พอดีได้อ่านร่าวรัฐธรรมนูญ ฉบับ มีชัย 59 แล้วสงสัย ว่าตกลงประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพจริงหรือเปล่า...?
เพราะ
มาตรา ๒๕ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย นอกจาก ที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญแล้ว การใดที่มิได้ห้ามหรือจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้น
ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
คำถามคือ ใครเป็นคนตีความว่า กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐหรือไม่..?
รัฐทำได้เองไหม หรือต้องให้ศาลปกครองเป็นผู้ชี้ขาด
ดังกรณี ฝ่ายหนึ่งชุมนุมเรียกร้องผิดกฏหมาย แต่อีกฝ่ายสามารถกระทำได้ทั้งๆที่ยึดสถานที่ราชการ
มาตรา ๓๐ การเกณฑ์แรงงานจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ
หรือในขณะที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือในระหว่างที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม
คำถามคือ ใครเป็นผู้ประกาศกฏอัยการศึก ทหารหรือฝ่ายบริหาร และในกรณีที่ประกาศกฏอัยการศึกเพราะเหตุการความขัดแย้งทางการเมือง
ผู้ประกาศสามารถกะเกณฑ์แรงงานประชาชนไปใช้ประโยชน์ฝ่ายตนเองได้ตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ แล้วประชาชน ไม่มีสิทธิเสรีภาพที่จะปฏิเสธ เพราะได้บัญญัติไว้ใน หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่ใช้คำว่า
ป้องกันประเทศ ซึ่งสามารถใช้ำคว่า ป้องกันความมั่นคงของรัฐ มาตีความแทนความหมายกันได้
มาตรา ๓๔ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด
การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้น
เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน หรือเพื่อป้องกันมิให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคมเสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่เป็นการขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำถามคือ การแสดงความเห็นขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร เป็นสิ่งที่ผิดและกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐหรือเปล่า เพราะที่แล้วมา ก็ใช้คำนี้ ปิดปากประชาชนมาตลอดในช่วงการยึดอำนาจ
สรุป คือเหมือนมีสิทธิเสรีภาพ แต่ที่สุดก้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ปกครอง แล้วนั้นจะเรียกได้ว่า มีสิทธิ เสรีภาพได้อย่างไร
ขอพูดแค่นี้แล้วกัน เพราะเกี่ยวเนื่องกับประชาชน เช่นผม โดยตรง
จะไม่พูดถึงในหมวดอื่น ที่มีจุดสังเกตุมากมาย ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ตั้งธงให้ข้าราชการเป็นใหญ่เหนือประชาชน และตัวแทนประชาชน การเลือกตัวแทนของประชาชนก็ถึงตีกรอบให้เลือกตามความประสงค์ของคนร่างรัฐธรรมนูญ เพราะยังมีกรอบกติกาที่ สนช.จะต้องออกมากำหนดอีก ในที่รัฐธรรมนูญก็ตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามไปแล้วบางส่วน การเอาองค์กรณ์อิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอยู่ในหมวดศาล และให้อำนาจที่ครอบจักรวาลสามารถระงับการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร รวมถึงนิติบัญญัติได้ ก็รู้กันดีว่าเป็นปัญหาที่สร้างเงื่อนปมให้กับประเทศ
เพราะแค่พูดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงแล้ว ก็ไม่รู้จะรอดพ้นข้อหาผิดกฏหมาย และศีลธรรมอันดีไปได้หรือเปล่า
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
*แก้ไขคำผิด
รัฐธรรมนูญ ฉบับมีชัย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพจริงหรือ..?
เพราะ
มาตรา ๒๕ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย นอกจาก ที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญแล้ว การใดที่มิได้ห้ามหรือจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้น ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
คำถามคือ ใครเป็นคนตีความว่า กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐหรือไม่..?
รัฐทำได้เองไหม หรือต้องให้ศาลปกครองเป็นผู้ชี้ขาด
ดังกรณี ฝ่ายหนึ่งชุมนุมเรียกร้องผิดกฏหมาย แต่อีกฝ่ายสามารถกระทำได้ทั้งๆที่ยึดสถานที่ราชการ
มาตรา ๓๐ การเกณฑ์แรงงานจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ หรือในขณะที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือในระหว่างที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม
คำถามคือ ใครเป็นผู้ประกาศกฏอัยการศึก ทหารหรือฝ่ายบริหาร และในกรณีที่ประกาศกฏอัยการศึกเพราะเหตุการความขัดแย้งทางการเมือง
ผู้ประกาศสามารถกะเกณฑ์แรงงานประชาชนไปใช้ประโยชน์ฝ่ายตนเองได้ตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ แล้วประชาชน ไม่มีสิทธิเสรีภาพที่จะปฏิเสธ เพราะได้บัญญัติไว้ใน หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่ใช้คำว่า ป้องกันประเทศ ซึ่งสามารถใช้ำคว่า ป้องกันความมั่นคงของรัฐ มาตีความแทนความหมายกันได้
มาตรา ๓๔ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด
การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้น เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน หรือเพื่อป้องกันมิให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคมเสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่เป็นการขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำถามคือ การแสดงความเห็นขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร เป็นสิ่งที่ผิดและกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐหรือเปล่า เพราะที่แล้วมา ก็ใช้คำนี้ ปิดปากประชาชนมาตลอดในช่วงการยึดอำนาจ
สรุป คือเหมือนมีสิทธิเสรีภาพ แต่ที่สุดก้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ปกครอง แล้วนั้นจะเรียกได้ว่า มีสิทธิ เสรีภาพได้อย่างไร
ขอพูดแค่นี้แล้วกัน เพราะเกี่ยวเนื่องกับประชาชน เช่นผม โดยตรง
จะไม่พูดถึงในหมวดอื่น ที่มีจุดสังเกตุมากมาย ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ตั้งธงให้ข้าราชการเป็นใหญ่เหนือประชาชน และตัวแทนประชาชน การเลือกตัวแทนของประชาชนก็ถึงตีกรอบให้เลือกตามความประสงค์ของคนร่างรัฐธรรมนูญ เพราะยังมีกรอบกติกาที่ สนช.จะต้องออกมากำหนดอีก ในที่รัฐธรรมนูญก็ตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามไปแล้วบางส่วน การเอาองค์กรณ์อิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอยู่ในหมวดศาล และให้อำนาจที่ครอบจักรวาลสามารถระงับการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร รวมถึงนิติบัญญัติได้ ก็รู้กันดีว่าเป็นปัญหาที่สร้างเงื่อนปมให้กับประเทศ
เพราะแค่พูดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงแล้ว ก็ไม่รู้จะรอดพ้นข้อหาผิดกฏหมาย และศีลธรรมอันดีไปได้หรือเปล่า
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
*แก้ไขคำผิด