท แล้วคุณแม่ก็เล่นตาตื่นไปถวายท่ายทันที
6.เจ้าที่ท่านช่วยจับขโมย (อ่านไม่ผิดครับ) ตอนนั้นมีเสมียนมาทำงานใหม่ ซึ่งดูแล้วอาการท่าทางไม่สมประกอบแต่ดูท่าทางเป็นคนดี คุณพ่อจึงเอามาเป็นพนักงานช่วยบัญชี แต่กลับสร้างวีรกรรมสุดชั่วร้ายคือเข้ามาขโมยเงินจากกระเป๋าเงินคุณแม่หลายครั้ง (ครั้งหนักสุดคือไปกินข้าวมันไก่80บาท เปิดกระเป๋าตังค์จะจ่ายเงิน แต่กระเป๋าโล่งหมดแม้แต่เหรียญยังเอาไป) ซึ่งคุณแม่โดนบ่อยเข้าจึงขอให้ท่านช่วยเหลือให้จับขโมยได้ เหตุการณ์อาจจะเล่าไม่อรรถรสน่ะครับขออภัยด้วยฟังมาจากแม่อีกที
วันที่เสมียนคนนี้เข้ามาขโมยเงิน (ปกติแม่วางกระเป๋าเงินไว้ที่โต๊ะทำงานหน้าบ้าน แล้วเดินไปเข้าครัวทำกับข้าว ซึ่งเป็นจังหวะที่มันจ้องขโมย) เขาก้มลอดใต้โต๊ะทำงานจะเอื้อมมาคว้ากระเป๋า กลับปรากฎขาใครไม่รู้มาขวางทางตรงใต้โต๊ะ (เสมียนคนนี้ชอบมาเช้าผิดปกติตอน 6.30 โมง ซึ่งทุกคนไม่ได้สังเกตว่าทำไมต้องมาเช้า ปกติคนอื่นจะทยอยมากันตอนใกล้แปดโมง ซึ่งช่วงเวลานั้นผมยืนยันได้ครับว่า 'ไม่ใช่' ขาของคนที่มาทำงาน) พี่เขาร้องกรี๊ดเสียงดัง จนคนอื่นในบ้านตกใจวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร ซึ่งเสมียนคนนี้จะวิ่งหนีออกจากบ้าน แต่โชคดีที่คนงานมาจับตัวทัน แล้วแม่สอบเค้นพี่เขาจนรับสารภาพว่าเป็นคนขโมย แต่เรื่องขาปริศนาที่มาปรากฎให้พี่เขาเห็นนั้นยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?
7.ได้คนเข้ามาช่วยเอื้อหนุนครอบครัว เรื่องนี้ประมาณสามปีกว่าช่วงใกล้ปีใหม่ ครอบครัวจะเดินทางฉลองปีใหม่ที่จีนแบบกรุ๊ปทัวร์ ตอนแรกพ่อไม่อยากไป (พ่อไม่ชอบเดินทางแบบนี้ เพราะโดนจำกัดเรื่องเวลา) แต่สุดท้ายแล้วคุณแม่เกลี้ยกล่อมให้ไปได้ (กลัวเมียแน่เลยครับ) ซึ่งตอนนั้นเราก็ไปไหว้เจ้าที่ก่อนออกจากบ้าน แล้วจำได้ลางๆ คุยกับท่านด้วยว่าขอให้มีคนดีเข้ามาในครอบครัวเรา ซึ่งจากการไปกรุ๊ปทัวร์ครั้งนี้ขอสรุปสั้น ๆ พี่สาวคนรองได้แฟนจากกลุ่มคนที่เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งพี่คนนี้สอนให้ผมเล่นหุ้นเป็น (พี่เขาเก่งมากครับ เคยเห็นตัวเลขเงินในพอร์ตพี่เขา เลข8หลัก) ซึ่งเราได้เงินจากการลงทุนมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว
