ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา
พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว
ทอดพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า
"ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง) ดุจแผ่นดินด้วยประการใดแล, การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล ย่อมสมควร."
แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๕.
โยคา เว ชายตี ภูริ
อโยคา ภูริสงฺขโย
เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา
ภวาย วิภวาย จ
ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย
ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่ง
ปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้ทาง ๒ แพร่งแห่งความ
เจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา
จะเจริญขึ้นได้.
----------------------
ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา -- พระพุทธะวะจะนะตามพระไตรปิฎก
พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว
ทอดพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า
"ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง) ดุจแผ่นดินด้วยประการใดแล, การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล ย่อมสมควร."
แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๕.
โยคา เว ชายตี ภูริ
อโยคา ภูริสงฺขโย
เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา
ภวาย วิภวาย จ
ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย
ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่ง
ปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้ทาง ๒ แพร่งแห่งความ
เจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา
จะเจริญขึ้นได้.
----------------------