แค่เห็นคำถามเชื่อว่าหลายคนคงคิดในใจว่า มีด้วยเหรอ พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียเรียนอนุบาล ในเมื่อสำหรับอนุบาลธรรมดาๆที่ไม่ใช่อนุบาลอินเตอร์สองภาษาเอกชนไฮโซ มันไม่ได้ใช้เบี้ยมากมายอะไร ใครๆก็เรียนได้ แต่ขอโทษ รัฐเล็งเห็นถึงปัญหาตรงนี้จัดให้เรียนฟรีอนุบาล โดยตัด เรียนฟรี ม.ปลายทิ้งเป็นการตอบแทน
ด้วยกฎหมาย ตัดสิทธิเรียนฟรี ม.ปลายไปฟรีอนุบาลแทน ภาพแบบนี้คงมีให้เห็นน้อยลง คนเขียนกฎหมายเข้าใจความแร้นแค้นของคนจนผิดไปไกลจริงๆ
เด็กจะโดนออกจากโรงเรียนหรือไม่ ไม่ใช่ตอนอนุบาลหรอก ตอนจบ ม.3 นั้นแหละ จุดหักเหของชีวิตคนจนว่าจะไปเป็นกุลี หรือ บัณฑิต
ชาวเน็ตซึ้ง! ปริญญาน้ำตา จากน.ส.ดุจเดือน ต้นทุนชีวิตที่ติดลบ
บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความสุดซึ้งจากสมาชิกเฟซบุ๊ค ชื่อ Wanmai Dujduan เผยเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเองกว่าจะจบปริญญาตรี จากต้นทุนชีวิตที่ติดลบ โดยเผยว่า ตนชื่อ ดุจเดือน สนธิดี เป็นคนพิษณุโลกโดยกำเนิด มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 4 คน ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้มีฐานะอะไรเลยต้องช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะรับจ้างทั่วไปงานที่สุจริตรับทำหมด แต่เดิมทำอาชีพทำนาก็ทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อกับแม่ทำ ไถนา ดำนา ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ถือว่าลำบาก พ่อกับแม่ก็ทำงานได้
12250130_1777800899007239_2524525969758497148_n
จนตนอยู่ ปวช.2 หัวหน้าครอบครัวที่คอยหารายได้ก็ลมป่วยแบบกระทันหัน พบเป็นเนื้องอกในสมอง จนทำให้ค่ารักษาพุ่งสูง ไม่มีเงินสำหรับกา่รเล่าเรียนทั้งที่อีกปีเดียวจะจบแล้ว แต่ก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างช่วงนั้นตนจะจบปวช. ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายในรักษาเยอะมาก แม่บอกกับตนว่าจบ ปวช.แล้วเลิกเรียนเถอะ ไม่มีเงินจะให้ไปเรียนแล้ว แต่ด้วยความที่ตนอยากเรียนจึงไปรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟ ที่ร้านอาหาร ทำงานตั้งแต่ 16.00-00.00 น.วันไหนเลิกเรียนเย็นก็ถูกหักเงิน เงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจะแบ่งให้แม่ไว้ใช้จ่าย ส่วนพ่อก็ยังเข้าออกรพ.ทุกเดือน จนตนเรียนอยู่ปวส.2ต้นปี หมอบอกว่าต้องเปลี่ยนการรักษามาให้คีโมแทน คนไข้เป็นมะเร็งสมอง
“ จากที่ยืนฟังหมอพูดอยู่ๆขาทั้งสองก็อ่อนแรงทรุดลงไป น้ำตามันไหนออกมาแบบไม่รู้ตัว มือไม้สั่นพูดอะไรไม่ออกได้ หมอก็ได้แค่พูดว่าจะทำให้ดีที่สุด เราอยู่รพ.เหมือนบ้านหลังที่2”
มาถึงวันสอบปลายเทอมเพื่อจบการศึกษาปวส. เหตุการณ์ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ก็มาถึง วันนั้นประมาณเกือบ8โมงเช้า ตนนั่งอยู่ในห้องรอที่จะสอบมีโทรศัพท์จากพี่ชายว่าให้รีบกลับบ้านด่วนเพราะพ่อแย่แล้ว ตนก็บอกกลับไปว่ากำลังจะสอบไม่นานจะรีบกลับ แต่มันไม่ทันซะแล้วต่อจากที่รับสายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในระหว่างที่อ.กำลังแจกเอกสารที่ใช้สอบ ก็มีสายเข้ามาอีกแต่เป็นคำพูดที่สั่นเคลือว่าไม่ต้องรีบนะสอบเสร็จแล้วตอนเย็นค่อยกลับ พ่อสิ้นใจแล้ว
ตนยืนร้องไห้กลางห้องสอบทั้งที่ในมือยังถือเอกสารสอบ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยข้อสอบที่ได้มาอ่านไม่ออกหัวมันหมุนไปหมดจิตใจคิดแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพได้ประมาณเกือบ2เดือน โอกาสก็กลับมาอีกครั้ง คือ มจพ.เปิดสอบตรง ในวันประกาศผลสอบตนสอบติด1ใน16 คน ที่สอบได้
“ขอเรียกความสำเร็จนี่ว่า”ปริญญาน้ำตา” มันไม่ง่ายเลยแต่ช่ว่าทำไม่ได้ ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคน ในวันที่สิ้นหวัง ท้อแท้ ให้คุณมองดูคนที่ลำบากกว่า แขนขาขาด ตาบอด เขายังสู้ชีวิตเลย ขอบคุณคนที่ทนอ่านจนจบที่เขียนเพื่ออยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสิ้นหวังท้อแท้ในโชคชะตาแต่คุณจงสัจธาในตัวเอง.กอย่างเราลิขิตได้ด้วยสองมือ”
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/469325.html
ใครบ้างที่เกือบไม่ได้เข้าเรียนอนุบาล เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย ?