8.พี่สาวคนโตได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพี่สาวก็ไปไหว้เจ้าที่มาว่าขอให้ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น แล้วจากการเดินทางครั้งนี้ทำให้พี่สาวเรามีโอกาสรู้จักประธานบริษัทญี่ปุ่นจากการทำงาน ซึ่งเงินเดือนโบนัสจากการทำงานนั้นก็เยอะมากขนาดที่ว่าอยู่ได้เป็นปี
9.ล่าสุดเกิดกับตัวเอง อาจจะตลกหน่อยครับ 5555 ถูกหวยเพราะไปขอกับท่านมา ปกติเราไม่เล่นสลากบ่อยมากนานทีจะซื้อเล่นสักสองสามใบ ครั้งนั้นเราอยากขอท่านสักครั้ง เพราะพ่อแม่ถูกสลากบ่อยมาก (เหมือนท่านให้โชคบ่อย) เราซื้อเสร็จก็เอาสลากไปวางไว้ที่ศาลตายายแล้วคุยกับท่านว่า "ผมอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว ยังไม่เคยขออะไรท่านเลยสักครั้ง (หรือเคยขอแต่ลืมไปแล้ว 5555) ครั้งนี้ผมอยากขอให้ท่านแบ่งโชคมาให้ถูกรางวัลครับ ถ้าถูกรางวัลใหญ่จะจัดอาหารของหวานชุดใหญ่มาถวายให้พร้อมดอกไม้ดาวเรืองที่ท่านชอบ (เจ้าที่บ้านผมชอบสีเหลืองครับ) แต่ถ้าถูกรางวัลย่อยก็ขอตามความเหมาะสมครับ" หลังไหว้เสร็จก็ถึงเวลาประกาศเวลา ผมตรวจสลากตัวเองแล้วได้รางวัลถูกเลขท้ายสามตัว ได้รางวัลมา 4,000 บาท ผมนี่ร้องกรี๊ดบ้านแทบแตก 555555 วิ่งไปไหว้ท่านอีกเพื่อขอบคุณ แล้วก็ซื้อทองหยิบทองหยอดมาไหว้ท่าน ^_^
10.เหตุการณ์สุดท้ายนี้ไม่รู้ว่าท่านมาช่วยหรือไม่ ตอนช่วงแรกที่ทำงานบริษัทพ่อเราโดนพี่ชายคนรอง (ครอบครัวอาอึ้ม) เรียกเข้าไปห้องทำงานเพื่อมาสอนงาน (แต่จริงแล้วเขาจงใจจะแกล้งผม) ทำเราเครียดไปนอนพักที่ห้อง ซึ่งพี่เขาก็หัวเราะแบบสะใจ (อารมณ์ว่ากุสกัดไม่ให้เข้ายุ่งงานที่นี่) ซึ่งการจะสอนใครเขามันควรค่อย ๆ สอนครับ ไม่ใช่มายัดเยียดแบบนี้ (ผมอ่านออกว่า พี่อยากให้ผมเครียดจะได้ไม่อยากทำงาน) แล้วเวรกรรมมาเยือนพี่ชายผมครับ อย่างแรก เขารู้ว่าผมเล่นหุ้นก็เล่นตามผม ช่วงแรก ๆ ได้กำไร 500 บาทก็ดีใจ อวดโชว์ตัวเองในที่ทำงาน (ใครในที่ทำงานเจอคนชอบอวดเบ่งจะเข้าใจ) แต่เมื่อก่อนสงกรานต์ เราเห็นพี่ชายนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เครียดมาก (หน้าม่วงแดง) แล้วทราบจากคนอื่นว่าเสียเงินจากหุ้นหลักหมื่น แล้วต่อมาก็มีปัญหากับภรรยาน้อยของตัวเอง จนทุกวันนี้จะไม่เป็นอันทำงานแล้ว
ไม่ได้อยากประจานความสะใจของตัวเองครับ แต่เรื่องบางเรื่องมันควรหาที่ระบายใจออกมาบ้าง ขอบคุณพันทิปที่ให้เรามีพื้นที่ชีวิตตัวเอง ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้าใจเรา (หรือไม่เพราะมึนมาก)
ใครมีเรื่องทำนองนี้มาเล่าแบ่งปันกันครับ