ด้วยกฎหมาย ตัดสิทธิเรียนฟรี ม.ปลายไปฟรีอนุบาลแทน ภาพแบบนี้คงมีให้เห็นน้อยลง คนเขียนกฎหมายเข้าใจความแร้นแค้นของคนจนผิดไปไกลจริงๆ
เด็กจะโดนออกจากโรงเรียนหรือไม่ ไม่ใช่ตอนอนุบาลหรอก ตอนจบ ม.3 นั้นแหละ จุดหักเหของชีวิตคนจนว่าจะไปเป็นกุลี หรือ บัณฑิต
ชาวเน็ตซึ้ง! ปริญญาน้ำตา จากน.ส.ดุจเดือน ต้นทุนชีวิตที่ติดลบ
บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความสุดซึ้งจากสมาชิกเฟซบุ๊ค ชื่อ Wanmai Dujduan เผยเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเองกว่าจะจบปริญญาตรี จากต้นทุนชีวิตที่ติดลบ โดยเผยว่า ตนชื่อ ดุจเดือน สนธิดี เป็นคนพิษณุโลกโดยกำเนิด มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 4 คน ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้มีฐานะอะไรเลยต้องช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะรับจ้างทั่วไปงานที่สุจริตรับทำหมด แต่เดิมทำอาชีพทำนาก็ทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อกับแม่ทำ ไถนา ดำนา ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ถือว่าลำบาก พ่อกับแม่ก็ทำงานได้
12250130_1777800899007239_2524525969758497148_n
จนตนอยู่ ปวช.2 หัวหน้าครอบครัวที่คอยหารายได้ก็ลมป่วยแบบกระทันหัน พบเป็นเนื้องอกในสมอง จนทำให้ค่ารักษาพุ่งสูง ไม่มีเงินสำหรับกา่รเล่าเรียนทั้งที่อีกปีเดียวจะจบแล้ว แต่ก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างช่วงนั้นตนจะจบปวช. ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายในรักษาเยอะมาก แม่บอกกับตนว่าจบ ปวช.แล้วเลิกเรียนเถอะ ไม่มีเงินจะให้ไปเรียนแล้ว แต่ด้วยความที่ตนอยากเรียนจึงไปรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟ ที่ร้านอาหาร ทำงานตั้งแต่ 16.00-00.00 น.วันไหนเลิกเรียนเย็นก็ถูกหักเงิน เงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจะแบ่งให้แม่ไว้ใช้จ่าย ส่วนพ่อก็ยังเข้าออกรพ.ทุกเดือน จนตนเรียนอยู่ปวส.2ต้นปี หมอบอกว่าต้องเปลี่ยนการรักษามาให้คีโมแทน คนไข้เป็นมะเร็งสมอง
“ จากที่ยืนฟังหมอพูดอยู่ๆขาทั้งสองก็อ่อนแรงทรุดลงไป น้ำตามันไหนออกมาแบบไม่รู้ตัว มือไม้สั่นพูดอะไรไม่ออกได้ หมอก็ได้แค่พูดว่าจะทำให้ดีที่สุด เราอยู่รพ.เหมือนบ้านหลังที่2”
มาถึงวันสอบปลายเทอมเพื่อจบการศึกษาปวส. เหตุการณ์ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ก็มาถึง วันนั้นประมาณเกือบ8โมงเช้า ตนนั่งอยู่ในห้องรอที่จะสอบมีโทรศัพท์จากพี่ชายว่าให้รีบกลับบ้านด่วนเพราะพ่อแย่แล้ว ตนก็บอกกลับไปว่ากำลังจะสอบไม่นานจะรีบกลับ แต่มันไม่ทันซะแล้วต่อจากที่รับสายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในระหว่างที่อ.กำลังแจกเอกสารที่ใช้สอบ ก็มีสายเข้ามาอีกแต่เป็นคำพูดที่สั่นเคลือว่าไม่ต้องรีบนะสอบเสร็จแล้วตอนเย็นค่อยกลับ พ่อสิ้นใจแล้ว
ตนยืนร้องไห้กลางห้องสอบทั้งที่ในมือยังถือเอกสารสอบ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยข้อสอบที่ได้มาอ่านไม่ออกหัวมันหมุนไปหมดจิตใจคิดแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพได้ประมาณเกือบ2เดือน โอกาสก็กลับมาอีกครั้ง คือ มจพ.เปิดสอบตรง ในวันประกาศผลสอบตนสอบติด1ใน16 คน ที่สอบได้
“ขอเรียกความสำเร็จนี่ว่า”ปริญญาน้ำตา” มันไม่ง่ายเลยแต่ช่ว่าทำไม่ได้ ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคน ในวันที่สิ้นหวัง ท้อแท้ ให้คุณมองดูคนที่ลำบากกว่า แขนขาขาด ตาบอด เขายังสู้ชีวิตเลย ขอบคุณคนที่ทนอ่านจนจบที่เขียนเพื่ออยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสิ้นหวังท้อแท้ในโชคชะตาแต่คุณจงสัจธาในตัวเอง.กอย่างเราลิขิตได้ด้วยสองมือ”
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/469325.html